ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 110

ตอนที่ 110 ความกังวลขององค์หญิงใหญ่

และในเวลานี้เอง เซียวเทียนเจิ้นที่ใบหน้าขยับเขยื้อนก็ตื่นจากนิทราแล้วเช่นกัน เขาขยับมือเล็กน้อย สังเกตเห็นว่ามีคนจับชีพจรให้ตนอยู่ สายตาเคลื่อนจากใบหน้ามารดาไปที่ใบหน้าของหนิวโหย่วเต้า จ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา “ข้าอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?”

หนิวโหย่วเต้ายิ้มพลางเอ่ยว่า “ยังไม่ตายหรอก!”

คำพูดนี้เป็นเพียงคำปลอบใจเท่านั้น อีกฝ่ายไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว ถึงไม่บอกก็คงจะเดาได้ว่าไม่ดีแน่ แต่เขาก็ไม่สามารถบอกอีกฝ่ายตรงๆ ว่าชีวิตเจ้าไม่ยืนยาวหรอกได้เช่นกัน

“จริงหรือ?” เซียวเทียนเจิ้นไล่ถาม

น้ำเสียงที่ฟังดูผ่อนคลายของหนิวโหย่วเต้าทำให้ดวงตาของไห่หรูเยวี่ยเต็มไปด้วยความหวังด้วยเช่นกัน

หนิวโหย่วเต้าแย้มยิ้มพลางพยักหน้าให้เซียวเทียนเจิ้น ชักนิ้วออกจากชีพจรของอีกฝ่าย

ใบหน้าเขามีรอยยิ้มเจืออยู่เล็กน้อย แต่อารมณ์กลับค่อนข้างหนักอึ้ง มิใช่เพราะเรื่องอื่นใด แต่เพียงเพราะเห็นใจหนุ่มน้อยที่นอนป่วยอยู่บนเตียง สงสารที่เด็กคนนี้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานตั้งแต่เด็กจนโตมาถึงขนาดนี้

เขามาที่นี่เพื่อช่วยเรื่องยึดครองจังหวัดชิงซานของซางเฉาจง มิใช่มาเพื่อรักษาอาการป่วยของเซียวเทียนเจิ้น เขาพอจะเป็นวิชาแพทย์แผนจีนและวิธีการรักษาแบบแผนตะวันตกอยู่บ้าง ในชีวิตที่แล้วเขาถึงขั้นที่เก่งกาจกว่าแพทย์แผนจีนทั่วไปด้วยซ้ำ จัดใบสั่งยาบางอย่างที่กระทั่งแพทย์แผนจีนทั่วไปไม่รู้จักได้ ทว่าเขาไม่ใช่หมอมืออาชีพ มีความรู้จำกัด

แน่นอนว่าเขาเองก็หวังว่าตนจะสามารถรักษาอาการป่วยของเซียวเทียนเจิ้นได้ แบบนั้นเขาถึงจะมีความมั่นใจในการควบคุมสถานการณ์ในอนาคตมากขึ้นอีกหน่อย แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาวินิจฉัยไม่ออกด้วยซ้ำว่าเซียวเทียนเจิ้นป่วยเป็นโรคอะไร อย่างน้อยคนอื่นๆ ก็ยังวินิจฉัยได้ว่าเป็น ‘หยินกลืนชีพจร’ ส่วนเขาทำได้เพียงตรวจพบอาการเท่านั้น ไม่เข้าใจแม้กระทั่งสาเหตุของอาการด้วยซ้ำ

เมื่อดึงปราณหยางออกมาจากเส้นลมปราณของเซียวเทียนเจิ้น เขาก็สังเกตเห็นแล้ว เห็นๆ อยู่ว่ากำจัดความเย็นออกไปจากเส้นลมปราณในร่างของเซียวเทียนเจิ้นแล้ว แต่พอดึงปราณหยางกลับมา ความเย็นในเส้นลมปราณของเซียวเทียนเจิ้นก็ไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากไหนอีก เชื่อว่าอีกไม่นานคงจะแผ่ลามไปทั่วร่างอีกครั้ง

เป็นโรคที่ประหลาดจริงๆ! หนิวโหย่วเต้าไม่พบต้นสายปลายเหตุอันใดเลย ย่อมไม่มีหนทางรักษาด้วยเช่นกัน

เมื่อเก็บมือเซียวเทียนเจิ้นกลับเข้าไปในผ้าห่มแล้ว หนิวโหย่วเต้าลุกขึ้น เดินออกไปด้านนอก

ไห่หรูเยวี่ยลุกตามไปทันที จูซุ่นรีบโบกมือบอกให้คนใช้เข้ามาดูแลเซียวเทียนเจิ้นต่อ

หลังจากทั้งกลุ่มเดินออกมานอกห้องแล้ว จูซุ่นถามว่า “ฝ่าซือฝึกวิชาธาตุหยางหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เหตุใดจึงถามเช่นนี้?”

จูซุ่นอธิบายว่า “ก่อนหน้านี้เพื่อช่วยเหลือนายน้อย ทางเราเคยเชิญผู้ฝึกวิชาธาตุหยางมาแล้ว ท่าทีของนายน้อยในตอนที่ทำการรักษาคล้ายคลึงกับเมื่อครู่นี้”

หนิวโหย่วเต้าร้องโอ้คำหนึ่ง ทว่าไม่ได้ตอบว่าวิชาที่ตนฝึกบำเพ็ญเพียรใช่วิชาธาตุหยางหรือไม่

เมื่อทั้งกลุ่มกลับมาถึงโถงรับแขก ในที่สุดไห่หรูเยวี่ยก็อดใจไม่ไหว รีบซักถามว่า “ฝ่าซือ ผลการตรวจเป็นอย่างไรบ้าง?”

หนิวโหย่วเต้าได้แต่ส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “อาการป่วยของบุตรชายพระองค์ประหลาดยิ่ง ตอนนี้กระหม่อมยังไม่มีวิธีรักษาเขาพ่ะย่ะค่ะ”

พอเขาเอ่ยเช่นนี้ หยวนฟางอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา โอดครวญอยู่ในใจ เต้าเหยี่ยหนอเต้าเหยี่ย นี่ท่านทำอะไรลงไป เดี๋ยวก็ตายหรอก!

เป็นไปอย่างคิดไว้ สีหน้าของจูซุ่นคร่ำเคร่งลงทันที จ้องมองหนิวโหย่วเต้าด้วยสายตาเย็นชา

สีหน้าไห่หรูเยวี่ยเยียบเย็นลงในทันใด ถามเขาว่า “หนิวโหย่วเต้า เจ้ากล้าหลอกข้าหรือ?”

หนิวโหย่วเต้ายิ้มพลางเอ่ยว่า “องค์หญิงใหญ่พระทัยร้อนเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีวิธีรักษา ไม่ได้บอกว่าไม่มีทางรักษา ตอนนี้สิ่งที่กระหม่อมอยากทราบคือผลตะวันชาดสามารถรักษาบุตรชายของพระองค์ได้จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ไห่หรูเยวี่ยชะงักไปเล็กน้อย จ้องมองหนิวโหย่วเต้าอย่างแค้นใจอยู่บ้าง พบว่าคนผู้นี้พูดจากลับไปกลับมา นี่มันยั่วโมโหกันชัดๆ พูดให้จบในทีเดียวมันจะตายหรืออย่างไร? ทำให้คนเขาโมโหอยากระบายก็ทำไม่ได้ จะไม่ระบายก็ไม่ได้เช่นกัน ไม่สามารถทำอะไรเขาตรงๆ ได้ อึดอัดจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว!

จูซุ่นที่อยู่ด้านข้างเป็นฝ่ายตอบ “น่าจะไม่ผิดแน่ เราเคยเชิญยอดฝีมือมากมายมาตรวจอาการแล้ว ทุกคนล้วนบอกว่าผลตะวันชาดสามารถรักษาอาการ ‘หยินกลืนชีพจร’ ของนายน้อยได้ ประมุขวังสวรรค์หมื่นวิมานเคยมาตรวจอาการด้วยตัวเอง เขาก็เอ่ยเช่นนี้เหมือนกัน ไม่มีทางผิดพลาดแน่!”

วังสวรรค์หมื่นวิมานที่เอ่ยถึงก็คือสำนักบำเพ็ญเพียรที่คอยหนุนหลังมณฑลจินโจว แล้วก็เป็นสำนักบำเพ็ญเพียรที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของแคว้นจ้าวด้วย

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “พูดอีกอย่างก็คือขอเพียงกระหม่อมนำผลตะวันชาดมาให้องค์หญิงใหญ่ได้ ก็ถือว่ากระหม่อมได้ทำเรื่องที่รับปากเอาไว้สำเร็จเรียบร้อย ส่วนจะรักษาหายหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับกระหม่อมอีก เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

พอได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ มันก็ทำให้อีกฝ่ายอดมีความหวังขึ้นมาอีกไม่ได้!

ไห่หรูเยวี่ยเอ่ยอย่างแน่วแน่ว่า “ถูกต้อง ขอเพียงเจ้าหาผลตะวันชาดมาได้ ข้าจะถือว่าเจ้าทำตามสัญญาแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอื่น แล้วข้าจะรีบส่งทหารไปสนับสนุนซางเฉาจงทันที!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า