ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 131

ตอนที่ 131 ใช้เงินเหมือนละลายน้ำ

เมื่ออยู่ต่อหน้าซาฮ่วนลี่ เถ้าแก่ไม่ทราบว่าควรจะตอบอย่างไรดี

เซี่ยงหมิงเงยหน้าขึ้น ค่อยๆ เดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้า ยกมือแตะไหล่หนิวโหย่วเต้า แผ่พลังออกมาจากฝ่ามือ รวมกันอยู่ที่หัวไหล่ของหนิวโหย่วเต้า

หนิวโหย่วเต้าหันไปมอง สบตากับเซี่ยงหมิงเล็กน้อย รับรู้ได้ถึงแววตาตักเตือนในดวงตาของเซี่ยงหมิง

เซี่ยงหมิงยิ้มให้ซาฮ่วนลี่แล้วเอ่ยว่า “คุณหนูเข้าใจผิดแล้วขอรับ ภาพวาดเพียงภาพเดียวไหนเลยจะมีราคาถึงแสนเหรียญทองได้ คุณชายเซวียนหยวนมาทำการค้าที่เมืองไจซิง ทำข้อตกลงการค้ามูลค่าแสนเหรียญทองกับทางเรา แล้วรวมภาพวาดของคุณหนูเข้าไปด้วย เพียงแต่ตอนแรกตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่าตามมูลค่าทางการค้าที่ตกลงกันเอาไว้จะวาดแค่ภาพเดียวเท่านั้น”

เขาหันกลับไปเอ่ยกับหนิวโหย่วเต้าอีกครั้ง “วันนี้รบกวนคุณชายมากแล้ว เชิญคุณชายไปพักก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาวาดอีกครั้ง เรื่องราคาของอีกภาพเดี๋ยวเราค่อยเจรจากันทีหลังได้” เขาเตรียมจะต่อรองราคากับหนิวโหย่วเต้าลับหลัง

แต่ซาฮ่วนลี่มิใช่คนโง่ แค่เห็นท่าทางของเถ้าแก่ก็มองออกถึงอะไรบางอย่าง “ปล่อยมือเจ้าซะ!”

เซี่ยงหมิงถึงได้ยอมปล่อยมือที่วางอยู่บนไหล่ของหนิวโหย่วเต้า

ซาฮ่วนลี่จ้องมองหนิวโหย่วเต้าพลางเอ่ยว่า “คุณชายเซวียนหยวน เชิญกล่าวมาตามจริงเถิด เรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่? ท่านวางใจเถอะ หากมีผู้ใดกล้าข่มขู่คุกคามท่าน ข้าจะทวงความเป็นธรรมให้ท่านเอง”

เซี่ยงหมิงก้มหน้าหลุบตา สีหน้าสงบนิ่ง

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ท่านเจ้าเมืองมีน้ำใจยิ่งนัก ก็เป็นอย่างที่พ่อบ้านเซี่ยงกล่าวไป ภาพวาดนั้นเป็นการพ่วงเข้าไปในข้อตกลงทางการค้า เพียงแต่ตอนแรกตกลงกันไว้ว่าวาดแค่ภาพเดียวเท่านั้น หากวาดอีกย่อมต้องคิดเงินแยก”

หลังจากทราบว่าซาฮ่วนลี่มิใช่ผู้บำเพ็ญเพียร เขาก็เข้าใจแล้วว่าซาฮ่วนลี่ไม่สามารถควบคุมเมืองไจซิงที่เป็นศูนย์รวมผู้บำเพ็ญเพียรแห่งนี้ได้ คนที่ใช้อำนาจเจ้าเมืองในการควบคุมดูแลเมืองไจซิงอย่างแท้จริงน่าจะเป็นท่านพ่อบ้านคนนี้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้มาก เลือกยืนอยู่ข้างเซี่ยงหมิง ช่วยแก้ต่างให้เซี่ยงหมิง เว้นเสียแต่เขาไม่อยากมีชีวิตรอดออกไปจากเมืองไจซิงแห่งนี้แล้ว

เซี่ยงหมิงสงบนิ่งไร้อารมณ์

ซาฮ่วนลี่จ้องมองท่าทีของพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พ่อบ้าน ข้าเพียงหวังให้เจ้าเข้าใจว่าบนโลกนี้ยังมีคนอีกมากมายที่อดอยากยากไร้!”

นางพูดออกมาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ายังคงมีความคลางแคลงสงสัยอยู่

เซี่ยงหมิงอับจนวาจานัก นึกในใจ อาหารที่ท่านกินเป็นประจำอย่างไหนบ้างเล่าที่มิใช่ของที่ดีที่สุดในโลก ท่านเพียงแค่ไม่รู้ก็เท่านั้น แสนเหรียญทองสำหรับท่านแล้วจะนับเป็นอันใดได้? แต่ฉากหน้ายังคงค้อมคำนับกล่าวไปว่า “คุณหนูวางใจเถิดขอรับ พวกเราบริจาคเงินทองช่วยคนยากไร้ทุกปี ทำในสิ่งที่พวกเราพอจะทำได้”

เฮยหมู่ตานมองไปทางนั้นทีทางนี้ที

ซาฮ่วนลี่ชี้ไปที่ภาพนั้น “คุณชายเซวียนหยวน ท่านบอกข้ามาตามตรง ให้ท่านวาดภาพเช่นนี้ใช้เงินเท่าไรกันแน่ ห้ามปิดบัง มิเช่นนั้นท่านจะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา”

หนิวโหย่วเต้ารู้สึกเอือมระอา เหตุใดถึงมาเจอสตรีซื่อบื้อแบบนี้เข้า ทำเอาเขาตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ปุบปับกะทันหัน เหนือความคาดหมายจริงๆ

“ภาพนี้พ่วงรวมกับการค้าที่เจรจาไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถประเมินราคาเฉพาะของภาพนี้ได้จริงๆ” หนิวโหย่วเต้ายิ้มเจื่อน

ซาฮ่วนลี่จึงถามว่า “เช่นนั้นหากตอนนี้ข้าต้องการให้ท่านวาดอีกภาพ ท่านจะคิดราคาเท่าไร”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “เรียนท่านเจ้าเมือง ข้ามิใช่จิตรกร ไม่ขายทักษะ ปกติแล้วไม่วาดภาพให้ผู้อื่น แต่หากว่าจำเป็นต้องวาด อย่างน้อยๆ ก็หนึ่งพันเหรียญทอง”

เซี่ยงหมิงหันมาเอ่ยทันที “พันเหรียญทองแพงเกินไป วัสดุอุปกรณ์ล้วนเป็นทางเราจัดเตรียม ไม่ได้รบกวนเวลาท่านสักเท่าไหร่”

หนิวโหย่วเต้าถามกลับ “เช่นนั้นท่านว่าเท่าไรดี?”

เซี่ยงหมิงชูนิ้วหนึ่งออกมา “ข้าให้ท่านได้มากสุดหนึ่งร้อย!”

หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า “ไม่ได้ๆ ต่ำเกินไปแล้ว!”

ทั้งสองเล่นละครเข้าขากันเป็นธรรมชาติยิ่ง เจรจาต่อราคากันอยู่ตรงนั้น เหมือนทำการค้ากันอยู่จริงๆ เอาจริงเอาจังนัก

ซาฮ่วนลี่มองคนนั้นที มองคนนี้ที

เมื่อเห็นว่าเซี่ยงหมิงไม่ยอมอ่อนข้อให้ หนิวโหย่วเต้าพลันประสานมือกล่าวกับซาฮ่วนลี่ว่า “ท่านเจ้าเมือง ท่านให้ความเป็นธรรมด้วย ของบางอย่างไหนเลยใช้วัสดุอุปกรณ์และเวลามาประเมินค่าได้?” เขาชี้ไปยังภาพที่วางอยู่บนกระดานวาดภาพ “ท่านเจ้าเมือง หรือท่านก็คิดว่าภาพนี้ของข้ามีมูลค่าเพียงร้อยเหรียญทอง?”

ซาฮ่วนลี่มองภาพนั้น รู้สึกชอบใจ ถ้าคิดราคาหนึ่งร้อยเหรียญทอง มันก็คล้ายจะต่ำไปหน่อยจริงๆ แต่นางหันกลับมาเอ่ยว่า “พันเหรียญทองแพงไปหน่อย เอาอย่างนี้แล้วกัน ท่านวาดอีกภาพ ข้าให้ท่านห้าร้อยเหรียญทองเป็นอย่างไร?”

“เรื่องนี้…” หนิวโหย่วเต้าลำบากใจเล็กน้อย

เซี่ยงหมิงเอ่ยเสียงขรึม “ท่านเจ้าเมืองออกปากด้วยตัวเองแล้ว หรือว่าเกียรติของท่านเจ้าเมืองยังมีราคาไม่เท่าห้าร้อยเหรียญทอง?

ซาฮ่วนลี่ยกมือปรามเขาเล็กน้อย สื่อว่าห้ามไม่ให้เขาข่มขู่ ให้คุยกันดีๆ

“เฮ้อ” หนิวโหย่วเต้าถอนหายใจ “ในเมื่อพ่อบ้านเซี่ยงเอ่ยมาเช่นนี้ ตกลง ห้าร้อยก็ห้าร้อย”

ซาฮ่วนลี่มีท่าทางพึงพอใจขึ้นมาทันที คล้ายว่าจะดีใจเพราะประหยัดเงินไปได้ห้าร้อยเหรียญทอง รีบให้คนปลดภาพออกจากกระดานวาดภาพอย่างระมัดระวัง ให้หนิวโหย่วเต้ามีที่ว่างสำหรับวาดภาพใหม่อีกภาพ

หนิวโหย่วเต้าให้คนยกเก้าอี้มา สั่งให้สาวใช้คนนั้นนั่งตัวตรงห้ามขยับเขยื้อน แล้วก็ไม่ได้ให้ทำท่าทางอันใดเลย หยิบแท่งถ่านขึ้นมาวาดภาพ

ซาฮ่วนลี่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้ากระตือรือร้น คอยสังเกตดูว่าหนิวโหย่วเต้าวาดภาพประเภทนี้อย่างไร

เมื่อเค้าโครงของต้นแบบค่อยๆ ปรากฏขึ้น ซาฮ่วนลี่อุทานด้วยความตื่นตาตื่นใจ ส่งเสียงซักถามเป็นระยะ ขอคำชี้เเนะเกี่ยวกับเคล็ดลับในการวาด หนิวโหย่วเต้าก็อธิบายไปเล็กน้อย

เมื่อเห็นซาฮ่วนลี่มีความสุข เซี่ยงหมิงที่อยู่ด้านหลังอมยิ้มเล็กน้อย ท่าทางปลาบปลื้มอย่างยิ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า