ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 111

ตอนที่ 111 ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์

ฟางเจ๋อยืนงุนงงอยู่ตรงนั้น ไม่ทราบว่าหนิวโหย่วเต้ากำลังอ้อมค้อมอันใดอยู่

หยวนฟางก็มองตาปริบๆ ไม่ทราบว่าเต้าเหยี่ยกำลังทำอะไรอยู่

จูซุ่นมองหนิวโหย่วเต้าพลางขมวดคิ้วอยู่ตลอด

ไห่หรูเยวี่ยคล้ายได้ฟังเรื่องตลกขบขันครั้งใหญ่อีกครั้ง เอ่ยถากถางว่า “เจ้าจะทำให้ข้าปกครองมณฑลจินโจวไปได้ตลอดอย่างนั้นเรอะ? ฟังจากความหมายในคำพูดของเจ้า คล้ายจะบอกว่าเจ้ามีอิทธิพลต่อวังสวรรค์หมื่นวิมานมากกว่าข้า ข้าอยากจะฟังนักว่าเจ้าเกี่ยวข้องกับวังสวรรค์หมื่นวิมานอย่างไร ถึงได้กล้าพูดจาโอหังเช่นนี้!”

“ไม่ๆๆ” หนิวโหย่วเต้ารีบโบกมือปฏิเสธ “องค์หญิงใหญ่เข้าพระทัยผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับวังสวรรค์หมื่นวิมาน กระหม่อมไม่รู้จักกับคนของวังสวรรค์หมื่นวิมานเลยสักคนพ่ะย่ะค่ะ”

ไห่หรูเยวี่ยยิ้มหยันอีกครา “เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประตูเมืองหลวงแคว้นจ้าวหันไปทิศไหน คนของวังสวรรค์หมื่นวิมานเจ้าก็ไม่รู้จักเลยสักคน แล้วเจ้ายังคิดว่าจะควบคุมสถานการณ์ในมณฑลจินโจวได้อีกหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าค่อยๆ จิบชาเข้าไปอึกหนึ่ง จากนั้นเอ่ยเนิบๆ อีกครั้งว่า “ผู้ที่จะควบคุมสถานการณ์ในมณฑลจินโจว ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเมืองหลวงแคว้นจ้าวหรือวังสวรรค์หมื่นวิมานเลย ยงผิงจวิ้นอ๋องก็สามารถช่วยเป็นกำลังให้องค์หญิงใหญ่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”

“เขาน่ะหรือ?” ไห่หรูเยวี่ยยิ้มเยาะพลางเอ่ยว่า “เจ้าก็ลองให้เขาแยกทางกับเฟิ่งหลิงปอดูสิ!”

หนิวโหย่วเต้าวางถ้วยน้ำชาลง หันไปมองจูซุ่นแล้วกล่าวว่า “ข้าต้องการแผนที่ แผนที่ใต้หล้า!”

จูซุ่นมองท่าทีของไห่หรูเยวี่ย เห็นนางไม่ได้คัดค้าน จึงหันหลังออกไปจัดการด้วยตัวเองทันที

จูซุ่นทราบแก่ใจดี หนิวโหย่วเต้าพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่เอาชีวิตมาล้อเล่นแน่นอน แม้ว่าองค์หญิงใหญ่จะเอาแต่เยาะเย้ยถากถาง แต่องค์หญิงใหญ่ก็ยังอดทนฟังต่อ นั่นหมายความว่าองค์หญิงใหญ่ก็อยากทราบเช่นกันว่าสิ่งที่หนิวโหย่วเต้าพูดมาเป็นความจริงหรือไม่ เพียงแต่องค์หญิงใหญ่ไม่มีทางปล่อยให้ใครหน้าไหนมาบิดเบือนชักจูงความคิดได้

ส่วนตัวเขา อันที่จริงก็อยากทราบคำตอบเช่นกัน อยากรู้ว่าหนิวโหย่วเต้าจะช่วยคลี่คลายสิ่งที่เรียกว่าปัญหาที่มาจ่ออยู่ตรงหน้าขององค์หญิงใหญ่ได้อย่างไรกันแน่

ผ่านไปครู่หนึ่ง จูซุ่นหอบแผนที่ม้วนหนึ่งเข้ามาด้วยตัวเอง ไม่ได้ยืมมือผู้ใดทั้งสิ้น

หนิวโหย่วเต้าลุกขึ้นยืน โบกมือสั่งการหยวนฟางและฟางเจ๋อ “กางออก!”

ทั้งสองเดินเข้าไปรับแผนที่มาจากมือจูซุ่น วางบนพื้นห้องโถงแล้วคลี่กางออกมา พอกางออกมาได้ครึ่งหนึ่ง เมื่อบนแผนที่เผยให้เห็นแคว้นเยี่ยนและแคว้นจ้าว หนิวโหย่วเต้าก็ส่งสัญญาณให้ทั้งสองหยุดมือ จากนั้นให้ทั้งสองดึงแผนที่ขึ้นมา ถือตั้งไว้ในแนวขวาง

หลังจากจ้องมองแผนที่อย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง หนิวโหย่วเต้าก็หันกลับไปหาไห่หรูเยวี่ยอีกครั้งพลางผายมือเชิญ “องค์หญิงใหญ่โปรดเสด็จเข้ามาทอดพระเนตรเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ไห่หรูเยวี่ยแค่นเสียงเหอะคราหนึ่ง เดินนวยนาดเข้ามาอย่างสง่างาม กวาดตามองแผนที่แวบหนึ่ง นางเองก็คุ้นเคยกับแผนที่นี้เป็นอย่างดี สตรีธรรมดาไม่สนใจสิ่งที่ไร้ความสวยงามและน่าเบื่อหน่ายเช่นนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ด้วยสถานะของนางในยามนี้ ทำให้นางจำเป็นต้องสัมผัสคลุกคลีกับสิ่งเหล่านี้

หนิวโหย่วเต้ายื่นนิ้วไปทางแคว้นจ้าว ชี้ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของแคว้นจ้าว “มณฑลจินโจว!” จากนั้นก็ชี้ไปที่จังหวัดชิงซานในมณฑลหนานโจวของแคว้นเยี่ยนที่อยู่ติดกัน นิ้วแตะลงบนตำแหน่งของอำเภอชางหลู “ยงผิงจวิ้นอ๋องอยู่ที่นี่!” จากนั้นก็หันไปถามไห่หรูเยวี่ยอีกครั้ง “องค์หญิงใหญ่รู้สึกว่าสถานการณ์นี้เป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

ไหนเลยจะมีสถานการณ์อันใด? ไห่หรูเยวี่ยอยากจะตะโกนว่า ‘มองไม่ออก’ ใส่หน้าเขายิ่งนัก แต่สุดท้ายก็เอ่ยไปว่า “มณฑลจินโจวยิ่งใหญ่ทรงอำนาจ อำเภอชางหลูพื้นที่คับแคบ สี่ทิศถูกปิดล้อม!”

หนิวโหย่วเต้าทราบว่าวาจาของนางแฝงเจตนาดูแคลนอำเภอชางหลูเอาไว้ แต่สิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาเป็นความจริง มณฑลหนึ่งแห่งของที่นี่เทียบได้กับเขตมณฑลในชาติก่อนของเขา อำเภอชางหลูย่อมเป็นเพียงอำเภอแห่งหนึ่ง เทียบกันไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

ทว่าตอนนี้มิใช่เวลามานั่งแข่งความรู้ทั่วไปกับสตรีนางนี้ เขาชี้นิ้ววนรอบจังหวัดชิงซานอีกครั้ง “หากยงผิงจวิ้นอ๋องรวมเป็นหนึ่งกับจังหวัดชิงซานได้ สถานการณ์จะเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? จะมีอาณาเขตเชื่อมติดกับมณฑลจินโจวใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

จูซุ่นเอ่ยตอบ “อาณาเขตเชื่อมต่อกัน เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า?” เขาจะปล่อยให้เจ้านายมาตอบคำถามด้อยปัญญาข้อหนึ่งได้อย่างไร หากตอบผิดไปเจ้านายมิต้องอับอายหรอกหรือ?

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ง่ายมาก เมื่อยงผิงจวิ้นอ๋องยึดครองจังหวัดชิงซานได้ ยงผิงจวิ้นอ๋องก็จะสามารถให้ความร่วมมือกับองค์หญิงใหญ่คอยพึ่งพาอาศัยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เฮอะ!” ไห่หรูเยวี่ยหัวเราะหยัน “จังหวัดชิงซานเล็กจ้อยจะเป็นที่พึ่งพาให้ข้าได้อย่างไร?”

หนิวโหย่วเต้าขยับนิ้ว เลื่อนลงไปที่จังหวัดกว่างอี้ “หากรวมจังหวัดกว่างอี้เข้าไปอีกแห่งล่ะพ่ะย่ะค่ะ? จังหวัดกว่างอี้ประชากรมากมายเสบียงพรั่งพร้อม ตอนนี้มีทหารชั้นยอดนับแสนนาย! หลังจากยงผิงจวิ้นอ๋องยึดจังหวัดชิงซานได้ย่อมได้ไพร่พลเพิ่ม องค์หญิงใหญ่อย่าลืมนะพ่ะย่ะค่ะ เฟิ่งหลิงปอและยงผิงจวิ้นอ๋องล้วนทำงานให้สำนักหยกสวรรค์ หากเคลื่อนไหวประสานกัน ไพร่พลของสองจังหวัดคอยช่วยเหลือกันจะเป็นอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”

ไห่หรูเยวี่ยเอ่ยอย่างเหยียดหยาม “ไพร่พลของสองจังหวัดแล้วอย่างไร ข้าจำเป็นต้องพึ่งพากองกำลังเล็กๆ เช่นนี้หรือ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “องค์หญิงใหญ่ทรงอย่าลืมสิพ่ะย่ะค่ะว่าบิดาของยงผิงจวิ้นอ๋องเป็นผู้ใด ตะขาบร้อยขาถึงตายก็ตัวไม่แข็ง[1] หนิงอ๋องยังคงหลงเหลือรากฐานบางอย่างไว้ให้บุตรชายพ่ะย่ะค่ะ! หากว่ายงผิงจวิ้นอ๋องฝึกฝนทหารกล้ากองหนึ่งออกมาได้ หากว่ากององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญในสมัยที่หนิงอ๋องยังอยู่หวนกลับมาอีกครั้ง องค์หญิงใหญ่จะทรงคิดว่านี่เป็นกองกำลังเล็กๆ อยู่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“อย่าว่าแต่กองทหารม้าเกราะเหล็กเรือนหมื่นของหนิงอ๋องที่เข้าถล่มกองทัพนับแสนของแคว้นหานจนราบคาบเลยพ่ะย่ะค่ะ อานุภาพของกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญกระหม่อมเคยประจักษ์ด้วยตาตนแล้ว ราชสำนักแคว้นเยี่ยนส่งไพร่พลหลายพันนายมาดักสังหาร ในบรรดานั้นมีทหารม้าเกราะเหล็กหลายพันนาย แต่กลับถูกกองทหารม้าห้าร้อยนายของยงผิงจวิ้นอ๋องบดขยี้จนแตกพ่ายยับเยิน!”

ไห่หรูเยวี่ยนิ่งเงียบไป จูซุ่นเองก็แววตาวูบไหว

“เมื่อผนวกเข้ากับไพร่พลของจังหวัดกว่างอี้และจังหวัดชิงซานแล้ว หากฮ่องเต้แคว้นจ้าวกล้าลงมือกับมณฑลจินโจว นั่นมิใช่แค่ต้องปะทะกับไพร่พลในมณฑลจินโจวขององค์หญิงใหญ่เท่านั้น สองดินแดนอยู่ใกล้กันเพียงเอื้อมนะพ่ะย่ะค่ะ กององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญหนึ่งหมื่นนายสามารถเคลื่อนพลข้ามชายแดนเข้าสู่แคว้นจ้าวได้ตลอดเวลา ผนวกกับมีไพร่พลจำนวนมากของจังหวัดกว่างอี้และจังหวัดชิงซานคอยให้การสนับสนุน หากฮ่องเต้แคว้นจ้าวไม่เรียกระดมกำลังมหาศาลมารับมือ เกรงว่าคงยากจะต้านทานได้พ่ะย่ะค่ะ! หากทางแคว้นเยี่ยนต้องการคุกคามมณฑลจินโจว ก็จำเป็นต้องผ่านทางมณฑลหนานโจวก่อน ต่อให้ทางยงผิงจวิ้นอ๋องมิได้สกัดขวาง แต่ยงผิงจวิ้นอ๋องก็สามารถแสดงท่าทีสนับสนุนองค์หญิงใหญ่ให้ฉวยโอกาสจากความวุ่นวายบุกเข้าโจมตีพื้นที่ศูนย์กลางแคว้นเยี่ยนได้ เมื่อถึงเวลานั้นแคว้นเยี่ยนก็จำเป็นต้องห่วงหน้าพะวงหลังเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”

หนิวโหย่วเต้าหันหน้าเข้าหาแผนที่อีกครั้ง ชี้ไปที่มณฑลจินโจว ก่อนจะจิ้มไปในตำแหน่งบนล่างซ้ายขวาของมณฑลจินโจวพลางเอ่ยว่า “ทางตะวันตกของมณฑลจินโจวคือมณฑลผิงโจว ทางเหนือมีมณฑลกวางโจว ต่างอยู่ในการควบคุมของฮ่องเต้แคว้นจ้าว ทั้งสองมณฑลต่างจ้องจะตะครุบมณฑลจินโจวตาเป็นมัน ที่วังสวรรค์หมื่นวิมานไม่กล้าปล่อยให้มณฑลจินโจวขาดความมั่นคงก็เพราะหวั่นเกรงในจุดนี้ เกรงว่าไพร่พลจากสองมณฑลจะฉวยโอกาสบุกเข้ามา ทางตะวันออกของมณฑลจินโจวเชื่อมกับมณฑลหนานโจวของแคว้นเยี่ยน ทางตอนใต้ติดมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ใช้หลบหนีได้ แต่ใช้เป็นทางถอยไม่ได้”

“แต่หากองค์หญิงใหญ่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มกำลังจากยงผิงจวิ้นอ๋อง รูปการณ์ก็จะเปลี่ยนไปอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ ในแคว้นทำให้ฮ่องเต้แคว้นจ้าวหวาดหวั่น นอกแคว้นทำให้แคว้นเยี่ยนไม่กล้าผลีผลาม มณฑลจินโจวปลอดภัยไร้กังวล มีหรือที่วังสวรรค์หมื่นวิมานจะไม่ยินดีเห็นรูปการณ์เช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ?”

“ในขณะเดียวกัน หากวังสวรรค์หมื่นวิมานกล้าเปลี่ยนตัวผู้ปกครองมณฑลจินโจว หากกล้าเปลี่ยนตัวองค์หญิงใหญ่ ยงผิงจวิ้นอ๋องย่อมไม่มีทางเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ทันทีที่ยงผิงจวิ้นอ๋องทำท่าว่าจะเข้าโจมตี ทันทีที่ส่งทหารมาที่มณฑลจินโจว มณฑลจินโจวจะต้องตกอยู่ในความวุ่นวายเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นฮ่องเต้แคว้นจ้าวจะต้องฉวยโอกาสเข้ายึดครองมณฑลจินโจวแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! หากปลดองค์หญิงใหญ่ออกก็หมายความว่าไม่อาจรับรองความปลอดภัยของมณฑลจินโจวได้ ขอทูลถามว่าวังสวรรค์หมื่นวิมานยังจะกล้าทำเช่นนี้อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ? นี่มิเท่ากับเป็นการช่วยคลายปัญหาที่มาจ่ออยู่ตรงหน้าให้องค์หญิงใหญ่หรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ไห่หรูเยวี่ยสบตากับจูซุ่นทันที

หลังจากเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ไห่หรูเยวี่ยก็ยิ้มหยันอีกครั้งพลางเอ่ยขึ้นว่า “น่าแปลกเสียจริง เห็นๆ อยู่ว่ามาขอร้องให้ข้าส่งกำลังทหารไปช่วยเหลือ แต่พอฟังไปฟังมา เหตุใดจึงกลายเป็นซางเฉาจงจะส่งทหารมาช่วยเหลือข้าแทนเล่า?”

หนิวโหย่วเต้าปล่อยมือจากแผนที่ พูดจาฉะฉานจริงใจ “เดิมนี่มันก็เป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์กันอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ! แน่นอนว่าก่อนที่ยงผิงจวิ้นอ๋องจะให้การสนับสนุนองค์หญิงใหญ่ได้ก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากองค์หญิงใหญ่เสียก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

คำพูดเพียงประโยคเดียวก็สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเปลี่ยนประเด็นไปว่า “ยังมีอีกประเด็นพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อองค์หญิงใหญ่เท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อการรักษาผลประโยชน์ในมณฑลจินโจวของวังสวรรค์หมื่นวิมานด้วยพ่ะย่ะค่ะ อย่างน้อยวังสวรรค์หมื่นวิมานก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความไม่มั่นคงของมณฑลจินโจวไปอีกนาน ขอเพียงองค์หญิงใหญ่ยื่นข้อเสนอนี้ไป ผลประโยชน์ดีๆ เช่นนี้ ไม่มีเหตุผลที่วังสวรรค์หมื่นวิมานต้องปฏิเสธเลยพ่ะย่ะค่ะ ในขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นการช่วยให้สำนักหยกสวรรค์ได้ฮุบกลืนจังหวัดชิงซานด้วย สำนักหยกสวรรค์ย่อมไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”

ไห่หรูเยวี่ยจ้องมองแผนที่ แววตาส่องประกายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงปรายตามองพลางกล่าวว่า “ซางเฉาจงติดอยู่ในพื้นที่คับแคบ มีทหารไม่ถึงพันนาย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นไพร่พลที่หยิบยืมมา กององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญหมื่นนายอย่างนั้นหรือ? แม้แต่เงายังไม่เห็นเลย ช่างวาดฝันไว้ยิ่งใหญ่เสียจริง!”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “วาจานี้ขององค์หญิงใหญ่ทรงตรัสผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ สิ่งที่ยงผิงจวิ้นอ๋องขาดแคลนมีแค่เพียงโอกาสเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงได้จังหวัดชิงซานมาครอง มีอาณาเขตพื้นที่มากพอ มีกำลังทหารเพียงพอ มีเสบียงอาหารมากพอ กององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญหมื่นนายย่อมหวนคืนมาได้เช่นในวันวานพ่ะย่ะค่ะ เรื่องราวเป็นไปได้จริง จะบอกว่าวาดฝันได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? ต่อให้มีทหารม้าเพียงห้าพันนาย ก็ยังทรงพลังสะเทือนขวัญอย่างที่ไม่อาจดูแคลนได้พ่ะย่ะค่ะ! ขอเพียงแผนการประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นองค์หญิงใหญ่หรือยงผิงจวิ้นอ๋อง ล้วนจะไม่ตกอยู่ในสถานะที่ผู้ใดนึกอยากเปลี่ยนตัวก็เปลี่ยนได้ง่ายๆ อีกต่อไป!”

ไห่หรูเยวี่ยหันหลังกลับ ค่อยๆ เดินกลับไปที่เก้าอี้ประธาน จากนั้นหันหน้ากลับมาแล้วนั่งลงไป เอ่ยขึ้นเนิบๆ ว่า “ฟังจากเจตนาของเจ้าแล้ว พอทำแบบนี้แล้วเจ้าก็จะเป็นต่อแล้วใช่หรือไม่ จะหาผลตะวัดชาดมาได้หรือไม่ก็คงไม่สำคัญแล้วสินะ? ”

หนิวโหย่วเต้าโบกมือปฎิเสธ เป็นฝ่ายเดินเข้าไปอยู่ตรงหน้านางด้วยตัวเอง “อาการป่วยของบุตรชายพระองค์ย่อมเป็นเรื่องสำคัญเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ แยกแยะกันชัดเจน รักษาก็ส่วนรักษาพ่ะย่ะค่ะ เพื่อคลายทุกข์ให้องค์หญิงใหญ่ กระหม่อมยังคงจะคิดหาทางขอผลตะวันชาดมาให้องค์หญิงใหญ่ให้ได้พ่ะย่ะค่ะ! ที่กระหม่อมเสนอแผนการคลายความกังวลให้องค์หญิงใหญ่ ก็เพราะกระหม่อมมีเงื่อนไขอย่างหนึ่งที่อยากแลกเปลี่ยนกับองค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”

“เงื่อนไขหรือ?” ไห่หรูเยวี่ยเลิกคิ้วจากนั้นเอ่ยว่า “ลองว่ามาสิ”

หนิวโหย่วเต้าจึงกล่าวไปว่า “องค์หญิงใหญ่ไม่อาจล่าช้าได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ จำเป็นต้องส่งกำลังทหารไปช่วยยงผิงจวิ้นอ๋องยึดครองจังหวัดชิงซานให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”

ที่เขาต้องเดินทางมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง นั่นก็เป็นเพราะทางซางเฉาจงไม่อาจถ่วงรั้งไว้ได้แล้วจริงๆ ทางซางฉางเจ้าอาศัยข้ออ้างว่าต้องการสร้างความมั่นในอำเภอชางหลูในการถ่วงเวลาไว้ แต่ไม่มีทางถ่วงรั้งไปตลอดได้ ทางสำนักหยกสวรรค์ไม่มีทางปล่อยให้เรื่องตามหากาทมิฬแสนตัวยืดเยื้อนานเกินไป

ไห่หรูเยวี่ยเอ่ยอย่างเฉยชา “รีบร้อนอันใด เจ้าไปหาผลตะวันชาดมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยส่งกำลังทหารไปก็ยังไม่สาย!”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ความหวาดหวั่นที่ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนมีต่อหนิงอ๋องพระองค์ก็ทรงทราบดี แรงกดดันบีบคั้นจากทางราชสำนักแคว้นเยี่ยน ทำให้สำนักหยกสวรรค์เริ่มพิจารณาแล้วว่าจะทอดทิ้งท่านอ๋องดีหรือไม่ ยงผิงจวิ้นอ๋องไม่สามารถรอต่อไปได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ! ขอบังอาจกล่าวถ้อยคำที่อาจทำให้องค์หญิงใหญ่ขุ่นเคือง การจะนำผลตะวันชาดมาได้ก็ต้องให้เวลากระหม่อมด้วยมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ระยะเวลาในการเดินทางไปกลับก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย หากว่าในระหว่างนี้อาการป่วยของเซียวเทียนเจิ้นกำเริบขึ้นมาอย่างกระทันหัน เมื่อถึงเวลานั้นองค์หญิงใหญ่ดูแลตัวเองไม่ได้ แล้วองค์หญิงใหญ่ยังจะมีอำนาจมากพอจะตัดสินใจเรื่องส่งทหารไปหรือพ่ะย่ะค่ะ? หรือว่าองค์หญิงใหญ่คิดจะกลับเมืองหลวงจริงๆพ่ะย่ะค่ะ?”

“ขอทูลองค์หญิงใหญ่ตามตรง ทางยงผิงจวิ้นอ๋องมีแรงกดดันมหาศาลนัก ใกล้จะต้านไม่อยู่แล้ว ครั้งนี้หากกระหม่อมไม่สามารถทูลขอให้องค์หญิงใหญ่เคลื่อนพลได้ ยงผิงจวิ้นอ๋องจะหลบหนีออกไปทางทะเล ต่อให้วันหน้าองค์หญิงใหญ่อยากร่วมมือกับท่านอ๋องก็เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“หนีออกไปทางทะเลอย่างนั้นหรือ? ซางเจี้ยนปั๋วชื่อเสียงองอาจระบือนามจะให้กำเนิดบุตรชายขี้ขลาดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!” ไห่หรูเยวี่ยแค่นเสียงเย็นชา ฉวยโอกาสด่าไปประโยคหนึ่ง ขณะเดียวกันก็หาทางลงให้ตัวเอง “ให้เวลาข้าไตร่ตรองเรื่องนี้สักหน่อย!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” หนิวโหย่วเต้าประสานมือพลางเอ่ยว่า “ขอเพียงตกลงเรื่องนี้ได้ กระหม่อมจะออกเดินทางไปขอผลตะวันชาดให้องค์หญิงใหญ่ทันทีพ่ะย่ะค่ะ!”

……………………………………………………

[1] หมายถึง คนมีอำนาจอิทธิพลถึงพลาดท่าเสียทีก็ไม่มีทางสิ้นอำนาจบารมีง่ายๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า