ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 115

ตอนที่ 115 ซ่งจิ่วหมิงลงมือ

เหล่าสมณะที่อยู่ตรงแปลงผักมารวมตัวกัน หยวนกังอธิบายเรื่องราวให้พวกเขาฟัง

หลังจากอธิบายจบ หยวนกังก็ให้คนไปเรียกเว่ยตัวมา

ภายในโถงรับแขก มีเพียงพวกเขาสองคน เผชิญหน้ากันตามลำพัง ทั้งสองสบตากันอยู่พักหนึ่ง หยวนกังเอ่ยถามว่า “เจ้ามีสภาวะระดับใด?”

เว่ยตัวกล่าวตอบ “สร้างฐาน!”

สองคำนี้ตอบได้อย่างราบรื่น

หยวนกังพยักหน้ารับ ไม่ได้พูดมากอีก จากนั้นเอ่ยถามอีกประโยคว่า “ต้องการติดตามข้าไปหาเต้าเหยี่ยด้วยกันหรือไม่?”

เว่ยตัวรีบพยักหน้ารับ “ไป!”

คำนี้ก็ไม่ติดอ่างเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้เหล่าสมณะยังคงรั้งอยู่ที่นี่ ส่วนเว่ยตัวติดตามหยวนกังไป

ภายในเรือนหลัก องครักษ์นายหนึ่งรีบเดินเข้ามา รายงานว่า “ท่านอ๋อง หยวนกังพาชายติดอ่างคนนั้นจากไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทั้งสองเปลี่ยนไปสวมชุดของไพร่พลทางฝั่งพระชายา ยืมม้าสองตัว ลงเขาไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ทั้งสามนิ่งเงียบ แทบทุกคนต่างคาดเดาได้ว่าหยวนกังลงเขาไปครานี้มิใช่การไปเที่ยวเล่นธรรมดาแน่นอน

ซางเฉาจงโบกมือสื่อให้องครักษ์นายนั้นถอยออกไป จากนั้นถอนหายใจเบาๆ “ปลอมตัวตบตาอย่างนั้นหรือ? คงจะไปตามหาเต้าเหยี่ย ไม่ทราบเช่นกันว่าในละแวกนี้ยังมีสายสืบของตระกูลซ่งอยู่หรือไม่ จะมีอันตรายหรือเปล่า?”

หลานรั่วถิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เป้าหมายของตระกูลซ่งคือเต้าเหยี่ย เราประกาศข่าวออกไปแล้ว เมื่อรู้ว่าเต้าเหยี่ยไม่อยู่ที่นี่ ตระกูลซ่งก็น่าจะไม่จับตามองที่นี่อย่างเอาเป็นเอาตายอีกพ่ะย่ะค่ะ เขาปลอมตัวแล้วค่อยออกเดินทาง คาดว่าคงไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”

ซางซูชิงกัดริมฝีปากไม่เอ่ยวาจา ที่นางกังวลว่าหนิวโหย่วเต้าจะไม่กลับมาก็เป็นเพราะเรื่องนี้ หนิวโหย่วเต้าน่าจะรู้จักหยวนกังดี ทันทีที่ให้ทางนี้ประกาศเรื่องตัดสัมพันธ์ออกไป หนิวโหย่วเต้าจะไม่ทราบเชียวหรือว่าหยวนกังจะไปหาเขา?

ณ เมืองหลวง จวนตระกูลซ่ง ภายในห้องหนังสือ แจกันหล่นแตก ถ้วยชาแตกกระจาย แท่นฝนหมึกล้ำค่าแตกเป็นเสี่ยง กระดาษหล่นเกลื่อนพื้น กระจายเละเทะเต็มห้อง

ซ่งจิ่วหมิงเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องด้วยความโมโห

เหตุใดจึงโมโหน่ะหรือ? ย่อมเป็นเพราะเรื่องทางมณฑลจินโจว!

ทันทีที่เกิดเรื่องกับซ่งหลง ทางนั้นก็มีคนส่งข่าวกลับมาทันที พอได้รับข่าว ซ่งจิ่วหมิงแทบจะซวนเซล้มทรุดลงไปนั่งบนเก้าอี้

ตระกูลตระกูลหนึ่งเมื่อก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ บุตรชายสิ้นชีพเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญคือผลลัพธ์ที่จะตามมาต่างหาก เป็นถึงราชทูตแคว้นเยี่ยนผู้สูงศักดิ์ แต่กลับละเลยเรื่องงานเพราะความแค้นส่วนตัว ปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดขึ้นที่ต่างแคว้นอีก ซ่งจิ่วหมิงจินตนาการออกเลยว่าจะต้องมีคนบางกลุ่มกำลังลอบปลุกปั่นคลื่นมรสุม พุ่งเป้าเล่นงานเขาในท้องพระโรงเป็นแน่

พ่อบ้านหลิวลู่และซ่งเฉวียนบุตรชายคนโตต่างยืนก้มหน้าอยู่ที่มุมหนึ่ง ไม่กล้าเปล่งเสียง

ทั้งสองล้วนทราบดีว่าซ่งจิ่วหมิงกำลังโมโหอยู่ เวลานี้ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับเขาเพื่อหาเรื่องใส่ตัว น้อยครั้งนักที่ทั้งสองจะเห็นเขาโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้

“เขาเป็นตัวแทนแคว้นเยี่ยนไปเป็นราชทูตที่ต่างแคว้น ใครใช้ให้เขาทำเรื่องเช่นนี้? ใครใช้ให้เขาทำกัน? เขารนหาที่ตายก็ว่าไปอย่าง แต่นี่จะลากคนทั้งตระกูลซ่งลงหลุมไปด้วยหรือยังไง?”

ซ่งจิ่วหมิงพลันชี้หน้าด่าทอพวกเขาอย่างสาดเสียเทเสียอยู่พักหนึ่ง ใบหน้าที่ปกติจะเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ ยามนี้โมโหจนหน้าดำหน้าแดงแล้ว

ในใจของทั้งสองก็อับจนหนทางยิ่งนัก เรื่องนี้ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นใครในตระกูลซ่ง หากได้พบเห็นหนิวโหย่วเต้าในมณฑลจินโจวเข้า เกรงว่าคงจะสอดมือเข้าไปยุ่งเหมือนกันหมด ในเมื่อเป็นเรื่องที่ถือโอกาสจัดการได้ แล้วจะปล่อยหนิวโหย่วเต้าไปได้อย่างไร? แต่ก็ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ซ่งหลงก็ย่อมต้องคาดไม่ถึงเช่นกัน

ซ่งเฉวียนเอ่ยถามเสียงอ่อยว่า “หาทางกลบเกลื่อนได้หรือไม่ขอรับ?”

“กลบเกลื่อนหรือ? กลบเกลื่อนอย่างไร?” ซ่งจิ่วหมิงชี้นิ้วทิ่มหน้าผากเขา “ในหัวมีแต่ขี้เลื่อยเหรอ? หากเกิดเรื่องขึ้นภายในแคว้น ด้วยอิทธิพลของตระกูลเราก็ยังพอหาทางปัดความรับผิดชอบออกไปได้ แต่นี่เกิดเรื่องขึ้นนอกแคว้น เจ้าจะกลบเกลื่อนอย่างไร? เจ้าจะปัดความรับผิดชอบไปให้ผู้ใด? ราชทูตของแคว้นต่างๆ ล้วนเห็นเหตุการณ์กับตาตัวเอง คนเหล่านั้นอยากให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในแคว้นเยี่ยนใจแทบขาดแล้ว ยิ่งเจ้าหาทางกลบเกลื่อน พวกนั้นก็ยิ่งมีความสุข! ราชทูตสิ้นชีพในแคว้นจ้าว แคว้นจ้าวจะช่วยแบกความรับผิดชอบแทนเจ้าหรือไง? กลบเกลื่อนอย่างนั้นหรือ? ผู้ใดจะกลบเกลื่อนได้เล่า?”

ในเวลานี้เอง ด้านนอกประตูมีคนเข้ามารายงาน “นายท่านขอรับ มีคนจากจวนเจ้ากรมโยธามาหา เจ้ากรมโยธาเรียกไปพบขอรับ!”

ภายในห้องเงียบสงัดลงทันที ล้วนสงสัยกันถ้วนหน้า มีความเป็นไปได้สูงว่าถงมั่วจะเรียกพบเพราะเรื่องนี้

พอได้ยินว่าถงมั่วเรียกพบ ซ่งจิ่วหมิงพลันใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว

แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนไปที่จวนเจ้ากรมโยธา หากแต่ให้คนมาดูแลจัดการรูปลักษณ์ของตนให้ดูดีเสียหน่อย หวีผมจนเรียบร้อย จัดแจงเสื้อผ้าจนเป็นระเบียบ จากนั้นถึงจะเดินออกจากประตูไปขึ้นรถม้า

เมื่ออยู่บนรถม้าก็รีบปรับอารมณ์ของตนให้สุขุมเยือกเย็นอย่างรวดเร็ว ปรับเปลี่ยนสีหน้าตนให้ดีขึ้น

หลังมาถึงจวนเจ้ากรมโยธา เข้าสู่โถงหลัก เขาก็มองเห็นถงมั่วที่นั่งอยู่หลังโต๊ะกำลังจ้องมองตนอย่างเย็นชา เขาทำความเคารพอย่างไม่ตระหนกลนลาน จากนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง คุกเข่าลงทันที ก้มหน้าอยู่ตรงนั้นไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ

ถงมั่วเอ่ยอย่างเฉยชา “รู้เรื่องแล้วหรือ?”

“ขอรับ!” ซ่งจิ่วหมิงที่คุกเข่าอยู่ประสานมือพลางเอ่ยว่า “ข้าน้อยสั่งสอนบุตรชายไม่ได้เรื่อง ทำให้ท่านเจ้ากรมโยธาผิดหวัง ยินดีรับโทษทัณฑ์ทุกประการขอรับ!”

ถงมั่วสังเกตสีหน้าเขา เห็นเขามีท่าทางสงบเยือกเย็น สีหน้าไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเล็กน้อย เขาชื่นชมซ่งจิ่วหมิงในจุดนี้เป็นที่สุด ถึงเผชิญเรื่องใหญ่ก็ไม่ตระหนกลนลาน “รู้ก็ดีแล้ว เช่นนั้นข้าจะไม่พูดไร้สาระอีก เจ้ายื่นเรื่องลาออกด้วยตัวเองเถอะ!”

“ขอรับ!” ซ่งจิ่วหมิงตอบรับทันที คลายมือที่ประสานกันลงพร้อมเอ่ยว่า “ข้าน้อยจะลาออกจากตำแหน่งเสนาบดียุติธรรมทันทีขอรับ!”

เมื่อเห็นว่าเขายังสงบเยือกเย็นได้ถึงขนาดนี้แม้จะสูญเสียตำแหน่งขุนนางไป ถงมั่วยิ่งรู้สึกชื่นชมมากกว่าเดิม ทอดถอนใจพลางกล่าวว่า “ตัวเจ้าคงจะไม่มีทางทำอะไรไร้หัวคิดเช่นนี้ เรื่องนี้คาดว่าคงเป็นบุตรชายเจ้าที่กระทำโดยพลการ แต่ก็ช่วยไม่ได้ เรื่องลอบสังหารที่วัดหนานซานครั้งก่อนทำให้ฝ่าบาททรงพิโรธไปทีแล้ว แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ใดทราบความ เรื่องผ่านไปแล้วก็ให้แล้วไป แต่เรื่องครานี้เจ้าน่าจะรู้ดี วุ่นวายใหญ่โตแล้ว!”

ก๊อกๆ! เขาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะหนักๆ สองที

“ฝ่าบาททรงพิโรธแน่ ข้าเองก็ช่วยพูดให้เจ้าไม่ได้ แทนที่จะโดนปลดยศหรือลดตำแหน่ง มิสู้ยื่นเรื่องลาออกด้วยตัวเองจะดีกว่า ส่งมอบตำแหน่งออกไปให้คนบางคนแย่งชิงกันไปก่อน แบบนี้ข้าเองก็จะช่วยพูดได้ รอให้มรสุมผ่านไป รอดูว่าคนที่เข้ามาอยู่ในตำแหน่งของเจ้าทำงานได้ดีกว่าเจ้าหรือไม่ หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ค่อยเรียกเจ้ากลับมารับตำแหน่งอีกครั้งก็ยังไม่สาย”

ซ่งจิ่วหมิงตอบว่า “ขอรับ! ทุกอย่างล้วนจัดการตามที่ท่านเจ้ากรมโยธาสั่งการ”

ถงมั่วโล่งใจยิ่ง ลุกออกมาจากหลังโต๊ะ เดินอ้อมออกมา ยื่นมือประคองเขาขึ้นมาด้วยตัวเอง “เรื่องบางเรื่องจัดการได้ไม่สะดวกเมื่อนั่งอยู่ในตำแหน่ง ข้าเองก็พอจะเข้าใจ ในเมื่อเรื่องส่วนตัวยังจัดการไม่เสร็จ ไม่สู้ฉวยโอกาสช่วงที่ว่างอยู่ จัดการเรื่องส่วนตัวในบ้านตนให้เรียบร้อยเสีย จัดการให้สะอาดสะอ้าน รอจนจิตใจไร้เรื่องกังวลแล้วค่อยกลับมา แคว้นเยี่ยนยังคงต้องการขุนนางมีความสามารถอย่างเจ้าอยู่!”

ซ่งจิ่วหมิงตอบว่า “ความหวังดีของท่านเจ้ากรมโยธา ข้าน้อยเข้าใจขอรับ!”

ถงมั่วตบไหล่เขาพลางกล่าวว่า “เขียนคำร้องเสียที่นี่เถอะ ข้ากำลังจะเข้าวังไปกราบทูลเรื่องซ่งหลงต่อฝ่าบาทพอดี จะได้นำไปด้วยเลย”

“ขอรับ!” ซ่งจิ่วหมิงรับคำ

กระทั่งเขากลับถึงจวนตระกูลซ่ง ห้องหนังสือที่ข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้นก็ได้รับการเก็บกวาดจนสะอาดสะอ้านแล้ว

เมื่อเขานั่งลงหลังโต๊ะยาว ซ่งเฉวียนก็ยกน้ำชามาให้ด้วยตัวเอง พร้อมกับถามหยั่งเชิงประโยคหนึ่งว่า “ท่านพ่อ ท่านเจ้ากรมโยธาว่าอย่างไรบ้างขอรับ?”

ซ่งจิ่วหมิงเอ่ยอย่างเฉยชา “ไม่ได้ว่าอย่างไร ข้ายื่นคำร้องลาออกจากตำแหน่งเสนาบดียุติธรรมแล้ว!”

“ห๊า!” หลิวลู่และซ่งเฉวียนล้วนตกใจเป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะซ่งเฉวียน อนาคตเขายังต้องพึ่งบารมีท่านพ่ออยู่ หากไม่มีท่านพ่อเป็นที่พึ่ง เกรงว่าสถานการณ์ของเขาคงยากลำบากแล้ว จึงถามอย่างกระวนกระวายว่า “ท่านพ่อด่วนตัดสินใจไปหรือเปล่าขอรับ?”

ซ่งจิ่วหมิงเมินเฉยต่อเรื่องนี้ สายตามองไปยังผนังฝั่งตรงข้าม แผนที่ใต้หล้าแผ่นหนึ่งแขวนไว้ในห้องหนังสือของเขา เขาลุกขึ้นเดินอ้อมออกมา เดินไปหยุดหน้าแผนที่ หลังจากพิจารณาอยู่พักหนึ่งก็เอ่ยถาม “ศพของเจ้ารองจะถูกเคลื่อนย้ายกลับมาตอนไหน?”

หลิวลู่เอ่ยตอบ “เรื่องนี้เกรงว่าจะยุ่งยากอยู่บ้างขอรับ ทางมณฑลจินโจวยึดศพไว้ไม่ยอมคืน บอกว่าต้องรอตรวจสอบเรื่องราวให้กระจ่างแล้วค่อยว่ากันอีกทีขอรับ”

ซ่งจิ่วหมิงยกสองมือไพล่หลัง เอ่ยว่า “หนิวโหย่วเต้าคนนั้น ทางมณฑลจินโจวเตรียมจัดการอย่างไร?”

หลิวลู่ตอบว่า “บอกว่าต้องรอตรวจสอบให้กระจ่างก่อนเช่นกันขอรับ”

ซ่งจิ่วหมิงกล่าวขึ้นว่า “อย่าหวังเลยว่ามณฑลจินโจวจะทำอันใดหนิวโหย่วเต้า มีความเป็นไปได้สูงว่ามณฑลจินโจวจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย ฝั่งนั้นไม่มีทางจัดการหนิวโหย่วเต้า แล้วก็ไม่มีทางส่งตัวหนิวโหย่วเต้ามาให้พวกเราแน่ คาดว่าคงแอบปล่อยตัวไปแล้ว”

ซ่งเฉวียนถามด้วยความประหลาดใจ “ท่านพ่อ ความหมายของท่านคือ มณฑลจินโจวมีส่วนร่วมในการสังหารน้องรองหรือขอรับ?”

ซ่งจิ่วหมิงเอ่ยไปว่า “ข้าไม่ฟังคำอธิบายเหลวไหลไร้สาระพวกนั้น ข้ารับผิดชอบดูแลกฎหมายอาญามานานหลายปี หาใช่คนตาบอดไม่ เรื่องใหญ่เช่นนี้ ไม่มีทางที่จะบังเอิญขนาดนี้โดยไร้จุดเชื่อมโยงใดๆ ได้ ข้าไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้อยู่ คนที่เกี่ยวข้องโดยตรงในคืนเกิดเหตุคาดว่าคงจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งหมด เจ้ารองคงจะตกหลุมพรางของคนอื่นเข้าแล้ว แม้ข้าจะไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดมณฑลจินโจวถึงทำเช่นนี้ แต่ข้ามั่นใจว่าพวกเราคงไม่มีทางหาตัวหนิวโหย่วเต้าพบง่ายๆ แน่ มีข่าวจากทางอำเภอชางหลูบ้างหรือไม่?”

หลิวลู่กล่าวตอบ “เพิ่งมาถึงเลยขอรับ ซางเฉาจงปิดประกาศบอกว่าไล่หนิวโหย่วเต้าออกจากใต้บังคับบัญชาของเขาไปแล้ว หนิวโหย่วเต้าไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขาอีก”

“เฮอะๆ!” ซ่งจิ่วหมิงหัวเราะหยัน จ้องมองแผนที่พลางเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “หากไม่มีอะไรผิดคาดล่ะก็ เกรงว่าหนิวโหย่วเต้าคงจะไม่ปรากฏตัวในอำเภอชางหลูไปอีกสักพัก พวกเราต้องตามหากันเองแล้ว ฆ่าหลานชายข้า ยามนี้ยังมาฆ่าลูกชายข้าอีก เดรัจฉานตัวนี้หากข้าไม่จัดการให้สิ้นซาก ข้าคงกลายเป็นตัวตลกของคนอื่น ยังจะมีหน้ากลับไปยืนในราชสำนักอีกได้อย่างไร เอาล่ะ ถือโอกาสที่ข้าได้อยู่ว่าง มาสะสางเรื่องนี้กัน”

เขายกมือชี้แผนที่ “จุดพักม้าที่อยู่บนทางเส้นทางที่จำเป็นต้องในพื้นที่ต่างๆ ของแต่ละแคว้น ตั้งใจคัดเลือกคนให้ดี ตั้งด่านสังเกตการณ์ซะ! ตามหาคนที่รู้จักหนิวโหย่วเต้ามาวาดภาพเหมือนของเขา ส่งไปตามด่านต่างๆ ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะซ่อนตัวไปได้ตลอด หลังจัดวางด่านสังเกตการณ์เรียบร้อยแล้ว รีบส่งคนไปเจรจาต่อรองกับทางซางเฉาจงอย่างต่อเนื่อง ให้ซางเฉาจงมอบตัวคนมา ซางเฉาจงจะตอบรับหรือไม่ไม่สำคัญ ค่าหัวสามารถเพิ่มได้ตามต้องการ แต่ไม่จำเป็นต้องมอบให้ แค่สร้างสถานการณ์ให้ดูใหญ่โต แหวกหญ้าให้งูตื่น ทำให้หนิวโหย่วเต้าหวาดระแวงซางเฉาจง ไม่กล้าไปหลบซ่อนตัวในสถานที่ที่ซางเฉาจงรู้ บีบให้เขาเผยตัวออกมา ทำให้เขาไม่อาจหลบซ่อนตัวไปตลอดได้”

หลิวลู่ถามด้วยความสงสัย “นายท่าน ท่านบอกให้ตั้งด่านในแคว้นต่างๆ มิใช่ภายในแคว้นเยี่ยนหรือขอรับ?” เขานึกว่าตนหูฝาดไป

ซ่งจิ่วหมิงเอ่ยย้ำ “แคว้นต่างๆ!”

หลิวลู่ตกตะลึง รีบเอ่ยว่า “นายท่าน ภาพเหมือนกับเรื่องเจรจาล้วนจัดการได้ แต่ขอบเขตในการตั้งด่านมันจะไม่ใหญ่เกินไปหน่อยหรือขอรับ เกรงว่าทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์ที่ต้องใช้…”

ซ่งจิ่วหมิงกล่าวว่า “เรื่องกำลังคน ทรัพยากรและกำลังทรัพย์พวกเราไม่จำเป็นต้องออกอะไรเลย เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะไปหาเหล่าโม่ของหน่วยข่าวกรอง ขอยืมตัวลูกน้องที่ว่างงานของเขาที่ลอบจัดวางไว้ตามแคว้นต่างๆ มา”

หลิวลู่และซ่งเฉวียนมองหน้ากัน พบว่ายามที่ท่านผู้เฒ่ายังไม่ลงมือก็ยังไม่มีอะไร แต่ทันทีที่ลงมือกลับไม่ธรรมดา นี่เป็นการใช้งานกำลังพลของแว่นแคว้นเพื่อจัดการหนิวโหย่วเต้า หนิวโหย่วเต้าได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ต่อให้ตายก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจแล้ว

นอกจากนี้ทั้งสองยังฟังความหมายที่แฝงอยู่อีกชั้นหนึ่งออก มาตรว่าท่านผู้เฒ่าจะลงจากตำแหน่งแล้ว แต่อิทธิพลยังคงอยู่

“ข้าจะไปตกลงกับเหล่าโม่เอาไว้ก่อน ทันทีที่พบตัวเป้าหมาย ก็ให้หน่วยข่าวกรองเรียกใช้กำลังคนที่อยู่ใกล้ที่สุดไปจัดการ มิเช่นนั้นหากรอให้ส่งข่าวไปส่งข่าวมา กว่าพวกเราจะส่งคนไปถึง น้ำไกลย่อมไม่อาจดับกระหายในระยะใกล้ได้[1] ดังนั้นสุดท้ายแล้วพวกเราแค่ต้องจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาของงานนี้เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นกลับไม่จำเป็นต้องทำอะไร”

หลิวลู่กระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที เขาเองก็นับว่ามีความแค้นที่หนิวโหย่วเต้าสังหารบุตรของตนเช่นเดียวกัน จึงรีบพยักหน้าตอบรับทันที “นายท่านวางใจได้เลยขอรับ เรื่องภาพเหมือนของหนิวโหย่วเต้า ข้าจะให้คนจัดการคัดลอกแล้วรีบส่งไปตามด่านต่างๆ โดยเร็วขอรับ”

…………………………………………………..

[1] หมายถึง แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกะทันหันไม่ทันเวลา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า