ตอนที่ 115 ซ่งจิ่วหมิงลงมือ
เหล่าสมณะที่อยู่ตรงแปลงผักมารวมตัวกัน หยวนกังอธิบายเรื่องราวให้พวกเขาฟัง
หลังจากอธิบายจบ หยวนกังก็ให้คนไปเรียกเว่ยตัวมา
ภายในโถงรับแขก มีเพียงพวกเขาสองคน เผชิญหน้ากันตามลำพัง ทั้งสองสบตากันอยู่พักหนึ่ง หยวนกังเอ่ยถามว่า “เจ้ามีสภาวะระดับใด?”
เว่ยตัวกล่าวตอบ “สร้างฐาน!”
สองคำนี้ตอบได้อย่างราบรื่น
หยวนกังพยักหน้ารับ ไม่ได้พูดมากอีก จากนั้นเอ่ยถามอีกประโยคว่า “ต้องการติดตามข้าไปหาเต้าเหยี่ยด้วยกันหรือไม่?”
เว่ยตัวรีบพยักหน้ารับ “ไป!”
คำนี้ก็ไม่ติดอ่างเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้เหล่าสมณะยังคงรั้งอยู่ที่นี่ ส่วนเว่ยตัวติดตามหยวนกังไป
ภายในเรือนหลัก องครักษ์นายหนึ่งรีบเดินเข้ามา รายงานว่า “ท่านอ๋อง หยวนกังพาชายติดอ่างคนนั้นจากไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทั้งสองเปลี่ยนไปสวมชุดของไพร่พลทางฝั่งพระชายา ยืมม้าสองตัว ลงเขาไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งสามนิ่งเงียบ แทบทุกคนต่างคาดเดาได้ว่าหยวนกังลงเขาไปครานี้มิใช่การไปเที่ยวเล่นธรรมดาแน่นอน
ซางเฉาจงโบกมือสื่อให้องครักษ์นายนั้นถอยออกไป จากนั้นถอนหายใจเบาๆ “ปลอมตัวตบตาอย่างนั้นหรือ? คงจะไปตามหาเต้าเหยี่ย ไม่ทราบเช่นกันว่าในละแวกนี้ยังมีสายสืบของตระกูลซ่งอยู่หรือไม่ จะมีอันตรายหรือเปล่า?”
หลานรั่วถิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เป้าหมายของตระกูลซ่งคือเต้าเหยี่ย เราประกาศข่าวออกไปแล้ว เมื่อรู้ว่าเต้าเหยี่ยไม่อยู่ที่นี่ ตระกูลซ่งก็น่าจะไม่จับตามองที่นี่อย่างเอาเป็นเอาตายอีกพ่ะย่ะค่ะ เขาปลอมตัวแล้วค่อยออกเดินทาง คาดว่าคงไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
ซางซูชิงกัดริมฝีปากไม่เอ่ยวาจา ที่นางกังวลว่าหนิวโหย่วเต้าจะไม่กลับมาก็เป็นเพราะเรื่องนี้ หนิวโหย่วเต้าน่าจะรู้จักหยวนกังดี ทันทีที่ให้ทางนี้ประกาศเรื่องตัดสัมพันธ์ออกไป หนิวโหย่วเต้าจะไม่ทราบเชียวหรือว่าหยวนกังจะไปหาเขา?
ณ เมืองหลวง จวนตระกูลซ่ง ภายในห้องหนังสือ แจกันหล่นแตก ถ้วยชาแตกกระจาย แท่นฝนหมึกล้ำค่าแตกเป็นเสี่ยง กระดาษหล่นเกลื่อนพื้น กระจายเละเทะเต็มห้อง
ซ่งจิ่วหมิงเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องด้วยความโมโห
เหตุใดจึงโมโหน่ะหรือ? ย่อมเป็นเพราะเรื่องทางมณฑลจินโจว!
ทันทีที่เกิดเรื่องกับซ่งหลง ทางนั้นก็มีคนส่งข่าวกลับมาทันที พอได้รับข่าว ซ่งจิ่วหมิงแทบจะซวนเซล้มทรุดลงไปนั่งบนเก้าอี้
ตระกูลตระกูลหนึ่งเมื่อก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ บุตรชายสิ้นชีพเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญคือผลลัพธ์ที่จะตามมาต่างหาก เป็นถึงราชทูตแคว้นเยี่ยนผู้สูงศักดิ์ แต่กลับละเลยเรื่องงานเพราะความแค้นส่วนตัว ปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดขึ้นที่ต่างแคว้นอีก ซ่งจิ่วหมิงจินตนาการออกเลยว่าจะต้องมีคนบางกลุ่มกำลังลอบปลุกปั่นคลื่นมรสุม พุ่งเป้าเล่นงานเขาในท้องพระโรงเป็นแน่
พ่อบ้านหลิวลู่และซ่งเฉวียนบุตรชายคนโตต่างยืนก้มหน้าอยู่ที่มุมหนึ่ง ไม่กล้าเปล่งเสียง
ทั้งสองล้วนทราบดีว่าซ่งจิ่วหมิงกำลังโมโหอยู่ เวลานี้ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับเขาเพื่อหาเรื่องใส่ตัว น้อยครั้งนักที่ทั้งสองจะเห็นเขาโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้
“เขาเป็นตัวแทนแคว้นเยี่ยนไปเป็นราชทูตที่ต่างแคว้น ใครใช้ให้เขาทำเรื่องเช่นนี้? ใครใช้ให้เขาทำกัน? เขารนหาที่ตายก็ว่าไปอย่าง แต่นี่จะลากคนทั้งตระกูลซ่งลงหลุมไปด้วยหรือยังไง?”
ซ่งจิ่วหมิงพลันชี้หน้าด่าทอพวกเขาอย่างสาดเสียเทเสียอยู่พักหนึ่ง ใบหน้าที่ปกติจะเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ ยามนี้โมโหจนหน้าดำหน้าแดงแล้ว
ในใจของทั้งสองก็อับจนหนทางยิ่งนัก เรื่องนี้ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นใครในตระกูลซ่ง หากได้พบเห็นหนิวโหย่วเต้าในมณฑลจินโจวเข้า เกรงว่าคงจะสอดมือเข้าไปยุ่งเหมือนกันหมด ในเมื่อเป็นเรื่องที่ถือโอกาสจัดการได้ แล้วจะปล่อยหนิวโหย่วเต้าไปได้อย่างไร? แต่ก็ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ซ่งหลงก็ย่อมต้องคาดไม่ถึงเช่นกัน
ซ่งเฉวียนเอ่ยถามเสียงอ่อยว่า “หาทางกลบเกลื่อนได้หรือไม่ขอรับ?”
“กลบเกลื่อนหรือ? กลบเกลื่อนอย่างไร?” ซ่งจิ่วหมิงชี้นิ้วทิ่มหน้าผากเขา “ในหัวมีแต่ขี้เลื่อยเหรอ? หากเกิดเรื่องขึ้นภายในแคว้น ด้วยอิทธิพลของตระกูลเราก็ยังพอหาทางปัดความรับผิดชอบออกไปได้ แต่นี่เกิดเรื่องขึ้นนอกแคว้น เจ้าจะกลบเกลื่อนอย่างไร? เจ้าจะปัดความรับผิดชอบไปให้ผู้ใด? ราชทูตของแคว้นต่างๆ ล้วนเห็นเหตุการณ์กับตาตัวเอง คนเหล่านั้นอยากให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในแคว้นเยี่ยนใจแทบขาดแล้ว ยิ่งเจ้าหาทางกลบเกลื่อน พวกนั้นก็ยิ่งมีความสุข! ราชทูตสิ้นชีพในแคว้นจ้าว แคว้นจ้าวจะช่วยแบกความรับผิดชอบแทนเจ้าหรือไง? กลบเกลื่อนอย่างนั้นหรือ? ผู้ใดจะกลบเกลื่อนได้เล่า?”
ในเวลานี้เอง ด้านนอกประตูมีคนเข้ามารายงาน “นายท่านขอรับ มีคนจากจวนเจ้ากรมโยธามาหา เจ้ากรมโยธาเรียกไปพบขอรับ!”
ภายในห้องเงียบสงัดลงทันที ล้วนสงสัยกันถ้วนหน้า มีความเป็นไปได้สูงว่าถงมั่วจะเรียกพบเพราะเรื่องนี้
พอได้ยินว่าถงมั่วเรียกพบ ซ่งจิ่วหมิงพลันใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว
แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนไปที่จวนเจ้ากรมโยธา หากแต่ให้คนมาดูแลจัดการรูปลักษณ์ของตนให้ดูดีเสียหน่อย หวีผมจนเรียบร้อย จัดแจงเสื้อผ้าจนเป็นระเบียบ จากนั้นถึงจะเดินออกจากประตูไปขึ้นรถม้า
เมื่ออยู่บนรถม้าก็รีบปรับอารมณ์ของตนให้สุขุมเยือกเย็นอย่างรวดเร็ว ปรับเปลี่ยนสีหน้าตนให้ดีขึ้น
หลังมาถึงจวนเจ้ากรมโยธา เข้าสู่โถงหลัก เขาก็มองเห็นถงมั่วที่นั่งอยู่หลังโต๊ะกำลังจ้องมองตนอย่างเย็นชา เขาทำความเคารพอย่างไม่ตระหนกลนลาน จากนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง คุกเข่าลงทันที ก้มหน้าอยู่ตรงนั้นไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ
ถงมั่วเอ่ยอย่างเฉยชา “รู้เรื่องแล้วหรือ?”
“ขอรับ!” ซ่งจิ่วหมิงที่คุกเข่าอยู่ประสานมือพลางเอ่ยว่า “ข้าน้อยสั่งสอนบุตรชายไม่ได้เรื่อง ทำให้ท่านเจ้ากรมโยธาผิดหวัง ยินดีรับโทษทัณฑ์ทุกประการขอรับ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า