ตอนที่ 135 เปลี่ยนใจอีกแล้วหรือ?
เสี่ยวเอ้อก้มหยิบสุราไหหนึ่งขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นกวักมือเรียกเสี่ยวเอ้ออีกคนที่อยู่ในห้องโถงเข้ามา สั่งให้อีกฝ่ายนำสุราไปส่งตามห้องพักที่ระบุ
ไป๋อวี้โหลวหันหลังกลับ ค่อยๆ เดินออกจากโรงเตี๊ยมไป ยืนอยู่บนบันไดด้านนอกโรงเตี๊ยม สองมือไพล่หลังเงยหน้ามองท้องนภากว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จิตใจว้าวุ่น
คนของฝ่ายเซวียนหยวนเต้าและคนของสำนักเซียนสถิตลักลอบพบปะกันหลายครั้ง ตัวเซวียนหยวนเต้าเองก็เริ่มดำเนินการอย่างเงียบๆ แล้วเช่นกัน แม้แต่ผู้สังเกตการณ์อย่างเขาก็ถูกลากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ท้องนภาที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวรวมถึงโรงเตี๊ยมในค่ำคืนนี้คล้ายจะดูแปลกไปเล็กน้อย เซวียนหยวนเต้าคนนั้นบอกว่าพรุ่งนี้จะออกเดินทาง หวังว่าคืนนี้อย่าได้เกิดเรื่องอันใดขึ้นจะดีที่สุด
ท้องนภายามราตรีเต็มไปด้วยหมู่ดาวส่องสกาว แสงโคมในเมืองโบราณส่องสลัวงดงาม เขาสูงยามราตรีหนาวเหน็บ
ภายใต้ความเงียบสงบในค่ำคืนนี้ ภายในใจเขากลับคล้ายว่ามีคลื่นลมปั่นป่วน
……
“อำเภอซานหูหรือ?”
ภายในร้านค้าของสำนักเซียนสถิต พอได้ฟังรายงานของชุยหย่วน เถ้าแก่เกาซู่ชงก็ขมวดคิ้วพึมพำ หันไปเอ่ยกับหวงเอินผิงที่อยู่ข้างๆ ว่า “เอาแผนที่มาดูหน่อย”
หวงเอินผิงเข้าไปด้านใน ไม่นานนักก็หยิบแผนที่ฉบับหนึ่งออกมา กางลงบนโต๊ะเก็บเงิน ผีเสื้อจันทราสามตัวเกาะนิ่งอยู่บนเชือกที่อยู่ด้านบน ให้ความสว่างกับพื้นที่ด้านล่างได้โดยไม่จำเป็นต้องจุดตะเกียงเพิ่ม
ทั้งสามคนยืนล้อมแผนที่ค้นหากันอยู่ครู่หนึ่ง ชุยหย่วนชี้ไปที่ที่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ตรงนี้ขอรับ อาจารย์อา อำเภอซานหูอยู่ตรงนี้”
สายตาของทั้งสามรวมกันอยู่ที่จุดเดียวกัน หวงเอินผิงลูบคางพลางเอ่ยอย่างใช้ความคิดว่า “นัดพบกันที่นี่….เจ้านี่เดินทางมาจากมณฑลจินโจวมาที่เมืองไจซิง ตอนนี้จะเดินทางไปที่อำเภอซานหูอีก นี่คิดจะไปที่ไหนกัน?”
เกาซู่ชงขยับแผนที่เล็กน้อย พลางมองไปทางตามเส้นทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ คล้ายจะเข้าใจอะขึ้นมา นิ้วจิ้มลงไปที่อำเภอซานหู “ใช่แล้ว ไม่ผิดแน่ เว้นแต่เขาจะเดินทางตัดเป็นเส้นทางตรง หรือไม่ก็ใช้เส้นทางอ้อม มิเช่นนั้นไม่ว่าจะย้อนกลับไปที่มณฑลจินโจวหรือว่าอำเภอชางหลู ก็เลี่ยงอำเภอซานหูไม่พ้นอยู่ดี หากขี่ม้าเดินทางกลับจำเป็นต้องผ่านที่นี่ทั้งสิ้น”
ทั้งสองมองเส้นทางที่เขากล่าวถึง กระจ่างขึ้นมาในทันใด ชุยหย่วนเอ่ยว่า “ทำทีเหมือนมาออกมาเที่ยวเล่นซื้อของที่เมืองไจซิง สุดท้ายก็วนกลับไปหาพวกซางเฉาจงอยู่ดี”
หวงเอินผิงแค่นหัวเราะพลางกล่าว “ที่ซางเฉาจงบอกว่าตัดสัมพันธ์กับเขาแล้ว คนมีปัญญาล้วนมองออกกันทั้งสิ้น ไม่พ้นเพียงปัดความรับผิดชอบแต่ฉากหน้าเท่านั้น เลี่ยงไม่ให้ตกเป็นที่ครหา การที่เขายังติดต่อกับซางเฉาจงอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย” เขาเงยหน้ามองเกาซู่ชง เอ่ยว่า “อาจารย์อา จะปล่อยให้เขาหนีกลับไปอยู่กับทางซางเฉาจงไม่ได้นะขอรับ มิเช่นนั้นหากได้รับการคุ้มครองจากสำนักหยกสวรรค์ คิดจะลงมืออีกก็คงยากแล้วขอรับ”
อันที่จริงคนของสำนักเซียนสถิตล้วนทราบแก่ใจดี ที่บอกว่าพวกหลิวจื่ออวี๋สิ้นชีพด้วยน้ำมือหนิวโหย่วเต้า ความจริงแล้วคนที่ลงมือสังหารจริงๆ คือพวกไป๋เหยาแห่งสำนักหยกสวรรค์ ทว่าสำนักเซียนสถิตไม่อาจล่วงเกินสำนักหยกสวรรค์ได้ จึงทำได้เพียงหาทางคิดบัญชีกับตัวการเบื้องหลังอย่างหนิวโหย่วเต้า ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นคำสั่งจากทางตระกูลซ่งด้วย
ชุยหย่วนเอ่ยว่า “ปัญหาสำคัญในตอนนี้คือเขาต้องการให้พวกเฮยหมู่ตานล่วงหน้าไปก่อน สายสืบที่พวกเราจัดวางไว้ข้างกายเขาก็ไม่รู้รายละเอียดการเดินทางของเขาเช่นกัน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาจะออกเดินทางไปเมื่อไรกันแน่ อาจจะแอบหนีไปในคืนนี้ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น…” เขาชี้ไปที่อำเภอซานหู “มีแต่ต้องไปดักรอเขาอยู่ที่นี่แล้ว”
เกาซู่ชงจ้องมองแผนที่ ถอนใจพลางเอ่ยว่า “ไปก็ไป ถึงอย่างไรก็ปล่อยให้เขาหนีไปอีกไม่ได้ หากว่าเขาอยู่กับเจ้าปีศาจหมีตัวนั้นแค่สองคนแล้วยังปล่อยให้เขาหนีรอดไปได้อีก ทางสำนักคงจนปัญญาจะแก้ตัวกับตระกูลซ่งได้ พวกเราเองก็ไม่มีหน้าไปแก้ตัวกับทางสำนักด้วยเช่นกัน”
เขาชี้ไปที่ศิษย์หลานทั้งสอง “พวกเจ้าสองคน คนหนึ่งเฝ้าอยู่ที่ร้าน คอยดูแลเรื่องการติดต่อระหว่างภายในและภายนอกไว้ ส่วนอีกคนให้กลับไปจับตามองที่โรงเตี๊ยมต่อ หากเกิดความเปลี่ยนแปลงอันใดก็ให้รีบมารายงานทันที ข้าจะพาอีกสี่คนที่เหลือเดินทางไปยังอำเภอซานหูด้วยตัวเอง ครั้งนี้จะต้องจัดการเจ้าเดรัจฉานตัวนี้ให้ได้”
หวงเอินผิงรีบเอ่ยว่า “ลำพังหนิวโหย่วเต้าเพียงคนเดียว ไหนเลยจะปล่อยให้อาจารย์อาลำบากไปจัดการด้วยตัวเองได้ ให้ข้าไปจัดการแทนก็ได้ขอรับ”
เกาซู่ชงส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “นี่ไม่เกี่ยวกับลำบากหรือไม่ลำบากอันใดทั้งนั้น ถ้าปล่อยให้เขาหนีไปได้อีก คนที่ต้องขายหน้าคงไม่พ้นสำนักเซียนสถิต หากมิใช่เพราะอยู่ห่างไกลจากสำนักเกินไป จึงส่งคนมาช่วยไม่ทันการ มิเช่นนั้นข้าต้องขอให้ทางสำนักส่งคนมาช่วยเสริมกำลังแน่นอน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดความผิดพลาดขึ้น ดังนั้นครั้งนี้ข้าไม่เพียงแต่ต้องออกโรงด้วยตัวเองเท่านั้น แต่ข้ายังต้องไปเชิญคนของสำนักคีรีพิลาสและสำนักเมฆาล่องให้ลงมือร่วมกันด้วย ครั้งนี้ต้องวางกับดักที่อำเภอซานหูให้ครอบคลุม จับเขาให้ได้ในคราวเดียว จะปล่อยให้ผิดพลาดไม่ได้”
ทั้งสองสบตากัน สำนักคีรีพิลาสและสำนักเมฆาล่องก็นับเป็นกลุ่มอิทธิพลของทางฝ่ายตระกูลซ่งเช่นเดียวกัน ปกติแล้วความสัมพันธ์ระหว่างสามสำนักไม่นับว่าดีนัก เรียกได้ว่ามีความขัดแย้งระหว่างกัน แต่หากว่ากันในอีกมุมหนึ่งแล้ว คาดว่าสำนักคีรีพิลาสและสำนักเมฆาล่องคงไม่กล้าอิดออดในเรื่องนี้เป็นแน่ มาตรว่าซ่งจิ่วหมิงจะออกจากราชการแล้ว แต่ก็มีข่าวว่าเจ้ากรมโยธาถงมั่วยังคงเรียกหาเขาอยู่เป็นประจำ จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าซ่งจิ่วหมิงอาจจะกลับมายิ่งใหญ่ได้ทุกเมื่อ จึงไม่มีใครกล้าดูแคลน
คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้อาจารย์อาถึงกับต้องเชิญคนจากสองสำนักนี้มาช่วยเหลือ นี่จะให้ค่าเจ้าเดรัจฉานตัวนี้มากเกินไปหรือเปล่า ทั้งสองรู้สึกเหมือนกำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
แต่ในเมื่อเกาซู่ชงพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ทั้งสองก็ทำได้เพียงจัดการไปตามคำสั่ง
เกาซู่ชงเขียนจดหมายลับฉบับหนึ่ง สั่งให้คนไปเอาปีกทองตัวหนึ่งมา ส่งข่าวรายงานสถานการณ์แก่ทางสำนักเซียนสถิตอีกครั้ง
จากนั้นเกาซู่ชงก็พาศิษย์อีกสี่คนไป ออกเดินทางในเวลากลางคืน ก็เหมือนที่ชุยหย่วนว่าไว้ ไม่รู้ว่าหนิวโหย่วเต้าจะจากไปตอนไหน เป็นไปได้ว่าอาจจะแอบหนีไปในคืนนี้ พวกเขาต้องล่วงหน้าไปเตรียมการที่อำเภอซานหูก่อน
ทั้งห้าคนพกปีกทองติดตัวไปด้วยคนละสองตัว ออกไปทางหลังร้านอย่างเงียบๆ จากนั้นตรงไปที่ร้านค้าของสำนักคีรีพิลาสและสำนักเมฆาล่อง ไม่นานก็รวบรวมคนได้ราวสิบถึงยี่สิบคนแล้วออกจากเมืองไจซิงไป
…..
หนิวโหย่วเต้ายังคงนั่งเช็ดกระบี่เล่มนั้นอยู่ข้างตะเกียง
หยวนฟางไม่เข้าใจว่าหนิวโหย่วเต้ากำลังทำอะไรอยู่ กระบี่เล่มเดียวเช็ดถูซ้ำไปซ้ำมานานขนาดนี้ รู้สึกว่าหนิวโหย่วเต้าสงบนิ่งจนดูแปลกไปบ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหนิวโหย่วเต้าในสภาพแบบนี้
เสียงเคาะประตูดังขึ้น หยวนฟางลุกออกไปดู
“นายท่าน สุราของท่านมาแล้วขอรับ”
“สุรา? พวกเราไม่ได้สั่งสุรานี่นา!”
หนิวโหย่วเต้าที่เช็ดถูกระบี่อยู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ข้าสั่งเอง”
ด้วยเหตุนี้เสียงพูดคุยตรงหน้าประตูจึงหยุดลง เสียงปิดประตูแว่วมา หยวนฟางถือสุราไหหนึ่งเดินเข้ามา วางลงข้างๆ หนิวโหย่วเต้า เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “เต้าเหยี่ยอยากดื่มสุราหรือขอรับ?”
หนิวโหย่วเต้าตอบนิ่งๆ “ให้เจ้าดื่มไง”
“ฮ่าๆ เต้าเหยี่ย อย่าล่อข้าเล่นสิขอรับ ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ดื่มสุรา ปกติส่วนใหญ่ก็แค่แสร้งทำไปเพื่อปกปิดฐานะเท่านั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า