ตอน ตอนที่ 11 ปราณแท้แห่งเอกะวิถี จาก ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 11 ปราณแท้แห่งเอกะวิถี คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 11 ปราณแท้แห่งเอกะวิถี
ซ่งเหยี่ยนชิงถลึงตาใส่ “อะไรคือคล้ายว่า? มีก็คือมี ไม่มีก็คือไม่มี”
หนิวโหย่วเต้าชี้ไปที่มือเขา ความหมายคือนี่ยังไม่เป็นชัดเจนอีกหรือ แน่นอนว่าต้องมี
ซ่งเหยี่ยนชิงพลันมีสีหน้ากระตือรือร้น “ศิษย์น้องเล็ก รีบเขียนกลอนที่อาจารย์เจ้าเคยแต่งออกมาหน่อยสิ ถือโอกาสตอนยังว่าง ข้าจะได้ติชมให้ดีๆ”
หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า “ก่อนตายอาจารย์เคยบอกข้าไว้ ให้ข้าฝึกบำเพ็ญเพียรในสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ให้ดี มิใช่มามัวขีดเขียนสิ่งเหล่านี้”
“……” ซ่งเหยี่ยนชิงตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไร “การฝึกบำเพ็ญเพียรมิใช่สิ่งที่จะทำได้ในวันสองวัน เขียนกลอนพวกนี้นิดหน่อยจะเปลืองเวลาสักเท่าไรกันเชียว”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวด้วยสีหน้าใสซื่อ “แต่จู่ๆ จะให้ข้าเขียนออกมา ข้านึกไม่ออกหรอก”
ซ่งเหยี่ยนชิงสะอึกพูดไม่ออก สุดท้ายกล่าวด้วยความจนปัญญา “อย่างไรเสียเจ้าก็อยู่ว่างๆ ไม่ได้ทำอะไร ลองนึกดูดีๆ แล้วกัน นึกออกแล้วก็รีบเขียนทันที เอาไว้ข้าจะกลับมาดู” ขณะที่พูดก็ม้วนกระดาษที่อยู่ในมืออย่างระมัดระวัง
หนิวโหย่วเอ่ยด้วยสีหน้าแปลกใจ “ศิษย์พี่ซ่ง อาจารย์ข้ากล่าวว่าพร่ำเขียนสิ่งไร้ค่าคือบัณฑิต เขียนสิ่งนี้ไปจะมีประโยชน์อะไร?”
สายตาที่ก้มอยู่ของซ่งเหยี่ยนชิงเหลือบมองขึ้นมา แขนข้างหนึ่งยกขึ้นมาโอบไหล่หลิวโหย่วเต้า กล่าวว่า “ศิษย์น้องเล็ก ข้าย่อมต้องมีหนทางให้ใช้มัน เจ้าพยายามนึกให้ออกแล้วรีบเขียนมันออกมาเถอะ ศิษย์พี่อย่างข้าไม่มีทางเอาเปรียบเจ้าแน่ เออใช่ เรื่องนี้อย่าได้พูดกับผู้อื่น เข้าใจหรือไม่?” ท่าทางเหมือนจะบอกว่ามิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ
แต่หนิวโหย่วเต้ากลับทำท่าเหมือนไม่สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย ตอบไม่ตรงคำถามออกไปว่า “ศิษย์พี่ ข้าอยากฝึกวิชาของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ข้าอยากจะบินไปบินมาได้เหมือนพวกท่านเร็วๆ”
ซ่งเหยี่ยนชิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “จัดการเรื่องราวที่ข้ามอบหมายให้ก่อนค่อยว่ากัน!”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยอย่างเจ้าอารมณ์แบบเด็กๆ “ศิษย์พี่ ข้าอุดอู้อยู่ที่นี่แล้วจิตใจสับสนวุ่นวาย ข้ารับรองไม่ได้หรอกนะว่าจะหลุดปากออกไปวันไหน”
ซ่งเหยี่ยนชิงพลันหรี่ตา เอ่ยด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น “เจ้ากำลังขู่ข้าหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเรียบๆ “ข้าเพียงรู้สึกว่าหากสามารถทำความปรารถนาสุดท้ายของอาจารย์ให้สำเร็จได้ในเร็ววัน ข้าก็จะสามารถสงบใจหวนนึกถึงโคลงกลอนที่อาจารย์เคยแต่งเหล่านั้นได้ แล้วก็หวังว่าจะสามารถทำภารกิจของศิษย์พี่ให้สำเร็จด้วยดีได้”
ซ่งเหยี่ยนชิงอดแค่นหัวเราะออกมาไม่ได้ เพ่งพิศหนิวโหย่วเต้าจากหัวจรดเท้า นิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน พบว่าศิษย์น้องเล็กที่ไร้ประโยชน์ผู้นี้มีความน่าสนใจอยู่บ้าง มีวุฒิภาวะเกินวัย เวลานี้มาเจรจาเงื่อนไขกับตนแล้ว แต่จะว่าไป หากสิ่งที่ศิษย์น้องเล็กเขียนช่วยตนเอาใจศิษย์พี่หญิงได้จริงๆ ล่ะก็ การจะตอบตกลงก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ฝึกบำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไรเล่า? เจ้าเด็กนี่มันก่อเรื่องวุ่นวายอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แต่ปัญหาสำคัญคือการจะให้ศิษย์น้องไร้ประโยชน์ผู้นี้บำเพ็ญเพียรหรือไม่นั้น เขาเองก็ตัดสินใจไม่ได้
แปะ! หลังจากใคร่ครวญดูเล็กน้อย ซ่งเหยี่ยนชิงก็ตบไหล่หนิวโหย่วเต้า บีบไหล่เขาพลางกล่าว “ได้ ตกลงกันตามนี้ เรื่องฝึกบำเพ็ญเพียรข้าจะช่วยพูดให้เจ้า น่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่หากสิ่งที่เจ้าเขียนทำให้ข้าพอใจไม่ได้ ข้ารับรองเลยว่าเจ้าจะไม่มีแม้กระทั่งโอกาสให้นึกเสียใจภายหลัง” ที่เขากล่าวมานั้นมิใช่คำโกหก เรื่องบางอย่างแม้เขาจะตัดสินใจเองไม่ได้ แต่ตระกูลซ่งมีอิทธิพลต่อสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อย่างมาก หากเขาคิดจะหาทางจริงๆ เรื่องการฝึกบำเพ็ญเพียรของหนิวโหย่วเต้าก็จัดการได้ไม่ยากเย็นอะไร
พูดจบ เขาก็ออกแรงผลักนิดๆ หนิวโหย่วเต้าล้มคะมำลงกับพื้นเสียงดังตึง คล้ายสุนัขกำลังกินอาจม
กระทั่งหนิวโหย่วเต้าลุกขึ้นมา ซ่งเหยี่ยนชิงก็สาวเท้าจากไปแล้ว หนิวโหย่วเต้าที่กัดฟันสูดปากด้วยความเจ็บปวดคลายสาบเสื้อออก มองไหล่ที่ถูกบีบเมื่อครู่นี้ มีรอยเขียวช้ำห้านิ้วประทับทิ้งเอาไว้ อีกฝ่ายจงใจสั่งสอนเขา เกือบจะบีบกระดูกไหล่เขาจนแตก บวมแดงเจ็บปวด
ตลอดเวลาที่ผ่านมา หนิวโหย่วเต้าเองก็ไม่เคยคิดหาเรื่องใส่ตัวด้วยการล่วงเกินซ่งเหยี่ยนชิงเลย โดยเฉพาะหลังจากที่ได้รับรู้ถึงภูมิหลังของซ่งเหยียนชิงด้วยแล้ว แต่เขาฝ่าฝันความยากลำบากมาถึงสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เพื่อสิ่งใดเล่า? ไม่ง่ายเลยกว่าจะคว้าโอกาสอันน้อยนิดนี้มาได้ เขาย่อมไม่อยากพลาดมันไป อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าอยากลองเสี่ยงเดิมพันออกมา…
สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ในอดีตมีศิษย์นับหมื่น ยามนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อยคน ดังนันที่นี่จึงมีเรือนพำนักเหลืออยู่มากมาย
เมื่อกลับมาถึงเรือนของตน ซ่งเหยี่ยนชิงก็เข้าไปในห้องหนังสืออย่างอดใจรอแทบไม่ไหว หยิบเอาเครื่องเขียนออกมา ขณะเตรียมจะคัดลอกกลอนบทนั้นด้วยลายมือของตนเอง เขากลับงุนงงขึ้นมาเล็กน้อย ลืมถามเลยว่ากลอนบทนี้ชื่ออะไร จึงตั้งชื่อตามใจตัวเอง
ช่วงพลบค่ำ ซ่งเหยี่ยนชิงไปเยือนหุบเขาอันเงียบสงบลูกหนึ่ง เมื่อพ้นหุบเขาก็เงยหน้ามองออกไป สายตาแน่วแน่ ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา
ณ เชิงเขาด้านหน้า หน้าหลุมศพใหม่เอี่ยมสองหลุมมีเงาร่างอ้อนแอ้นอรชรร่างหนึ่งยืนสงบนิ่งอยู่เป็นเวลานาน มิใช่ใครอื่น เป็นถังอี๋
ถังมู่และตงกัวเฮ่าหรานสองศิษย์พี่น้องถูกฝังไว้ในหลุมศพทั้งสองหลุมนี้ จนถึงตอนนี้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ก็ยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองกันแน่ แต่จากถ้อยคำของถังมู่ เรื่องที่เกิดขึ้นคงมิใช่เรื่องเล็ก พวกเขาดำเนินการตามคำสั่งเสียของถังมู่ จัดพิธีศพแบบลับๆ กระทั่งป้ายหลุมฝังศพทั้งสองก็มิได้สลักนาม
ภายในสวนดอกท้อ หนิวโหย่วเต้านั่งขัดสมาธิอยู่บนตั่ง สองคิ้วสั่นระริกไม่หยุด ภายในใจปั่นป่วนอย่างยิ่ง ทว่าภายในกายนั้นปั่นป่วนรุนแรงยิ่งกว่า ราวกับมีคลื่นพายุโหมกระหน่ำซัดสาด
เวลานี้ลมปราณในร่างเขาปั่นป่วนวุ่นวาย โกลาหลจนกระทั่งตัวเขาก็ยากจะควบคุมได้ ทั้งอวัยวะภายใน ทั้งแขนขาและในกระดูกคล้ายจะสั่งสมบางสิ่งบางอย่างเอาไว้จนเต็มอิ่มแล้ว เลือดเนื้อยากจะกักเก็บมันเอาไว้ได้อีก ปั่นป่วนอยู่ภายในร่างไม่หยุด ระส่ำระสายผันผวน เสมือนหมู่เมฆพลิกตลบไปมา
ตูม! สุดท้ายภายในร่างกายคล้ายมีเสียงสายฟ้าในจิตนาการดังกัมปนาทออกมา ทำเอาร่างกายและจิตใจสั่นไหว ท่ามกลางหมู่เมฆที่แปรปรวนปั่นป่วนคล้ายว่ามีสายฟ้าเส้นหนึ่งก่อตัวขึ้น หากจะพูดให้ถูกต้องล่ะก็ นั่นคือปราณแท้สายหนึ่ง!
ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้นคล้ายคลึงกับปฏิกิริยาทางเคมี บนใบหน้าของหนิวโหย่วเต้าที่ยังคงหลับตาอยู่เผยให้เห็นสีหน้าตื่นเต้นออกมารางๆ
นึกไม่ถึงเลย นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่เหมือนกับชีวิตที่แล้ว ทั้งๆ ที่ฝึกเคล็ดวิชา ‘เอกะวิถี’ เหมือนกัน แต่ในชีวิตที่แล้วเขาเสียเวลาไปสามปีเต็มถึงจะกลั่นปราณแท้สายแรกได้ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะฝึกสำเร็จได้ในเวลาไม่ถึงสองเดือน เห็นได้ชัดว่าปริมาณพลังวิญญาณของโลกนี้มีมากเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้
ปราณแท้สายนี้อ่อนแอเปราะบาง แต่ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นก็เป็นเหมือนดั่งมังกรที่สูบกลืนเมฆหมอก บิดกายม้วนไปมาอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆอย่างมีชีวิตชีวา เมฆหมอกรอบข้างค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามารวมกัน ผ่านไปครู่หนึ่ง เมฆหมอกที่ปั่นป่วนอยู่ภายในร่างก็สลายหายไป ถูกปราณแท้สายนี้ดูดกลืนไปจนหมด
สูบกลืนเข้าไปมากมายปานนั้น ทว่าเจ้าปราณที่เล็กจ้อยบอบบางสายนี้ก็ไม่มีวี่แววจะเติบโตขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่กลับคล้ายว่ามีกำลังวังชามากขึ้น พ่นกระแสปราณอันแกร่งกล้าออกมา เชื่อมประสานกับเลือดเนื้อของหนิวโหย่วเต้า หากปล่อยตัวไปตามสบาย ลมปราณถึงกับผุดซึมออกมาจากรูขุมขนได้เลยทีเดียว ขณะที่ลมปราณชนิดนี้แทรกซึมไปตามเลือดเนื้อ เห็นได้ชัดว่ามันช่วยเพิ่มพละกำลังและความกระปรี้กระเปร่าให้แก่กายเนื้อได้
ก่อนหน้านี้ที่รู้จักแต่เพียงฝึกการหายใจ ยังไม่สามารถฝึกฝนจนเกิดเป็นปราณแท้ออกมาได้ เขาสัมผัสถึงกระแสปราณที่ไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณไม่ได้เลย แต่พอปราณแท้ปรากฏ ภายในร่างกายก็มีบางสิ่งบางอย่างที่สามารถรับรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจนเพิ่มขึ้นมา แม้นมันจะเป็นเพียงอากาศธาตุก็ตาม ซึ่งนี่ก็คือที่มาของสิ่งที่เรียกว่า ‘ปราณแท้’
มีแต่ต้องสัมผัสรับรู้ได้ถึงจะสามารถบังคับควบคุมได้ มิเช่นนั้นก็ไม่มีทางที่จะบงการควบคุมได้
หลังจากความปั่นป่วนวุ่นวายภายในร่างสงบลง หนิวโหย่วเต้าที่สีหน้ากลับคืนสู่สภาวะปกติจึงเริ่มควบคุมปราณแท้ให้ไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณ สำหรับขั้นตอนนี้ เขาควบคุมได้อย่างคล่องแคล่ว อย่างไรก็ตามเส้นลมปราณของคนทั่วไปมีอยู่หลายตำแหน่งที่ชั่วชีวิตนี้ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากนัก ตอนที่คนเราเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมา เส้นปราณทั่วทั้งร่างจะปลอดโปร่งไหลเวียนได้สะดวก ทว่าด้วยอิทธิพลของการดำเนินชีวิตหลังจากเติบโตขึ้น ทำให้เกิดเป็นสิ่งสกปรกสะสม เส้นลมปราณหลายตำแหน่งจึงอยู่ในสภาวะอุดตันหรือกึ่งอุดตัน เขาต้องเดินลมปราณทะลวงจุดอุดตันทั้งหมดเหล่านั้นเพื่อให้สะดวกต่อการโคจรลมปราณควบคุมร่างกายในอนาคต ขณะเดียวกันก็เป็นการสำรวจโครงสร้างเส้นลมปราณของตนไปด้วยว่าเหมาะสมต่อการฝึกบำเพ็ญเพียรหรือไม่
ขั้นตอนนี้เจ็บปวดอยู่บ้าง การที่ร่างกายที่ไม่ได้พบพานสิ่งแปลกปลอมมาเป็นเวลานานหลายปีต้องมาถูกรุกรานอย่างกะทันหัน เพียงแค่คิดก็น่าจะรู้ว่าเป็นความรู้สึกแบบใด ทุกจุดที่ปราณแท้ไหลเวียนไปถึง ภายใต้การผลักดันชำระล้าง สิ่งที่ดูคล้ายคราบเลือดค่อยๆ ผุดซึมออกมาจากรูขุมขนเล็กๆ ภายในห้องมีกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเหม็นเน่าลอยฟุ้งจางๆ
…………………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า