ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 130

ตอนที่ 130 แสนเหรียญทอง

หนิวโหย่วเต้าค้อมตัวอย่างสุภาพเรียบร้อย “เป็นข้าเอง”

ซาฮ่วนลี่เอ่ยด้วยสีหน้าสนใจใคร่รู้ “ด้านทักษะการวาด ข้าเองก็พอเข้าใจอยู่บ้าง ท่านวาดด้วยวิธีใดหรือ? อธิบายได้หรือไม่?”

แววตาเฮยหมู่ตานเต็มไปด้วยความคาดหวัง นี่กำลังขอคำชี้แนะอยู่กระมัง หวังว่าหนิวโหย่วเต้าจะคว้าโอกาสนี้ไว้พูดคุยสานสัมพันธ์ให้ดี นางหวังดีต่อหนิวโหย่วเต้าจริงๆ หวังว่าเขาจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์

ด้านนอกหอยกสูง พ่อบ้านเซี่ยงหมิงค่อยๆ เดินเข้ามา ยืนอยู่ข้างประตูอย่างเงียบงัน สังเกตการณ์เงียบๆ

หนิวโหย่วเต้าไม่สามารถใช้คำศัพท์เฉพาะทางมาอธิบายกับนางได้ สำหรับคนที่ไม่เข้าใจแล้ว เรื่องราวบางอย่างยิ่งอธิบายก็ยิ่งเกิดคำถามเพิ่มขึ้น จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เพียงวาดเล่นๆ เท่านั้น ไม่เคยคิดคำอธิบายอันใดเอาไว้เลย”

เฮยหมู่ตานหมดคำพูดแล้วจริงๆ โอกาสดีขนาดนี้กลับไม่รู้จักรักษาเอาไว้

ซาฮ่วนลี่จ้องมองเขา ไม่ทราบเช่นกันว่าเขาตั้งใจจะเก็บงำทักษะไว้หรือว่าอย่างไร ดูท่าทางเหมือนไม่อยากพูดอะไรมากนัก แต่ก็ดูไม่คล้ายประหม่าตื่นกลัวเลย นางใคร่ครวญแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมอีกครั้ง “ลองได้เยือนสมุทรไซร้ นทีใดมิเทียบทาน หากได้ยลเขาอูซาน เมฆาครามล้วนหมองมัว แม้นยืนกลางบุปผชาติ ก็ยังคร้านจะเหลียวดู หนึ่งเพราะใจมุ่งสู่ อีกหนึ่งเพราะคะนึงนาง…กลอนบทนี้ท่านเป็นผู้แต่งหรือ? มีความหมายแฝงอันใดหรือไม่?”

ถูกต้อง หนิวโหย่วเต้าจงใจทิ้งกลอนนี้เอาไว้ เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าซาฮ่วนลี่มีรสนิยมแบบไหน ไม่รู้ว่าชอบกลอนหรือภาพวาดกันแน่ ดังนั้นจึงรวมทั้งสองอย่างไว้ด้วยกัน แต่ปากกลับกล่าวไปอย่างราบเรียบว่า “หามิได้ หากแต่เป็นกลอนที่ครั้งหนึ่งบังเอิญได้ยินผู้อื่นเอ่ยถึง ยามวาดภาพหวนคิดถึงขึ้นมา จึงเติมลงไปในพื้นที่ว่าง ไม่มีความหมายแฝงอันใด”

“โอ้!” ซาฮ่วนลี่คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง นางมองออกแล้วจริงๆ ทั้งหมดล้วนเป็นการตอบอย่างขอไปที ไม่ยินดีที่จะพูดอะไรกับตนมากนัก นางหันไปมองรอบข้าง “พวกเจ้าไม่ได้ต้อนรับคุณชายให้ดีอย่างนั้นหรือ?”

“หามิได้!”

“ท่านเจ้าเมือง คุณชายเพิ่งมาถึง ยังไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้นขอรับ”

เหล่าข้ารับใช้ที่อยู่รอบข้างพากันแก้ตัว

กลับเป็นหนิวโหย่วเต้าที่ช่วยพูดแก้สถานการณ์ว่า “ท่านเจ้าเมือง ไม่ทราบผู้ที่ต้องการให้ข้าวาดภาพคือท่านใช่หรือไม่? หากว่าใช่ พวกเรามาเริ่มกันเลยดีหรือไม่”

ซาฮ่วนลี่เองก็อยากเห็นผลงานมาตั้งนานแล้วเช่นกัน จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มทันทีว่า “ได้! รบกวนคุณชายแล้ว”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “รีบร้อนมากะทันกัน จำเป็นต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับการวาดเล็กน้อย”

ซาฮ่วนลี่พยักหน้ารับ “ต้องการสิ่งใด คุณชายบอกมาได้เลย”

“กระดาษ กระดานวาดภาพ แท่งถ่าน…” หนิวโหย่วเต้าอธิบายสิ่งของที่ตนต้องการอย่างละเอียด

มีข้ารับใช้สองคนรีบออกไปจัดเตรียมให้

ไม่นานนัก กระดานวาดภาพและแท่งถ่านแบบเฉพาะกิจก็ถูกนำมาส่งให้ แท่งถ่านยังไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร หนิวโหย่วเต้าจึงขอมีดเล็กมาเหลาแท่งถ่านใหม่เล็กน้อย

ขั้นตอนนี้ ซาฮ่วนลี่สังเกตดูอย่างละเอียด เดินมาสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดอยู่ด้านข้าง เห็นได้ชัดว่าอยากเรียนรู้

เมื่อจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถาม “ท่านเจ้าเมือง จะวาดที่นี่หรือ?”

ซาฮ่วนลี่เคยเห็นภาพวาดก่อนหน้านี้แล้ว ทราบว่าต้องมีฉากหลัง นางเองก็รู้เรื่องการวาดภาพเช่นกัน ทราบว่าจำเป็นต้องมีฉากหลังเพื่อขับเน้นภาพวาดให้ดูเด่น จึงเอ่ยตอบว่า “แล้วแต่คุณชายเถิด หากคุณชายคิดว่าสถานที่ไหนเหมาะสมที่จะวาดก็เอาสถานที่นั้นเลย”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “วาดภาพให้ท่านเจ้าเมืองย่อมทำอย่างขอไปทีไม่ได้ ผู้น้อยเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่ทราบเช่นกันว่าทิวทัศน์ตรงไหนเหมาะสมบ้าง”

ซาฮ่วนลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เข้าใจแล้ว คุณชายสามารถเดินดูรอบๆ ได้เลย เลือกสถานที่ที่คุณชายเห็นว่าเหมาะสม”

“ตกลง!” หนิวโหย่วเต้าประสานมือรับคำสั่ง มองไปรอบๆ เดินออกจากหอยกสูง เริ่มพิจารณาไปอย่างช้าๆ เรียกได้ว่าเดินไปตรงไหนก็พินิจดูตรงนั้น ถือโอกาสค่อยๆ เยี่ยมชมจวนเจ้าเมือง

ซาฮ่วนลี่เดินตามในระยะไม่ใกล้ไม่ไกล บ่าวไพร่แบกอุปกรณ์ของหนิวโหย่วเต้าติดตามอยู่ด้านหลัง

พ่อบ้านเซี่ยงหมิงยังคงจับตามองหนิวโหย่วเต้าอย่างเงียบๆ

ลักษณะโครงสร้างของจวนเจ้าเมืองสร้างขึ้นโดยอิงแอบไปกับตัวภูเขา ไล่ชั้นขึ้นไปเรื่อยๆ ต้องเดินขึ้นเนินอยู่ตลอด คล้ายไม่มีสถานที่ที่หนิวโหย่วเต้าพึงพอใจเลย มองไปทางไหนก็ส่ายหน้าตลอด จนกระทั่งเดินมาถึงศาลาหลังหนึ่งที่อยู่ในจุดสูงสุดของจวน หนิวโหย่วเต้าเดินไปที่ระเบียง ยืนอยู่ริมราวกั้น ทอดตามองดูทั่วทั้งเมืองโบราณ พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นหันกลับมาเอ่ยว่า “เอาตรงนี้แล้วกัน ท่านเจ้าเมืองว่าอย่างไร?”

ซาฮ่วนลี่กล่าวว่า “ได้ เอาตามคุณชายว่า”

บ่าวที่ยกอุปกรณ์มาถามว่าจะให้จัดวางอุปกรณ์ไว้ตรงไหนถึงจะเหมาะสม แต่ใครจะไปรู้ว่าพอหนิวโหย่วเต้าหันไปมองทิวทัศน์ เขากลับเอ่ยขึ้นมาว่า “เปลี่ยนกระดานวาดภาพกับกระดาษให้ใหญ่ขึ้น…” พร้อมกางสองแขนออก กะขนาดให้คร่าวๆ

แบกของเดินมานานขนาดนี้ เจ้ากลับไม่ใช้อย่างนั้นหรือ? บ่าวที่ยกอุปกรณ์พูดไม่ออก

ทว่าซาฮ่วนลี่กลับฟังแล้วตื่นเต้นขึ้นมา จะวาดภาพขนาดใหญ่ให้ตนอย่างนั้นเหรอ นางเกิดความคาดหวังอย่างยิ่ง รีบเอ่ยเร่งว่า “ไป ไปจัดการตามที่คุณชายบอก”

“ขอรับ!” บ่าวหลายคนรับคำสั่ง ยกอุปกรณ์ออกไปอย่างรวดเร็ว ไปจัดเตรียมอุปกรณ์มาใหม่อีกครั้ง

โชคดีที่ไม่ว่าจะเป็นกำลังคนหรือกำลังทรัพย์ล้วนมิใช่ปัญหาสำหรับที่นี่ รอไม่นานก็ได้อุปกรณ์มาครบครัน จัดวางไว้ในศาลาตามที่หนิวโหย่วเต้าต้องการ

ส่วนตัวซาฮ่วนลี่กลับถูกหนิวโหย่วเต้าจัดแจงให้ไปตากแดดอยู่บนระเบียงที่อยู่ถัดลงไปทางเบื้องล่างของบันไดสองสามขั้นด้านนอกศาลา

“หันหลัง พิงราวระเบียงไว้ บังฉากสำคัญสองสามแห่งในเมืองเอาไว้ ขยับไปทางซ้ายอีกหน่อย อย่าหันตัวมาทางนี้ ไปทางขวาอีกนิด ยืนเบี่ยงตัวหน่อย อย่าหันหน้ามาทางนี้ เอียงหัวไปทางขวาเล็กน้อย สายตาอย่ามองไปด้านล่าง ให้มองตรงไปด้านหน้า ใช่ๆๆๆ เอาแบบนี้…”

ด้วยคำสั่งของนิวโหย่วเต้า ซาฮ่วนลี่ต้องขยับไปทางนั้นทีทางนี้ที แต่ก็ไม่บ่นอิดออดเลยแม้แต่น้อย

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้เฮยหมู่ตานลอบเหงื่อตกเล็กน้อย กังวลว่าหนิวโหย่วเต้าจะเผลอทำให้อีกฝ่ายโมโหเข้า

แต่นางไม่ได้รู้เลยว่าหนิวโหย่วเต้ากลับไม่กังวลเรื่องนี้เลยสักนิด จากประสบการณ์ในชาติก่อนของเขา ถ้าเป็นการถ่ายรูปหรือวาดภาพ สติปัญญาของสตรีจะกลายเป็นศูนย์ทันที ไม่มีแรงต่อต้านอันใด สองกิจกรรมนี้เป็นวิธีหลอกล่อชักจูงสตรีได้ดีที่สุด จะให้สตรีถอดเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่าก็ยังได้ ไหนเลยจะบ่นอิดออดอันใดได้

เมื่อจัดท่าทางให้ซาฮ่วนลี่เสร็จ หนิวโหย่วเต้าถึงได้หยิบแท่งถ่านขึ้นมาร่างเส้นกะระยะลงบนกระดาษ จากนั้นถึงได้เริ่มลงเส้นวาดภาพตามต้นแบบ ขยับมือลื่นไหลว่องไว

ในเวลานี้ ในที่สุดเฮยหมู่ตานที่คอยเป็นผู้ช่วยอยู่ข้างๆ ก็ได้เห็นขั้นตอนการวาดแล้ว

บ่าวไพร่เหล่านั้นล้วนไม่กล้าเข้ามาใกล้ด้วยกลัวว่าจะรบกวน พากันชะเง้อคอมอง

เซี่ยงหมิงก็อยากรู้เช่นนั้นว่าเป็นวิธีวาดอย่างไร เขาย่อมเดินเข้าไปพินิจดูใกล้ๆ ได้ เห็นกระบวนการการเปลี่ยนแปลงของโครงร่างแต่ละอย่าง รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งเช่นกัน วิธีวาดเช่นนี้ไม่เคยพบเห็นหรือยลยินมาก่อนเลย เขามองหนิวโหย่วเต้าที่กำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการวาดเป็นระยะ

ซาฮ่วนลี่ขยับตัวเล็กน้อยมองมาทางนี้ หนิวโหย่วเต้าเอ่ยสั่งทันที “ห้ามขยับตัว!”

ซาฮ่วนลี่รีบทำตามอย่างว่าง่าย ไม่กล้าขยับเขยื้อนอีก

ขนาดภาพค่อนข้างใหญ่ ภาพนี้ใช้เวลาวาดอยู่เกือบหนึ่งชั่วยาม ซาฮ่วนลี่ตากแดดอยู่ใต้ดวงตะวันอย่างว่าง่ายมาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น บรรดาบ่าวไพร่ที่เฝ้ามองอยู่ด้านข้างลอบเหงื่อตก กังวลว่าซาฮ่วนลี่จะทนรับไม่ไหว คนมากมายในโลกภายนอกอาจจะไม่ทราบ แต่พวกเขากลับทราบดี เขาทราบดีว่าคุณสมบัติทางร่างกายของซาฮ่วนลี่ไม่เหมาะสมจะบำเพ็ญเพียรมาตั้งแต่กำเนิด นางมิใช่ผู้บำเพ็ญเพียร!

กระทั่งหนิวโหย่วเต้าวางแท่งถ่านลงแล้วบอกว่าเสร็จแล้ว ซาฮ่วนลี่ที่ยืนพิงราวระเบียงในท่าเดิมมาตลอดถึงได้เปลี่ยนท่ายืน ผลคือเพียงขยับตัวเล็กน้อย บนใบหน้าก็เผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา นางพบว่าร่างกายแข็งทื่อไปหมด มีคนพุ่งเข้าไปหาทันที ประคองนางเดินออกมา

ทันทีที่เข้าไปในศาลา ก็มีคนรีบใช้พลังกระตุ้นเลือดลมให้นางอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ช่วยให้นางกลับมาเป็นปกติได้

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ หนิวโหย่วเต้าตะลึงไปเล็กน้อย มองหน้าเฮยหมู่ตาน เฮยหมู่ตานเองก็เพิ่งมองออกเช่นกัน เพิ่งทราบว่าซาฮ่วนลี่มิใช่ผู้บำเพ็ญเพียร

เซี่ยงหมิงสอบถามอาการซาฮ่วนลี่เล็กน้อย ซาฮ่วนลี่ส่ายหน้า เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ตากแดดจนแดงก่ำ อดใจรอชมภาพแทบจะไม่ไหวแล้ว

หนิวโหย่วเต้ารีบประสานมือเอ่ยขอขมา “ไม่ทราบว่าท่านเจ้าเมืองมิใช่ผู้บำเพ็ญเพียร หากรู้แต่แรกคงให้ย้ายเก้าอี้สักตัวให้ท่านเจ้าเมืองนั่ง”

“ไม่เป็นไร!” ซาฮ่วนลี่กลับใจกว้างนัก ความลำบากผ่านไปแล้ว ไหนเลยจะต้องถือสาเรื่องนี้อีก ตอนนี้สิ่งที่นางใส่ใจที่สุดคือภาพวาดของนางงดงามหรือไม่ สายตาจับจ้องอยู่ที่กระดานวาดภาพ เดินอ้อมหนิวโหย่วเต้าที่ขวางทางอยู่ ไปหยุดยืนอยู่หน้ากระดานวาดรูป ทันทีที่สายตามองลงไปบนภาพ ภายในดวงตาพลันฉายแววประหลาดใจและยินดีออกมาในทันใด

สตรีในภาพวาด สวมชุดกระโปรงยาวพลิ้วละมุน ดวงหน้าอ่อนเยาว์สดใส เบี่ยงกายไปยังทิศทางหนึ่ง สายตาทอดมองออกไปไกล คล้ายกำลังใคร่ครวญถึงบางสิ่ง ฉากหลังคือท้องฟ้ากว้างไกล สตรีนางนั้นพิงราวกั้นอยู่กึ่งกลางระหว่างฟ้าดิน ด้านหลังคือเมืองโบราณที่ข้ามผ่านกาลเวลาอันยาวนาน ร้านรวงบ้านเรือนในเมืองตั้งเรียงรายอยู่ใต้เท้าทางเบื้องหลังของนาง

ทันทีที่เห็นภาพนี้ นางรู้ได้ทันทีว่าเมืองนั้นเป็นเมืองของนาง แต่สำหรับนางแล้วเรื่องนี้ไม่สำคัญเลย สิ่งสำคัญคือความงามอันสมจริงในภาพวาด สมจริงราวกับเห็นภาพสะท้อนของตัวนางเองในกระจก

ฉากหลังขับเน้นเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของนางออกมา ซาฮ่วนลี่คิดไม่ถึงเลยว่าที่แท้พอตนอยู่ในภาพแล้วจะงามถึงเพียงนี้

อย่าว่าแต่นางเลย อันที่จริงบ่าวไพร่ที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกได้เช่นกันว่าท่านเจ้าเมืองที่อยู่ในภาพคล้ายจะงดงามยิ่งขึ้น แต่พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าหนิวโหย่วเต้าได้ใช้เทคนิคอะไรบางอย่างเล็กน้อยที่ยากจะมองออกได้

เมื่อมองฉากทิวทัศน์ภายในภาพ จากนั้นมองดูทิวทัศน์ของจริงที่อยู่นอกกระดานภาพอีกครั้ง ซาฮ่วนลี่รู้สึกสุขใจนัก ส่ายหน้าทอดถอนใจด้วยความชื่นชม “คุณชายเซวียนหยวนมีความสามารถจริงๆ”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านเจ้าเมืองชอบก็ดีแล้ว”

ซาฮ่วนลี่ไม่พูดอะไร ยืนอยู่หน้าภาพวาดพินิจดูอย่างละเอียดอยู่สักพัก จู่ๆ ก็หันไปมองเหล่าสาวใช้ เรียกคนที่งดงามที่สุดคนหนึ่งเข้ามา เอ่ยถามหนิวโหย่วเต้าว่า “คุณชายวาดให้นางอีกภาพได้หรือไม่?”

สาวใช้นางนั้นได้ยินก็ตื่นเต้นยินดี รู้สึกคาดหวังอย่างยิ่ง แต่ปากกลับเอ่ยอย่างสุภาพเกรงใจว่า “บ่าวมิบังอาจ”

นางคิดมากไปแล้ว ซาฮ่วนลี่เพียงอยากดูด้วยตาตัวเองว่าหนิวโหย่วเต้าวาดอย่างไร นางอยากเรียนรู้ อยากเห็นว่าหนิวโหย่วเต้าใช้ทักษะการวาดแบบไหน

หนิวโหย่วเต้าขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตกลงกันไว้แล้วว่าวาดแค่ภาพเดียวเท่านั้น”

ซาฮ่วนลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ายืนแค่พักเดียวก็เหนื่อยล้าไปหมดแล้ว คาดว่าคุณชายคงสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงและความคิดไปมากมายเช่นกัน หากว่าเหนื่อยแล้ว ค่อยวาดวันอื่นก็ได้”

ผู้ใดจะทราบว่าหนิวโหย่วเต้ากลับหันไปมองเถ้าแก่ที่ยืนกุมมืออยู่ด้านข้าง ถามว่า “เถ้าแก่ ท่านก็เห็นภาพที่ข้าวาดให้เฮยหมู่ตานแล้ว สัดส่วนของภาพนี้มีขนาดใหญ่กว่าภาพนั้นหลายเท่า ราคาแสนเหรียญทองที่ตกลงกันเอาไว้แต่เดิมนั้นคือขนาดเท่ากับภาพของเฮยหมู่ตาน ข้าเห็นว่านี่เป็นการวาดให้ท่านเจ้าเมือง ถึงได้ยอมเพิ่มขนาดให้โดยไม่คิดเงิน ตอนนี้ท่านเจ้าเมืองบอกจะให้วาดอีกภาพ…ในเมื่อท่านเจ้าเมืองออกปากแล้ว ข้าก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรอีก แต่เรื่องราคานี่จะคำนวณกันอย่างไร?”

หลังจากทราบแน่ชัดแล้วว่าต้องวาดภาพให้ซาฮ่วนลี่ รู้ว่านางเป็นเศรษฐีมีเงิน เขาจึงไม่รังเกียจที่จะฉวยโอกาสหาเงินเพิ่ม

เมื่อเซี่ยงหมิงได้ยินก็หรี่ตาลงเล็กน้อย

เถ้าแก่ลอบเหงื่อตก นึกอยากจะพุ่งเข้าไปอุดปากหนิวโหย่วเต้าเอาไว้ใจแทบขาด ก่อนหน้านี้ท่านพ่อบ้านเคยกำชับไว้ว่าอย่าให้ท่านเจ้าเมืองทราบเรื่องค่าวาดภาพแสนเหรียญทอง จู่ๆ เจ้านี่จะเอ่ยเรื่องนี้ออกมาทำไม? เขาตั้งตัวไม่ทัน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

“ภาพนี้มูลค่าแสนเหรียญทองอย่างนั้นหรือ?” ซาฮ่วนลี่ก็ตกใจเช่นกัน เท่าที่นางทราบมา ต่อให้เป็นภาพของจิตกรชั้นนำของโลก อย่างมากที่สุดก็แค่พันเหรียญทองเท่านั้น

สาวใช้ที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวังก็ตกใจเช่นกัน จ่ายแสนเหรียญทองเพื่อวาดภาพภาพเดียวให้นาง มันค่อนข้างเกินไปจริงๆ

หนิวโหย่วเต้าแปลกใจ ผายมือหันไปทางเถ้าแก่ คล้ายกำลังถามว่านี่มันหมายความว่าอย่างไร? คิดจะเบี้ยวอย่างนั้นหรือ?

……………………………………………………

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า