ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 113

ตอนที่ 113 แพศยา!

หลบหนีจึงถูกสังหารหรือ? ม่านตาเฉินกุยซั่วหดตัว พลันดิ้นรนขึ้นมาทันที โซ่ตรวนถูกเขย่าจนเกิดเสียงดังกราวๆ ตะเบ็งเสียงตะโกนดังลั่นอย่างบ้าคลั่ง “ใครก็ได้! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย…”

หนิวโหย่วเต้าหันไปมอง สีหน้าแปลกใจ จากนั้นจ้องมองเตาไฟอีกครั้ง จับเข้าที่ด้ามของตราเหล็ก หมุนตราเหล็กในกองไฟ สะเก็ดไฟลอยขึ้นมาเป็นระยะ

เขาไม่ได้รีบร้อนจะทำอันใดอีกฝ่าย ปล่อยให้อีกฝ่ายร้องตะโกนไป ส่วนเขาก็เล่นตราเหล็กอยู่ตรงนั้น

ตะโกนอยู่พักใหญ่ ไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวใดๆ จากด้านนอก เฉินกุยซั่วที่หวั่นวิตกจนหายใจหอบถี่ถึงได้เข้าใจ คาดว่าต่อให้ตนตะโกนจนคอแตกก็คงไม่มีใครเข้ามา เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สีหน้าแทบจะดูสิ้นหวัง

บางครั้งความตายก็ไม่ได้น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวคือช่วงเวลาก่อนจะตาย แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือไม่รู้ว่าหนิวโหย่วเต้าจะทรมานตนอย่างไร

เมื่อเห็นหนิวโหย่วเต้ายังไม่ทำอะไร เขาจึงเอ่ยคร่ำครวญขึ้นมา คล้ายต้องการจะคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายเอาไว้ “ศิษย์น้อง ศิษย์น้อง เห็นแก่ที่พวกเราเป็นศิษย์ร่วมสำนัก ขอร้องเจ้าล่ะ เจ้าปล่อยข้าไปได้เถอะนะ?”

หนิวโหย่วเต้ากลับเอ่ยว่า “หยุดเลย! ใครเป็นศิษย์น้องเจ้า? อย่ามาตีสนิทมั่วซั่ว! เจ้าไม่ใช่คนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์แล้ว ข้าเองก็ไม่ใช่คนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เช่นกัน”

เฉินกุยซั่วเปลี่ยนคำเรียกทันที “พี่หนิว พี่หนิว ความผิดทุกอย่างล้วนเป็นข้าที่ทำผิดพลาดไป ท่านเป็นผู้ใหญ่อย่าถือสาผู้น้อยเลย ขอร้องท่านช่วยเมตตาปล่อยข้าไปเถอะนะ!”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยอย่างเฉยเมย “เจ้ามีสิทธิ์มาเรียกขานเป็นพี่เป็นน้องกับข้าด้วยหรือ? ผู้คนในใต้หล้าต่างเรียกข้าว่าเต้าเหยี่ย!”

ผู้คนในใต้หล้าอะไร? เฉินกุยซั่วไม่ได้สนใจมากขนาดนั้นแล้ว และตอนนี้ก็ไม่มีทางคิดมากขนาดนั้นด้วย เขาเปลี่ยนคำเรียกอีกครั้ง “เต้าเหยี่ย เต้าเหยี่ยขอรับ ข้าทราบความผิดแล้ว ขอร้องท่านละเว้นข้าด้วยเถิด! หากว่าไม่ได้จริงๆ ขอร้องท่านช่วยให้ข้าไปสบายด้วยเถิด!”

เคร้งๆๆ! หนิวโหย่วเต้าถือด้ามตราเหล็กเคาะกับขอบเตาสองสามครั้ง “ดูเจ้าสิ ดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจข้าผิดแล้ว ช่วยให้เจ้าไปสบายอะไรกัน? ตัวข้าผู้นี้รังเกียจการสังหารฆ่าฟันเป็นที่สุด ข้าไม่ชอบสังหารคน!”

“…..” เฉินกุยซั่วพูดไม่ออก นี่กำลังพูดโกหกตาใสอันใดอยู่? เจ้าไม่ชอบสังหารฆ่าฟันอย่างนั้นหรือ? แล้วซ่งหลงถูกผู้ใดสังหารกันเล่า?

แต่ตอนนี้อีกฝ่ายว่าอย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้น

หนิวโหย่วเต้าจ้องมองตราเหล็กในเตาไฟที่ค่อยๆ กลายเป็นสีแดง พล่ามบ่นไปเรื่อยว่า “เจ้านี่ก็นะ เป็นศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์อยู่ดีๆ ไม่ว่าดี ดันทำตัวเป็นศิษย์ทรยศ เจ้าอาจจะคิดว่าข้าก็เป็นเช่นเดียวกับเจ้า แต่สถานการณ์ของข้ามันไม่เหมือนกับเจ้า ไม่เหมือนกันอย่างมาก เจ้าทรยศสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ แต่กรณีของข้าเป็นเพราะสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไม่ยอมรับข้า ”

“เจ้าคิดจะเกาะต้นขาซ่งเหยี่ยนชิง ไต่เต้าสู่อนาคต ข้าพอจะเข้าใจเจ้าอยู่ แต่ซ่งเหยี่ยนชิงตายไปแล้ว เจ้าก็ยังละทิ้งสำนักสวรรค์พิสุทธิ์หนีไปพึ่งพิงตระกูลซ่ง ข้าไม่เข้าใจเลย คนอื่นๆ ในตระกูลซ่งมีไมตรีต่อเจ้าหรือ? ติดตามตระกูลซ่งแล้วมีประโยชน์อันใด? เพราะตระกูลซ่งดูแล้วเป็นตระกูลสูงศักดิ์ทรงอำนาจหรือ? ตระกูลซ่งขาดแคลนผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักที่หัวเดียวกระเทียมลีบอย่างเจ้าหรือ? สถาวะเจ้าต่ำต้อย อีกทั้งไม่มีชาติตระกูลหนุนหลัง ไม่ได้มีประโยชน์อันใดเลย ซ้ำยังแบกรับชื่อเสียงศิษย์ทรยศต่อสำนักเอาไว้ด้วย ตระกูลซ่งจะให้ความสำคัญกับคนเช่นนี้หรือ? เจ้าเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในมือตระกูลซ่งเท่านั้น ยังจะมีอนาคตอันใดได้อีก? ”

ตราเหล็กที่เผาจนแดงถูกดึงออกมาจากเตา หนิวโหย่วเต้าถือตราเหล็กไว้ในมือ เดินเข้าไปหาเฉินกุยซั่วที่ถูกล่ามไว้

เมื่อเห็นตราเหล็กแดงฉานใกล้เข้ามา เฉินกุยซั่วหายใจไม่ทั่วท้อง ร่างกายพยายามเอนหนีไปด้านหลัง ปากยังคงเอ่ยด้วยความหวาดกลัวว่า “เต้าเหยี่ย เต้าเหยี่ย…”

แต่หนิวโหย่วเต้าคล้ายไม่มีความคิดที่จะนาบตราเหล็กลงบนร่างเขา เพียงเดินอาดๆ เข้าไปหาเฉินกุยซั่ว เอ่ยเนิบๆ ว่า “มนุษย์เรามีปณิธานต่างกันไป การแสวงหาอนาคตก็เป็นนิสัยปกติของมนุษย์ พอเข้าใจกันได้! แต่ในเมื่อแสวงหาอนาคต ก็ต้องวางแผนเส้นทางอนาคตของตนให้ดีหน่อย ตระกูลซ่งไม่มีทางให้เจ้าทำงานสำคัญ ในช่วงเวลาสั้นๆ เจ้าอาจจะยังไม่รู้สึกอะไร แต่พอผ่านไปนานเข้า เจ้าก็จะรู้เองว่าตระกูลซ่งดีต่อเจ้าหรือไม่ เหตุใดถึงไม่พิจารณาทางอื่นดูเล่า ทางออกมีให้เลือกตั้งมากมายนี่นา! ”

เฉินกุยซั่วคล้ายจะเข้าใจอะไรขึ้นมา รีบกล่าวว่า “เต้าเหยี่ย ข้ายินดีติดตามท่านขอรับ!”

“ตรงไปตรงมา! เป็นคนตรงไปตรงมา!” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าชื่นชม ตราเหล็กแดงฉานในมือเกือบจะแกว่งโดนหน้าอีกฝ่ายแล้ว เฉินกุยซั่วเอียงหัวหลบ “ข้าชอบคนตรงไปตรงมาเหมือนอย่างเจ้า! เจ้าวางใจเถอะ ข้าเองก็ไม่มีทางสร้างความลำบากใจให้เจ้า เดี๋ยวกลับไปแล้วก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รับใช้ตระกูลซ่งต่อไป รอจนเจ้ารู้สึกว่าปลอดภัยแล้ว รู้สึกว่าเหมาะจะมาหาทางฝั่งข้าแล้ว เจ้าค่อยมาก็ยังไม่สาย”

“…..” เฉินกุยซั่วพูดไม่ออกเลย นึกอยู่ในใจ มีเรื่องดีเช่นนี้ด้วยหรือ?

จากนั้นหนิวโหย่วเต้าก็ได้คลายข้อสงสัยในใจเขา “แต่แน่นอน มันก็ใช่ว่าเจ้าจะไม่ต้องทำอะไรเลย! คาดว่าหลังจากนี้ แคว้นเยี่ยนคงต้องเรียกตัวพวกเจ้ากลับไปสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแน่ หลังจากเจ้ากลับไปก็ให้คิดหาทางรั้งอยู่ในตระกูลซ่ง อย่าได้ออกมาวิ่งเพ่นพ่านด้านนอกอีก พยายามสืบสถานการณ์ทางจวนตระกูลซ่งให้กระจ่าง ข้าจะจัดคนไว้ในเมืองหลวงให้คอยติดต่อกับเจ้า เมื่อถึงเวลาที่จำเป็นข้าย่อมไปหาเจ้าแน่”

เฉินกุยซั่วรีบพยักหน้ารับ “ขอรับ! ข้าจะเชื่อฟังเต้าเหยี่ย”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยแววตาเย็นชา “อย่าได้ด่วนตกลงเช่นนั้น อยู่ในตระกูลซ่งเจ้าสามารถกำหนดทิศทางของตนได้หรือ? เจ้าแน่ใจหรือว่าตนจะได้อยู่ในจวนตระกูลซ่ง?”

เฉินกุยซั่วเอ่ยว่า “ได้ขอรับๆๆ! เป็นเพราะข้ามีสัมพันธ์ที่ดีกับซ่งเหยี่ยนชิง ซ่งซูและภรรยาของซ่งซูจึงดีต่อข้าด้วยเพื่อเห็นแก่หน้าซ่งเหยี่ยนชิง โดยเฉพาะหูกุ้ยจือที่เป็นภรรยาของซ่งซู ขอเพียงข้าหาของบางอย่างมาแล้วบอกว่าเป็นสิ่งที่ซ่งเหยี่ยนชิงเหลือทิ้งไว้ ขอเพียงมอบของดูต่างหน้าให้ เมื่อถึงตอนนั้นหากอ้อนวอนสักเล็กน้อย นางน่าจะช่วยพูดให้ข้าได้ เรื่องรั้งอยู่ในจวนน่าจะมิใช่ปัญหาใหญ่ขอรับ”

หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมา โพล่งเรื่องของดูต่างหน้าออกมาอย่างคล่องปาก ดูเหมือนเจ้าหมอนี่จะคิดเรื่องนี้เอาไว้นานแล้ว

ตราเหล็กในมือค่อยๆ หม่นแสงลง หนิวโหย่วเต้าหันหลังเดินกลับไปที่ข้างเตาไฟอีกครั้ง สอดตราเหล็กกลับเข้าไปอีกรอบ “หากข้าปล่อยเจ้าไปเช่นนี้ หากเจ้ากลับไปแล้วกลับคำจะทำอย่างไรเล่า? หากเจ้าหนีไป ข้าก็คงหาทางจัดการเจ้าไม่ได้มิใช่หรือ?”

เฉินกุยซั่วกล่าวว่า “ข้าจะเชื่อฟังเต้าเหยี่ยทุกอย่าง เต้าเหยี่ยว่าอย่างไร ข้าก็จะทำอย่างนั้นขอรับ!”

“ดี! ตรงไปตรงมา! เป็นชายชาตรีที่ยืดได้หดได้ ข้าชื่นชมเจ้า!” หนิวโหย่วเต้าขยับตราเหล็กในมือ ดันลึกเข้าไปในกองถ่าน “ข้ายังคงยืนยันคำเดิม ตัวข้าผู้นี้ไม่ชอบสังหารฆ่าฟัน ชอบจัดการปัญหากับทุกคนอย่างสันติ เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะไม่บังคับเจ้า ให้เจ้าคิดเอาเอง เจ้าลองบอกจุดอ่อนสักอย่างของเจ้ามาให้ข้ารู้ หากเจ้าบอกจุดอ่อนของตนที่สามารถทำให้ข้าวางใจได้สักเรื่อง ขอเพียงจุดอ่อนที่เจ้าบอกทำให้ข้าพอใจได้ ข้ารับรองว่าเจ้าจะได้ออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า