ตอนที่ 117 เมืองไจซิง
รถม้าเคลื่อนผ่านไป ชาวบ้านที่หลบออกไปยืนอยู่ริมสองฝั่งถนนกลับมาสัญจรตามปกติ มีคนไม่น้อยที่ลอบชี้ไม้ชี้มือไปทางหยวนกัง
คู่สามีภรรยาเจ้าของแผงลอยอุ้มบุตรสาวไว้พลางแสดงความขอบคุณหยวนกังซ้ำๆ แต่มองออกชัดเจนว่าความรู้สึกหวาดกลัวมีมากกว่าซาบซึ้งใจ
หยวนกังเองก็ไม่ได้พูดจาทำนองว่าไม่ต้องขอบคุณอันใด นั่งลงหน้าแผงลอยแล้วกินอาหารต่อ ก่อนจะได้ยินคำว่า ‘จวนผู้ว่าการ’ แว่วมาจากกลุ่มชาวบ้านที่พูดคุยซิบกัน คล้ายกำลังคุยกันว่าขบวนรถม้าที่ผ่านไปเมื่อครู่นั้นเป็นคนของจวนผู้ว่าการมณฑล ทำให้หยวนกังมองไปตามทิศทางที่รถม้าหายลับไป
หยวนกังเป็นคนกินจุเสมอมา หลังจากกินจนอิ่มหนำสำราญแล้วก็เรียกเก็บเงิน แต่คู่สามีภรรยาเจ้าของร้านกลับไม่ยอมรับเงินไว้
หยวนกังไม่ได้พยายามยื้อยุดกับคู่สามีภรรยาเจ้าของแผง เพียงโยนเหรียญเงินทิ้งไว้หนึ่งเหรียญ จากนั้นขี่ม้าจากไปพร้อมเว่ยตัว
ทั้งสองสอบถามชาวบ้านไปตลอดทาง ในที่สุดก็หาจวนผู้ว่าการมณฑลพบ แน่นอนว่าย่อมถูกขวางไว้ด้านนอกจวน
ความจริงแล้วไห่หรูเยวี่ยก็เพิ่งกลับมาจากการตรวจตราภายในเมืองเช่นกัน นางเพิ่งจะพักผ่อนได้เพียงไม่นานนัก สาวใช้นางหนึ่งประคองกล่องเครื่องประดับที่เพิ่งส่งเข้ามาใหม่ใบหนึ่งเอาไว้ กำลังให้นางเลือกดู
พ่อบ้านจูซุ่นเข้ามารายงานว่า “ฮูหยิน หยวนกังมาแล้วขอรับ”
ไห่หรูเยวี่ยร้องโอ้คำหนึ่ง “ไปหยิบจดหมายที่หนิวโหย่วเต้าทิ้งไว้ให้มา”
แต่จูซุ่นมิได้รีบร้อนจากไป กลับยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่มีคนเห็นหยวนกังแล้วมารายงานบ่าวเป็นการเฉพาะ บอกว่าหยวนกังคนนี้คือคนที่ปะทะกับขบวนรถม้าของฮูหยินกลางถนนเมื่อครู่นี้ขอรับ ”
“เขาหรือ?” ไห่หรูเยวี่ยเงยหน้าด้วยความแปลกใจ วางเครื่องประดับในมือกลับลงกล่อง “เขาก็คือหยวนกังอย่างนั้นหรือ?”
จูซุ่นส่ายหน้าพร้อมเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้บ่าวไม่ได้ติดตามไปด้วย จึงไม่เห็นเหตุการณ์นั้น ก็เลยไม่ทราบแน่ชัดขอรับ”
ไห่หรูเยวี่ยจุ๊ปาก เอ่ยด้วยความรู้สึกสนใจ “คนประเภทเดียวกันย่อมอยู่ด้วยกันสินะ ต่างเป็นคนที่ไม่ธรรมดา จากที่คนของเจ้าไปสืบสถานการณ์มา หยวนกังคนนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับหนิวโหย่วเต้า?”
จูซุ่นตอบว่า “ทั้งสองแทบจะไม่ปรากฏตัวอยู่ข้างนอกเลยขอรับ คนทางนั้นก็สืบไม่พบข้อมูลใดๆ เช่นกัน แต่ยืนยันได้ว่าเขามักจะติดตามอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้า คาดว่าน่าจะเป็นลูกน้องคนสนิทขอรับ”
ไห่หรูเยวี่ยโบกมือพลางเอ่ยสั่ง “ไปเชิญเข้ามา”
“ขอรับ!” จูซุ่นเดินออกไปที่ปากประตูแล้วสั่งการบ่าวรับใช้ต่อ
หยวนกังและเว่ยตัวที่ถูกขวางไว้นอกจวนจึงถูกปล่อยตัวเข้าไป แต่ยังคงถูกตรวจค้นร่างกายตามกฎระเบียบ กระบี่พกของเว่ยตัวและมีดสั้นประจำตัวของหยวนกังล้วนถูกยึดไว้ ซ้ำยังถูกลงผนึกลมปราณบนร่างด้วย
ทั้งสองถูกนำทางไปรอที่โถงรับแขก
รออยู่ครู่หนึ่ง ไห่หรูเยวี่ยก็มาถึงพร้อมกับจูซุ่น เจ้าบ้านได้พบหน้าแขก
หลังจากทราบสถานะของกันและกันแล้ว หยวนกังค่อนข้างแปลกใจอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่านายหญิงแห่งมณฑลจินโจวจะมาพบเขาด้วยตัวเอง
หยวนกังไม่ชินกับการประสานมือคำนับยามพบปะคนอื่น ต่อให้พบซางเฉาจงกับซางซูชิง เขาก็ไม่ทำเช่นกัน เขามองพิจารณาอีกฝ่ายหัวจรดเท้าเล็กน้อย จากนั้นถามว่า “หนิวโหย่วเต้าอยู่ที่ใด?”
ไห่หรูเยวี่ยก็พินิจดูเขาเช่นกัน รู้สึกว่าคนผู้นี้ค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากการกระทำของหยวนกังบนท้องถนนก่อนหน้านี้ ทำให้นางสังเกตเห็นว่าหยวนกังคล้ายจะไม่มีแนวคิดเรื่องระบบชนชั้นเลย
สำหรับผู้คนในโลกนี้แล้ว คนจะถูกแบ่งชนชั้นไปตามศักดิ์ฐานะ ขุนนางก็คือขุนนาง ชาวบ้านก็คือชาวบ้าน หยวนกังไม่เห็นขุนนางอยู่ในสายตา แต่กลับให้ค่าชาวบ้านตัวเล็กๆ อีกทั้งยังเข้าขัดขวางกลางถนน ในมุมมองของไห่หรูเยวี่ยแล้ว นางไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมของหยวนกังสักเท่าไร
ไห่หรูเยวี่ยที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานเอ่ยอย่างเรียบเฉย “หนิวโหย่วเต้าไปแล้ว”
หยวนกังขมวดคิ้ว เอ่ยถาม “ไปที่ใด?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ ก็ถามต่ออีกประโยคหนึ่ง “หอหิมะเหมันต์กระมัง”
ไห่หรูเยวี่ยหัวเราะพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนเจ้าจะรู้ไม่น้อยเลยนะ”
“รบกวนแล้ว ขอลา!” หยวนกังกล่าวลาเตรียมจากไป
ไห่หรูเยวี่ยทั้งฉุนทั้งขบขัน พบว่าคนผู้นี้ไม่เห็นตนอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยจริงๆ นางตวาดออกไป “หยุดนะ! จวนของข้าใช่สถานที่ที่เจ้าอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไปอย่างนั้นเรอะ?”
หยวนกังชะงักเท้า ค่อยๆ หันกลับมาแล้วกล่าวว่า “ข้ากับองค์หญิงใหญ่ไม่มีความแค้นต่อกัน!”
ไห่หรูเยวี่ยเอ่ยไปว่า “รั้งอยู่ที่มณฑลจินโจวชั่วคราวเถอะ” จากนั้นก็เอ่ยเสริมอีกประโยคว่า “นี่คือเรื่องที่หนิวโหย่วเต้าฝากฝังข้าไว้ก่อนออกเดินทาง” นางผงกศีรษะส่งสัญญาณเล็กน้อย
จูซุ่นล้วงจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ เดินเข้ามามอบให้หยวนกัง
อันที่จริงทางนี้ก็ไม่ได้รักษามารยาทอันใดเลย แกะจดหมายฉบับนี้อ่านตั้งแต่แรกแล้ว ทว่าอ่านไปก็มึนงงอยู่บ้าง เนื่องจากอ่านไม่รู้เรื่อง ครุ่นคิดกลับไปกลับมาอยู่นานก็ยังอ่านไม่รู้เรื่อง
หยวนกังดึงกระดาษจดหมายด้านในออกมาอ่านครู่เดียวก็รู้แล้วว่าเป็นจดหมายที่หนิวโหย่วเต้าทิ้งไว้จริงๆ เนื้อความด้านในเขียนแบบจีนตัวย่อ รูปแบบอักษรก็เป็นตามแบบฉบับของหนิวโหย่วเต้า
จดหมายนี้ไม่มีอะไรให้ใช้อ้างอิงและไม่มีหลักเกณฑ์ให้ยึดตาม หากคิดจะถอดความออกมาโดยอาศัยเพียงเนื้อความในจดหมาย คาดว่าไม่มีทางเป็นไปได้
ความหมายอย่างคร่าวๆ ของเนื้อหาในจดหมายคือหนิวโหย่วเต้าคาดเดาได้ว่าหลังจากทราบข่าวเขาจะตามมาแน่ ต้องการให้เขาอยู่ที่มณฑลจินโจว รอคอยหนิวโหย่วเต้ากลับมา อย่าวิ่งเพ่นพ่านวุ่นวาย
นี่เป็นความตั้งใจของหนิวโหย่วเต้าเช่นกัน ทราบว่าเมื่อเรื่องทางนี้ได้ข้อสรุป ทางจังหวัดชิงซานจะเกิดศึกใหญ่ขึ้น ถ้าหยวนกังติดตามฝ่ายซางเฉาจง เป็นไปได้มากว่าเขาจะเข้าร่วมสงครามด้วย อารมณ์ในบางด้านของหยวนกังรุนแรงเกินไป มีความจริงใจสูง ไม่กลัวความตาย หากเข้าร่วมสงครามเกรงว่าจะเอาชีวิตไปเสี่ยงตาย
หนิวโหย่วเต้าไม่คิดว่างานใหญ่ของสองพี่น้องสกุลซางจะมีค่าพอให้เอาชีวิตหยวนกังเข้าไปเสี่ยง
ส่วนหนึ่งที่หนิวโหย่วเต้าให้ทางซางเฉาจงประกาศตัดความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันก็เพื่อเป้าหมายนี้ ทราบดีว่าหยวนกังต้องมาหาเขาแน่นอน จึงฉวยโอกาสดึงตัวหยวนกังออกมาจากจังหวัดชิงซาน รอให้สถานการณ์ทางจังหวัดชิงซานสงบมั่นคงแล้วค่อยว่ากัน หากพี่น้องสกุลซางประสบความสำเร็จ หยวนกังค่อยกลับไปก็ได้ หากว่าสองพี่น้องสกุลซางพ่ายศึก พื้นที่ถูกคนอื่นเข้ายึดครอง ย่อมไม่มีความจำเป็นต้องกลับไปอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า