ตอนที่ 105 ปะทะกันครั้งแรก
จูซุ่นเอ่ยว่า “แล้วราชทูตแคว้นเยี่ยนสามารถจับตัวคนในแคว้นจ้าวของเราตามอำเภอใจได้หรือ?”
ซ่งหลงเถียงกลับอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน “จูซุ่น อย่าได้พูดจาส่งเดช!”
จูซุ่นเอ่ยว่า “ใต้เท้าซ่ง ผู้มาเยือนคือแขก ข้าไม่อยากทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่คนผู้นั้น วันนี้ข้าต้องพากลับไปให้ได้! มอบคนมาซะ แล้วข้าจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น มิเช่นนั้นข้าจำเป็นต้องออกคำสั่งตรวจค้น หากว่าค้นเจอ เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียงจับกุมพวกท่านไว้ แล้วให้แคว้นเยี่ยนมอบคำอธิบายต่อมณฑลจินโจว! ใต้เท้าซ่ง เรื่องนี้ไม่เหลือช่องให้เจรจาหรือต่อรองแล้ว ข้าขอย้ำอีกครั้ง มอบคนมาซะ แล้วข้าจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น พูดคำไหนคำนั้นแน่นอน!”
คนที่จับตัวมาอยู่ด้านใน ที่นี่ได้ถูกทหารปิดล้อมอย่างหนาแน่นแล้ว ถึงตอนนี้อยากเอาไปซ่อนก็ไม่มีที่ให้ซ่อนแล้ว อีกทั้งท่าทีของอีกฝ่ายก็ชัดเจนนัก เรื่องนี้ไม่เหลือช่องให้เจรจาใดๆ ได้ ซ่งหลงจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาให้ดีๆ
แม้ว่าขนของราชาหมีขนทองจะล้ำค่า แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับบางเรื่องแล้วไม่นับว่ามีค่าอันใดเลย นอกจากนี้เจ้าปีศาจหมีตัวนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเขาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีก็คิดจะมอบให้เป็นของขวัญอยู่แล้ว ไม่ได้คิดจะเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัว
ซ่งหลงเหลือบมองเป้าหมายที่แท้จริงของเขา หนิวโหย่วเต้า!
ดวงตาเขาสาดประกายขึ้นมาเล็กน้อย เอียงศีรษะสั่งการ “ไปพาตัวมา”
พอเห็นลูกน้องเขากลับเข้าไปด้านใน หนิวโหย่วเต้ารีบกระซิบเตือนจูซุ่นอย่างรวดเร็ว “คนตายทำการรักษาไม่ได้!”
เขากังวลว่าอีกฝ่ายจะฆ่าคนปิดปาก เพราะการที่ราชทูตมาจับตัวคนในอาณาเขตของแคว้นอื่นนั้นมิใช่เรื่องเล็กๆ หากอีกฝ่ายฆ่าหยวนฟาง จากนั้นอ้างว่าบังเอิญพบผู้บาดเจ็บบนถนนจึงพากลับมารักษา ผลสุดท้ายคือบาดเจ็บสาหัสจนเกินเยียวยา ไม่ยอมรับว่าเป็นตนเองที่จับคนมา เช่นนั้นข้อพิพาทนี้ก็ไม่อาจสืบสาวเอาความต่อไปได้
แววตาจูซุ่นวูบไหว เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงขึงขังแข็งกร้าว “ข้าต้องการคนเป็น! หากคนตายไป ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่แม้แต่คนเดียว!”
ที่เขากล้าพูดจาแบบนี้ ที่เขากล้าใช้คำพูดรุนแรงเช่นนี้ เป็นเพราะเขาทราบดีว่าหากมียอดหมอที่สามารถรักษาอาการป่วยของนายน้อยได้จริง นั่นจะมีความหมายอย่างไรต่อตระกูลเซียวและฮูหยิน อีกทั้งทราบดีว่าหากตระกูลเซียวล่มจมลงจะมีความหมายอย่างไรต่อเขาที่เป็นพ่อบ้านตระกูลเซียว
ซ่งหลงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา “พูดจาใหญ่โตเสียเหลือเกินนะ ข้าคือราชทูตแคว้นเยี่ยน ต่อให้เป็นราชสำนักแคว้นจ้าวก็ยังไม่กล้าขู่เอาชีวิตราชทูตส่งเดชเลย ดูเหมือนมณฑลจินโจวจะมีอำนาจเหนือราชสำนักแคว้นจ้าวสินะ วันนี้แซ่ซ่งได้รับการสั่งสอนแล้ว!”
จูซุ่นเอ่ย “ใต้เท้าซ่งเข้าใจผิดแล้ว มณฑลจินโจวมิบังอาจอยู่เหนือแคว้นจ้าวหรอก มณฑลจินโจวเพียงแค่ไม่กริ่งเกรงแคว้นเยี่ยนเท่านั้น ไม่ยอมปล่อยให้แคว้นเยี่ยนมาทำตัวโอหังในเขตแดนแคว้นจ้าวเท่านั้น! หากใต้เท้าซ่งไม่เชื่อ ก็ลองคืนตัวคนมาในสภาพสิ้นชีพดูสิ ข้ากล้ารับรองเลยว่าหากเกิดเรื่องอันใดขึ้นมา ทางแคว้นเยี่ยนย่อมต้องเข้าใจเหตุผลแน่นอน ไม่มีทางซักไซ้เอาเรื่องอันใด!”
“…..” ซ่งหลงถูกวาจานี้ตอกหน้าจนมีโทสะสุมอยู่เต็มทรวง
ถึงอีกฝ่ายจะพูดจานุ่มนวลน่าฟัง แต่ความหมายที่แฝงอยู่กลับแจ่มชัดยิ่งนัก ‘ต่อให้ข้าสังหารเจ้า แคว้นเยี่ยนก็ไม่กล้าสืบสาวเอาความเป็นจริงเป็นจังแน่นอน!’
ในฐานะที่เป็นราชทูต แม้นได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วโมโหจนเกินรับไหว แต่เขาก็ไม่กล้ารับคำท้านี้ เนื่องจากกำลังของแคว้นเยี่ยนไม่กล้าแข็งพอ ประกาศศักดาอำนาจไม่ได้ ข่มขวัญศัตรูไม่ได้ เรื่องราวระหว่างสองแคว้นต้องใช้อำนาจความแข็งแกร่งเข้าตัดสิน ฝีปากวาจาหาได้มีประโยชน์อันใดไม่!
มาตรว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเพราะปัญหาส่วนตัวของตระกูลซ่ง แต่วันนี้เขาได้รู้ซึ้งแล้วว่าสิ่งใดที่เรียกว่าแคว้นอ่อนแอไร้อำนาจต่อรอง แม้แต่เจ้าศักดินามณฑลหนึ่งในแคว้นจ้าวก็ยังกล้ามองข้ามหัวแคว้นเยี่ยน สำหรับราชทูตอย่างเขาแล้ว นี่ช่างน่าอัปยศเหลือเกิน!
ความจริงแล้วเขารู้อยู่แก่ใจดีว่าอำนาจโดยรวมของแคว้นเยี่ยนมิได้อ่อนแอเลย มิได้ต่างจากแคว้นจ้าวมากนัก แต่แคว้นเยี่ยนอ่อนแอเพราะมีศึกวุ่นวายภายใน แตกแยกไร้ซึ่งความสามัคคี หากเป็นช่วงอดีตเมื่อหลายปีก่อน สมัยที่หนิงอ๋องยังนำทัพอยู่ เมื่ออยู่ต่อหน้าแคว้นเยี่ยน แคว้นจ้าวก็ยังต้องยอมก้มหัวให้ แคว้นจ้าวในสมัยนั้นไหนเลยจะกล้าพูดจาเช่นนี้กับราชทูตของแคว้นเยี่ยนได้? ทว่าในสายตาขององค์ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนแล้ว บางทีหนิงอ๋องผู้เป็นน้องชายของตนเองอาจจะเป็นศัตรูร้ายที่อยู่ใกล้ตัวมากกว่าศัตรูต่างแคว้นก็เป็นได้ เรื่องบางเรื่องขุนนางอย่างพวกเขาก็พูดอะไรมากไม่ได้เช่นกัน
ท้ายที่สุด หยวนฟางที่เนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยเลือดก็ถูกพาออกมา ซ่งหลงเองก็นับว่าถูกบังคับให้ปล่อยตัวคนต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นกัน
เมื่อเห็นหยวนฟาง จูซุ่นเอ่ยถามหนิวโหย่วเต้าเบาๆ “ใช่เขาหรือไม่?”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว!”
เมื่อได้พบหนิวโหย่วเต้าอีกครั้ง เมื่อได้เห็นหนิวโหย่วเต้าพาคนมากมายขนาดนี้บุกมาช่วยเหลือตน หยวนฟางตื้นตันจนอยากร้องไห้ เต้าเหยี่ยไม่ได้ทอดทิ้งเขาจริงๆ ด้วย เต้าเหยี่ยมาช่วยเขาแล้วจริงๆ!
ตอนที่ถูกทรมานเมื่อสักครู่นี้ ในใจเขาทราบดี ไม่ว่าจะสารภาพหรือไม่ อีกฝ่ายก็ไม่แน่ว่าจะไว้ชีวิตเขา ประเด็นสำคัญคือทำไมต้องไว้ชีวิตเขาด้วยเล่า? เขาคิดว่าตนต้องตายแน่แล้ว คิดไม่ถึงว่าในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามตั้งแต่ที่ถูกจับตัวมา ตัวเองจะถูกเต้าเหยี่ยช่วยเหลือออกมาแล้ว ในใจรู้สึกอบอุ่นเร่าร้อนยิ่งนัก!
เรื่องราวบางอย่าง ต่อให้ที่ผ่านมาหนิวโหย่วเต้าจะพร่ำพูดอย่างไร แต่ภายในใจหยวนฟางก็ยังมีความคลางแคลงสงสัยอยู่ ลมปากต่อให้พ่นออกมานับหมื่นครั้ง มันก็ไม่อาจเทียบกับสิ่งที่ได้ประสบพบเจอด้วยตัวเองในครั้งนี้ได้ การได้พบเห็นหนิวโหย่วเต้าอีกครั้งทำให้เขารู้สึกตื้นตันอย่างมากจริงๆ เดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปหาหนิวโหย่วเต้า เอ่ยเรียกอย่างซาบซึ้งใจ “เต้าเหยี่ย!”
หนิวโหย่วเต้ามองสำรวจเขาหัวจรดเท้า จากนั้นถามว่า “อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง?”
หยวนฟางเอ่ยตอบ “บาดแผลภายนอกเท่านั้น ทนได้ขอรับ!” สำหรับเขาแล้ว การมีชีวิตรอดล้วนสำคัญกว่าสิ่งใด
ส่วนซ่งหลงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพลันตีหน้ายิ้ม ประสานมือพร้อมเอ่ยว่า “พ่อบ้านจู ทุกอย่างเป็นความเข้าใจผิด หวังว่าจะไม่ถือสา!” เขากำลังหยั่งเชิงท่าทีของอีกฝ่ายเพื่อดูว่ายังมีความจำเป็นต้องรั้งอยู่ในมหานครจินโจวแห่งนี้ต่อไปหรือไม่
จูซุ่นเองก็ประสานมือกล่าวตอบอย่างมีมารยาท “ใต้เท้าซ่งพูดถูกแล้ว ทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิดจริงๆ ด้วย เรื่องนี้จบลงแล้ว บ่าวยังมีธุระต้องจัดการต่อ ขอตัวลาก่อนขอรับ!” ท่าทีที่เขามีให้ก็ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน พูดคำไหนคำนั้น ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น
สำหรับเขาแล้ว ขอเพียงช่วยเหลือเป้าหมายออกมาได้อย่างปลอดภัยก็พอแล้ว เขาก็ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งระหว่างมณฑลจินโจว ราชสำนักแคว้นจ้าวและแคว้นเยี่ยนขึ้นเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ภาพรวมและความเป็นจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า ทุกคนล้วนไม่มีทางเลือก ไม่ว่าจะพอใจหรือไม่ ก็ต้องเป็นคนที่รู้จักรุกรู้จักถอย ไม่คิดเล็กคิดน้อย
ซ่งหลงโล่งอก แย้มยิ้มอย่างเข้าใจกัน จากนั้นเอ่ยว่า “พ่อบ้านจูเดินระวังด้วย ขออภัยที่ไม่ได้ออกไปส่ง!”
“เชิญใต้เท้าซ่งพักผ่อนเถิด!” จูซุ่นเองก็เอ่ยไปตามมารยาท จากนั้นโบกมือสื่อให้ทหารที่ปิดล้อมถอนตัวเสีย กลับหลังหันพาคนจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า