ตอนที่ 137 แตกหัก
ใฝ่หอมบินไล่ตามกลิ่นออกจากเทือกเขา ทั้งกลุ่มเองก็ไล่ตามออกไปจากเทือกเขาด้วยเช่นกัน จนกระทั่งมาถึงลานม้า ใฝ่หอมพบเหยื่อหอมอีกเม็ดอยู่ด้านนอกรั้วไม้ของลานม้า
เมื่อตามมาถึงที่นี่ เพียงมองดูก็รู้ว่าพวกหนิวโหย่วเต้ามาเอาม้าที่นี่
ทั้งหกคนซื้อม้า ไล่ตามทิศทางที่ใฝ่หอมมุ่งหน้าไปอีกครั้ง
พอมาถึงพื้นที่โล่งกว้างแห่งนี้ พวกเขาก็พอจะมั่นใจแล้วว่าหนิวโหย่วเต้ากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน จึงปล่อยปีกทองออกไปอีกตัวหนึ่งในระหว่างที่อยู่บนหลังม้า แจ้งทิศทางที่หนิวโหย่วเต้ากำลังมุ่งหน้าไปให้เกาซู่ซงทราบ
ปีกทองที่ปล่อยออกไปเป็นของสำนักเมฆาล่อง แต่ละสำนักไม่สะดวกจะนำปีกทองมามากเกินไปนัก คนของสามสำนักล้วนพกพาปีกทองไว้ใช้ติดต่อกัน ขอเพียงเป็นคนที่อยู่กับเกาซู่ชง จะใช้ปีกทองส่งข่าวให้ใครก็ได้ทั้งนั้น
ทั้งหกคนกำลังเร่งม้าไล่ตามไป
อีกด้านหนึ่ง คณะเดินทางหกคนของหนิวโหย่วเต้าควบม้าออกจากทะเลทราย พื้นที่กว้างใหญ่ด้านหน้าเริ่มปรากฏสีเขียวขึ้นมารางๆ มีความเขียวชอุ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคณะค่อยๆ เข้าสู่เขตทุ่งหญ้า
หลังจากนั้นก็เป็นเขาเขียวขจี
ระหว่างทางนับว่าค่อนข้างราบรื่น เพียงแค่เจอฝูงหมาในจำนวนหนึ่งเข้ามาก่อกวนเป็นครั้งคราวเท่านั้น พอเห็นเหยื่อก็จับกลุ่มไล่ล่า
ลำพังฝูงหมาใน พวกหนิวโหย่วเต้าย่อมไม่เกรงกลัว แต่หนิวโหย่วเต้าไม่อนุญาตให้ฆ่าพวกมัน มิใช่เพราะแนวคิดคุ้มครองสัตว์ที่ติดมาจากชาติก่อนแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะไม่อยากทิ้งเบาะแสร่องรอยใดๆ เอาไว้ แค่ขู่ให้พวกมันหวาดกลัวจนหนีไปก็พอ
เขตพื้นที่ทะเลทรายแห่งนี้มีหมาในอยู่เยอะแยะมากมาย ทั้งยังมีนกแร้งที่คอยแย่งชิงอาหารกับพวกหมาในด้วย บนฟ้ามีนกแร้งบินวนอยู่เป็นระยะ
เฮยหมู่ตานเก็บแผนที่ในมือ สองเท้ากระทุ้งสีข้างม้า เร่งความเร็วขึ้นไป วิ่งขึ้นไปตีคู่อยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้า ชี้ไปทางด้านหน้า “เต้าเหยี่ย ด้านหน้าคือหมู่เขาที่กว้างใหญ่ ไม่มีเส้นทางสัญจร ตอนนี้หากเปลี่ยนเส้นทางไปทางทิศตะวันออก น่าจะไปถึงทางหลวงได้ในอีกสองชั่วยามเจ้าค่ะ”
หนิวโหย่วเต้ามองนางแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว”
“…..” เฮยหมู่ตานพูดไม่ออก ไม่เข้าใจเขาจริงๆ
ม้าควบทะยานผ่านทุ่งหญ้าจนมาถึงเชิงเขา หนิวโหย่วเต้าชี้ไปยังบริเวณเนินเขาที่ราบเรียบแห่งหนึ่ง เร่งม้านำไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งคณะทยอยควบม้าขึ้นสู่เนินเขา ก่อนจะพุ่งตามหนิวโหย่วเต้าลงไปด้านล่างอีกครั้ง
หนิวโหย่วเต้ารั้งบังเหียนหยุดม้าอยู่ข้างลำธารสายน้อยที่ไหลผ่านภูเขาทางด้านหลัง กระโดดลงจากม้า ปล่อยให้ม้าที่หอบหายใจไปพักผ่อนกินน้ำ
เมื่อเห็นเขาทำเช่นนี้ คนอื่นๆ ที่เหลือก็ปฏิบัติตาม
พวกเขามองดูหนิวโหย่วเต้าที่ยืนค้ำกระบี่อยู่ริมลำธาร จากนั้นมองดูป่าเขาที่อยู่รอบข้างอีกครั้ง ไม่ทราบว่าหนิวโหย่วเต้ามาหยุดอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร
“เต้าเหยี่ย จะพักแรมที่นี่หรือเจ้าคะ? พวกเราเพิ่งเดินทางมาไม่ไกล ม้าน่าจะมีแรงพอให้ไปต่อได้อีกสักระยะ…” เฮยหมู่ตานกึ่งถามกึ่งเตือน วาจาแฝงความระมัดระวัง
ตลอดการเดินทางนี้มีความรู้สึกพิกล ไม่รู้ว่าตนคิดไปเองหรือเปล่า นางรู้สึกว่าหนิวโหย่วเต้าไม่ได้มีท่าทีสบายๆ เหมือนตอนที่พบตนเป็นครั้งแรกแล้ว คล้ายดูลุ่มลึกขึ้นไม่น้อย
ครั้งแรกที่ได้พบหนิวโหย่วเต้า แม้นจะถูกหนิวโหย่วเต้ากลั่นแกล้งจนมีสภาพน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง แต่นางก็เกิดความรู้สึกใกล้ชิดขึ้นมา ทว่าตลอดการเดินทางครั้งนี้ นางค่อยๆ รู้สึกได้ถึงระยะห่าง
หนิวโหย่วเต้าจ้องมองลำธารที่ไหลซัดสาดตรงเบื้องหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ที่นี้เปลี่ยวร้างไร้ผู้คน เงียบสงบซ่อนเร้น ทำอันใดล้วนไม่มีใครรู้เห็น เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับฆ่าคนแล้วทิ้งศพไว้ ยามนี้พวกเจ้าไม่ลงมือ จะรอไปถึงเมื่อไร?”
ทว่าความคิดตรงข้ามกับวาจา อันที่จริงเขากังวลว่าร่องรอยการเดินทางจะถูกเปิดเผย จึงคิดหาสถานที่เงียบสงบปลอดภัยสักที่ก่อน จากนั้นค่อยเปลี่ยนท่าที
หยวนฟางที่กำลังหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ อยู่ด้านข้างพลันตกใจขึ้นมา หันขวับจ้องมองไปทางพวกเฮยหมู่ตาน มือกุมด้ามกระบี่ที่เหน็บอยู่ข้างเอว ตั้งท่าระแวดระวังขึ้นมาในทันที
พวกเฮยหมู่ตานมึนงง มองหน้ากันไปมา เหลยจงคังใจเต้นระรัว
เฮยหมู่ตานเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “เต้าเหยี่ย เหตุใดถึงพูดเช่นนี้เจ้าคะ?”
หนิวโหย่วเต้าเงียบไปเล็กน้อย ระหว่างที่พาทุกคนมาที่นี่ ในใจเขาพอจะคาดเดาเรื่องราวบางเรื่องได้แล้ว
เหตุผลนั้นไม่ยาก หากว่าคนเหล่านี้ล้วนมีปัญหากันทั้งหมดจริงๆ หากว่าคนเหล่านี้ล้วนคิดไม่ซื่อกันทุกคนจริงๆ อย่างนั้นการที่เขาปรับเปลี่ยนแผนการไปๆ มาๆ เช่นนี้ มันก็น่าจะทำให้คนเหล่านี้เกิดความหวาดระแวงขึ้นมาตั้งนานแล้ว ไม่มีทางที่จะติดตามเขาไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่าด้านหน้าจะมีกับดักรออยู่หรือไม่
หากว่าทุกคนล้วนมีปัญหากันทั้งหมดจริงๆ เมื่อสังเกตได้ถึงความผิดปกติ คนทั้งกลุ่มจะต้องลองหยั่งเชิงอย่างแน่นอน หากหยั่งเชิงไม่สำเร็จก็คงเปิดเผยเจตนาที่แท้จริงไปแล้ว เนื่องจากอีกฝ่ายมีคนมากกว่า จึงไม่จำเป็นต้องกลัวเขาเลย แล้วก็ไม่มีทางยอมติดตามเขาไปยังหลุมพลางที่อาจจะปรากฏขึ้นมาอย่างว่านอนสอนง่ายแบบนี้ได้
หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุด หากคนเหล่านี้ล้วนมีปัญหากันหมด ทันทีที่ตนไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของโรงเตี๊ยมเชิญจันทร์แล้ว มันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะช่วยสำนักเซียนสถิตรั้งตัวตนเองเอาไว้!
แต่แน่นอน เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องยืนยันให้แน่ชัดเสียก่อน
พอเห็นเขาเงียบไป เฮยหมู่ตานจึงถามอีกครั้งว่า “เต้าเหยี่ย เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าเจ้าคะ?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยทั้งๆ ที่หันหลังอยู่ “เข้าใจผิดอย่างนั้นเรอะ? หวงเอินผิง ชุยหย่วน รู้จักหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า