ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 14

สรุปบท ตอนที่ 14 เคล็ดวิชามหาจักรวาล: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 14 เคล็ดวิชามหาจักรวาล – ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet

บท ตอนที่ 14 เคล็ดวิชามหาจักรวาล ของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 14 เคล็ดวิชามหาจักรวาล

เขาดูค่อนข้างตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด พลิกคันฉ่องในมือดูอย่างรวดเร็ว

รูปสลักร้อยบุปผาที่นูนเว้าอยู่ด้านหลังคันฉ่องมีชีวิตชีวาสมจริง ยืนยันได้ว่าเป็นคันฉ่องที่ตงกัวเฮ่าหรานมอบให้เขาบานนั้นไม่ผิดแน่ เมื่อครู่หยิบมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดเลยว่าปมปริศนาที่ไม่เคยไขออกจะคลี่คลายภายใต้แสงจันทร์ ที่ผ่านมาเพื่อไขปริศนาคันฉ่องแล้ว อย่าว่าแต่แสงจันทร์เลย กระทั่งใต้แสงอาทิตย์ก็ลองดูแล้ว แช่น้ำเผาไฟยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทว่าไม่พบเงื่อนงำใดๆ เลย ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะค้นพบร่องรอยบางอย่างในสถานการณ์ที่เหนือความคาดหมายแบบนี้!

เขายื่นมือวักน้ำเย็นภายในโอ่งน้ำอีกครั้ง ปากยังคงขยับร่ายเอ่ยความ “จันทร์สื่อหยิน ปฐพีโอบอุ้มสรรพสิ่ง วารีก่อหยินกระจ่าง เก้าวังแปดทิศ ทำไมถึงคิดไม่ออกกันนะ…” หลังจากพึมพำอยู่สักพัก หนิวโหย่วเต้าก็ตกอยู่ในสภาวะใจลอยอีกครั้ง นึกถึงเหตุการณ์ในสุสานโบราณก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้น เป็นเพราะเขาไขปริศนาผังเก้าวังแปดทิศในภูเขาได้ เขาถึงได้หาทางเข้าสุสานโบราณพบ แล้วก็เป็นเพราะเขาแตะต้องคันฉ่องโบราณในสุสานบานนั้นถึงได้เกิดเรื่องขึ้น

หรือว่าคันฉ่องบานนี้จะเกี่ยวข้องกับคันฉ่องโบราณในสุสานโบราณจริงๆ? หากเป็นเช่นนี้จริงล่ะก็ เกรงว่าจุดประสงค์ของผู้ที่วางค่ายกลเก้าวังแปดทิศไว้ในสุสานโบราณคงจะต้องการชี้มาที่คันฉ่องบานนี้เป็นแน่ เพราะคนที่สามารถทำลายค่ายกลได้ก็ย่อมสามารถไขปริศนาบนคันฉ่องโบราณได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะตบหน้าผากตัวเองแรงๆ พลางส่ายหน้าไปมา เนื่องเพราะคันฉ่องในมือเป็นสิ่งที่ตงกัวเฮ่าหรานมอบให้ ทำให้เขามองข้ามอะไรบางอย่างไป หากไม่เกิดเรื่องขึ้นในสุสานโบราณ คันฉ่องโบราณก็จะถูกนำกลับไปศึกษาค้นคว้าด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ทันทีที่พบเงื่อนงำ เกรงว่าเขาคงจะนึกเชื่อมโยงหาวิธีไขปริศนาคันฉ่องสัมฤทธิ์โบราณได้จากการทำลายค่ายกลในสุสานโบราณไปนานแล้ว

อันว่าเรื่องราวไม่ควรคิดให้ลึกเกินไป ยิ่งคิดยิ่งสับสนงมงาย

พอคลายข้อสงสัยในใจได้ก็กลับมาอยู่กับความเป็นจริง คันฉ่องหันไปทางแสงจันทร์อีกครั้ง จุดแสงเลือนรางเก้าตำแหน่งปรากฏขึ้นบนผิวน้ำที่ไหวกระเพื่อมเล็กน้อยอีกครั้ง

หนิวโหย่วเต้ามือหนึ่งถือคันฉ่อง มือหนึ่งเริ่มนับนิ้วคำนวณ เดินวนรอบโอ่งน้ำอย่างเชื่องช้า ทำการคำนวณหาตำแหน่งของผังภาพหลังบานคันฉ่อง

หลังจากมั่นใจแล้ว เขาก็มองดูองศาที่คันฉ่องหันรับแสงจันทร์ จากนั้นพลิกคันฉ่องในมือ หันด้านหลังคันฉ่องรับแสงจันทร์ นิ้วมือแตะลงบนดอกไม้ที่ปูดนูนแต่ละดอกในผังภาพร้อยบุปผา ปากพึมพำว่า “นภา วารี บรรพต อัศนี ใจกลาง วาตะ อัคคี ปฐพี ชลา!”

หลังจากยืนยันตำแหน่งบุปผาทั้งเก้าดอก เขาก็นั่งยองๆ อยู่ข้างโอ่งน้ำ คันฉ่องคว่ำอยู่บนพื้น ฝ่ามือทั้งสองข้างแยกออก นิ้วโป้งทั้งสองยื่นแตะชิด ก่อนจะประกบรวมเป็นหนึ่ง แตะลงบนบุปผาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดดอกหนึ่ง สี่นิ้วซ้ายขวาต่างกดลงบนบุปผาแต่ละดอก สี่นิ้วซ้ายขวารวมกันเป็นแปด ประกอบกับนิ้วโป้งที่ประกบรวมกันเป็นเก้า นิ้วโป้งทั้งสองที่อยู่ตรงกลางยกแยกออกแทนจุดตาปลาทั้งสองในผังหยินหยางแปดทิศ สิบนิ้วประสานรวมกันเช่นนี้คือสัญลักษณ์มือสื่อถึงผังเก้าวังแปดทิศ เขาทำสัญลักษณ์นี้พลางกดลงบนบุปผาทั้งเก้าดอกในคราวเดียวกัน ออกแรงเต็มที่ กดลงไปพร้อมกัน

มีเสียงดัง ‘กริ๊ก’ แผ่วเบาดังออกมาจากด้านในคันฉ่อง หนิวโหย่วเต้าเลิกคิ้ว เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ ต้องออกแรงกดบุปผาเก้าดอกพร้อมกันถึงจะคลายผนึกของคันฉ่องได้ ผิดพลาดไปแม้แต่นิดเดียวก็ไม่อาจเปิดได้

เขาคลายมือออก บุปผาที่ก่อนหน้านี้ไม่ปรากฏลวดลายเด่นชัดทั้งเก้าดอกยกตัวขึ้นมา เผยให้เห็นร่องที่อยู่ด้านล่างบุปผา

หนิวโหย่วเต้าถือคันฉ่องไว้ในมือ หันรับแสงจันทร์ส่องน้ำอีกครั้ง จุดแสงเก้าตำแหน่งหายไปแล้ว เมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง เขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเอ่ยงึมงำ “ใช่แล้ว! หยินเลือนหยางส่อง ดูเหมือนต้องรอเจอพระอาทิตย์วันพรุ่งนี้ต่อ!” เขาเหลียวมองรอบๆ เร่งฝีเท้าเดินเข้าห้องไป ทั้งคืนไม่มีกะจิตกะใจจะฝึกฝนอะไร คอยเฝ้ารอให้พรุ่งนี้มาเยือน…

……..

วันต่อมาเมื่อโผล่หน้าออกไป ด้านนอกผลัดคนเฝ้าเป็นสวี่อี่เทียนแล้ว คนผู้นี้ดูแคลนที่จะพูดคุยกับหนิวโหย่วเต้าเสมอมา หนิวโหย่วเต้าทักทายเพียงคำหนึ่ง คร้านจะคุยไร้สาระกับเขาให้พาลเสียอารมณ์ รู้ดีว่าถามไปก็เปล่าประโยชน์ นำสำรับมื้อเช้าที่สวี่อี่เทียนมาส่งให้กลับเข้าเรือน

หนิวโหย่วเต้าหยีตามองแสงอาทิตย์ กลับเข้าไปในโถงดอกท้อหยิบคันฉ่องที่ซ่อนไว้อย่างดี ก่อนจะเดินออกมาอีกครั้งเสาะหาห้องที่หน้าต่างหันรับตะวันแล้วเปิดหน้าต่างออก หันด้านหลังคันฉ่องหาดวงตะวัน ทันใดนั้นรัศมีทองเลือนลางพลันปรากฏขึ้นบนบานคันฉ่องที่เป็นมันวาว แสงสีทองเรียงร้อยปรากฏเป็นตัวอักษรในบานคันฉ่อง ด้านข้างมีอักษรสีทองแถวหนึ่งนำร่องขึ้นมา: เคล็ดวิชามหาจักรวาล!

เพียงแค่ตัวอักษรแถวนี้ก็ทำให้หนิวโหย่วเต้าตื่นตะลึงได้แล้ว เขาเพ่งอ่านตัวอักษรเล็กๆ อย่างละเอียด ไม่นานก็แน่ใจแล้วว่าเป็นเคล็ดวิชาชุดหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!

อย่างไรก็ตามถ้ามีแค่หน้านี้เพียงหน้าเดียวก็ไม่มีตัวอักษรมากนัก เขาพลักคันฉ่องมองพินิจลายบุปผาด้านหลังอีกครั้ง เมื่อสามารถไขปริศนาของคันฉ่องนี้ได้ บุปผาที่เหลืออยู่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาอีก เขาคำนวณดูเล็กน้อย บิดหมุนบุปผาดอกหนึ่งเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงดังกริ๊กจึงหยุด ชูด้านหลังคันฉ่องรับแสงตะวันอีกครั้ง ตัวอักษรบนคันฉ่องเปลี่ยนไปแล้ว หลังจากอ่านดูแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ เป็นไปตามคาด เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ

ตลอดทั้งวันเรียกได้ว่าเขากอดคันฉ่องไว้แล้วส่องดูมันอย่างลุ่มหลงงมงาย เพื่อไล่ตามแสงอาทิตย์แล้ว เขาสลับสับเปลี่ยนย้ายห้องไปเรื่อยๆ ในตอนเที่ยงถึงกับปีนขึ้นไปบนคานแล้วเปิดกระเบื้องหลังคาแผ่นหนึ่งออกเพื่อรับแสง

เมื่อแสงตะวันเลือนหายไปจากขอบฟ้าอย่างสมบูรณ์ หนิวโหย่วเต้าที่ขลุกอยู่ในห้องปีกตะวันตกถึงจะปิดหน้าต่างลง กดลายบุปผาด้านหลังคันฉ่องที่ยกนูนขึ้นมาให้กลับคืนสู่สภาพเดิม เขาดีดนิ้วเคาะคันฉ่องทีหนึ่ง ได้ยินเสียงตันๆ ดุจเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง ใครจะจินตนาการได้ว่าด้านในคันฉ่องจะซุกซอนกลไกเช่นนี้เอาไว้

ช่วงกลางวันที่ผ่านมา เขาใช้วิธีกลืนพุทราทั้งลูกโดยไม่เคี้ยว[1]อ่านเนื้อหาทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในคันฉ่องอย่างคร่าวๆ ภายในคันฉ่องเรียกได้ว่ามีทั้งเนื้อหาและภาพประกอบครบถ้วน แน่ชัดแล้วว่าเป็นเคล็ดวิชาที่สมบูรณ์แบบชุดหนึ่ง มิใช่สิ่งที่ ‘เอกะวิถี’ ที่ไม่สมบูรณ์ชุดนั้นจะเทียบเคียงได้เลย

ความจริงการนำเนื้อหามากมายปานนั้นไปซุกซ่อนอยู่ในคันฉ่องบานหนึ่งนั้นไม่ถือว่ามากเกินไป เมื่อค่ายกลเก้าวังแปดทิศในคันฉ่องโยกย้ายสลับตำแหน่ง ภาพภายในคันฉ่องก็จะสามารถสลับสับเปลี่ยนพลิกแพลงไปได้ไม่รู้จบ สามารถซ่อนเนื้อหาเหล่านี้ไว้ได้ทั้งหมด

สิ่งที่ทำให้เขาต้องลูบคันฉ่องทอดพลางทอดถอนใจชื่นชมอย่างแท้จริงก็คือโครงสร้างภายในอันแสนซับซ้อนและประณีตแม่นยำของคันฉ่องบานนี้ กระทั่งเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ในชาติก่อนก็ยากจะรังสรรค์ขึ้นมาได้ เกรงว่ากระทั่งจะลอกเลียนแบบออกมาก็ยังทำได้ยาก วิทยาการด้านงานเหล็กของโลกนี้ช่างยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการของเขานัก!

และเนื่องด้วยเหตุนี้ เขาถึงเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าวิชายุทธ์ทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ด้านในจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่แปลกเลยที่ตงกัวเฮ่าหรานจะบอกว่าเขาแลกชีวิตเพื่อคันฉ่องบานนี้

ปมปริศนาของคันฉ่องคลี่คลายแล้ว เนื้อหาด้านในทำให้หนิวโหย่วเต้าเกิดความคาดหวังอันแรงกล้า

วันเวลาต่อจากนั้น เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการศึกษา ‘เคล็ดวิชามหาจักรวาล’ หลังเกิดความมั่นใจแล้ว เขาจึงเริ่มฝึกปรืออย่างเป็นทางการ

จากการสัมผัสและมองดูปราณแท้ที่อยู่ภายใน เมื่อทำการเปรียบเทียบปราณแท้มหาจักรวาลที่เขาฝึกฝนออกมากับยันต์ถ่ายทอดธรรมคุ้มกายที่เข้ายึดกุมจุดลมปราณต่างๆ แล้ว รูปทรงของพวกมันเรียกได้ว่าแตกต่างกันเหมือนมดปลวกและต้นไม้ใหญ่ หากคิดจะหลอมละลายยันต์ถ่ายทอดธรรมคุ้มกายสักตำแหน่งหนึ่ง เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้สำเร็จได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

แต่ก็ด้วยเหตุนี้ที่ทำให้เขาทราบว่าสภาวะที่แฝงอยู่ภายในยันต์ถ่ายทอดธรรมคุ้มกายทั้งสามสิบสามสายนั้นสูงส่งลึกล้ำเพียงใด

หนิวโหย่วเต้าไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีเรื่องเหนือความคาดหมายที่น่ายินดีเช่นนี้อยู่ ไม่ได้สังเกตเลยว่ารูขุมขนของตัวเองค่อยๆ มีหมอกโลหิตที่เบาบางลอยออกมาอย่างช้าๆ สาเหตุก็มาจากการหลอมละลายโลหิตของตงกัวเฮ่าหรานที่หลงเหลืออยู่ในร่างเขา ทำให้ภายในห้องมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งขึ้นมาจางๆ อีกครั้ง

…….

“ผู้อาวุโส! ได้ยินว่าศิษย์พี่หญิงจะแต่งให้กับหนิวโหย่วเต้าหรือขอรับ?”

ขณะที่ถังซู่ซู่กำลังจุดธูปบูชารูปปั้นบรรพจารย์อยู่ตรงหน้ากระถางธูป ซ่งเหยี่ยนชิงก็พุ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยท่าทางที่ดูคล้ายคนคลุ้มคลั่ง เขาพุ่งไปหยุดด้านหลังนางพลางตะโกนถามเสียงดัง

ถังซู่ซู่ที่ปักธูปเสร็จเรียบร้อยหันขวับกลับไปทันที แววตาเจือเจตนาสังหาร จ้องมองซ่งเหยี่ยนชิงที่ร้อนใจจนแทบจะทนไม่ไหวอย่างเยียบเย็น เอ่ยเสียงกร้าวว่า “ยังมีระเบียบอยู่หรือไม่ เจ้าคิดจะทำอันใด คิดว่ากฎสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ของข้าจัดการเจ้าไม่ได้เรอะ?”

ซ่งเหยี่ยนชิงสะดุ้งโหยง เสมือนถูกน้ำเย็นอ่างหนึ่งสาดใส่ สีหน้าเดือดดาลร้อนรนเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว รีบสงบสติอารมณ์ลง จริงอยู่ที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์กริ่งเกรงอิทธิพลของตระกูลซ่ง แต่ถ้าทำให้คนผู้นี้โมโหขึ้นมาจริงๆ แล้วล่ะก็ นางก็สามารถปลิดชีพตนได้เสมือนบี้มดปลวกตัวหนึ่งเช่นกัน

หลังจากทำความเคารพตามกฎระเบียบ ซ่งเหยี่ยนชิงก็เอ่ยถามด้วยสีหน้ากระวนกระวาย “เป็นความจริงหรือขอรับผู้อาวุโส?”

ถังซู่ซู่ค่อยๆ หมุนตัวกลับมาเอ่ยอย่างเยือกเย็น “จริงแล้วจะทำไม?”

ซ่งเหยี่ยนชิงเผยสีหน้าขุ่นข้องเดือดดาลในทันใด “ผู้อาวุโส ท่านเคยรับปากไว้ บอกว่าจะยกศิษย์พี่หญิงถังให้ข้า เหตุใดจึงกลับคำพูดล่ะขอรับ”

………………………………………………………

[1] เปรียบเปรยถึงคนที่เข้าใจเรื่องราวอย่างไม่ถ่องแท้ ไม่รู้ลึกเห็นจริง ทราบเพียงภาพรวมเท่านั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า