ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 15

ตอนที่ 15 มีคนวางยาพิษ

“กลับคำพูดงั้นหรือ?” ถังซู่ซู่กล่าวตำหนิ “เจ้าคุยกับผู้อาวุโสของสำนักเช่นนี้หรือ?”

ซ่งเหยี่ยนชิงคล้ายระงับความโกรธเอาไว้ไม่ได้ ส่ายหน้ากล่าวว่า “ศิษย์ไม่เข้าใจ!” ว่าจบก็คุกเข่าลงดังตุบ โขกศีรษะอ้อนวอน “ศิษย์ชอบพอศิษย์พี่หญิงถังจริงๆ หากผันใจแม้เพียงนิด ขอให้ฟ้าผ่าตาย ขอผู้อาวุโสโปรดส่งเสริมศิษย์ด้วย!”

ถังซู่ซู่ปล่อยให้เขาโขกศีรษะอยู่หลายครั้ง ก่อนจะก้มมองพลางกล่าวว่า “ส่งเสริมเจ้าก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่เจ้ายินดีขึ้นเป็นเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์หรือไม่? ขอเพียงเจ้าตอบตกลงรับตำแหน่งเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณถึงหนิวโหย่วเต้าอีก ข้าจะให้ถังอี๋ออกเรือนกับเจ้าทันที ว่าอย่างไรเล่า?”

“นี่…” ซ่งเหยี่ยนชิงเงยหน้าขึ้นมา มุมปากกระตุกนิดๆ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยมีความคิดเช่นนี้ แต่ท่านพ่อที่อยู่ทางเมืองหลวงเคยกำชับเขาไว้ สำนักสวรรค์พิสุทธิ์มีสายสัมพันธ์อันคลุมเครือกับหนิงอ๋องซางเจี้ยนปั๋ว และนั่นจะทำให้องค์ฝ่าบาททรงหวาดระแวงได้ง่าย ตระกูลซ่งมีฐานะสูงส่ง ไม่อาจรับตำแหน่งนี้ไว้ได้

เรื่องไหนหนักเรื่องไหนเบาเขาไม่ถึงขั้นที่จะแยกแยะไม่ออก อีกอย่าง ด้วยภูมิหลังครอบครัวของเขา เขาไม่มีความจำเป็นต้องรับตำแหน่งนี้เอาไว้ เหตุใดเขาต้องเปลืองแรงหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวด้วย

“ความสามารถศิษย์มีจำกัด แบกรับตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ไม่ไหวขอรับ” ซ่งเหยี่ยนชิงก้มหน้าตอบเสียงอ่อย

ถังซู่ซู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ลองไปกล่าวโน้มน้าวบิดาเจ้าดูสิ ขอเพียงบิดาเจ้ายอมรับตำแหน่งเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ข้าก็จะยกถังอี๋ให้เจ้าเช่นกัน”

“เรื่องของท่านพ่อ บุตรอย่างข้าไหนเลยจะตัดสินใจได้ขอรับ” ซ่งเหยี่ยนชิงตอบด้วยความห่อเหี่ยว เขารับตำแหน่งเจ้าสำนักไว้ไม่ได้ ท่านพ่อของเขายิ่งไม่อาจแตะต้องตำแหน่งนี้ได้ เหตุผลข้อนี้เขาไหนเลยจะไม่กระจ่าง

แววตาถังซู่ซู่สาดประกายออกมา “เอาเถอะ เรื่องแบบนี้ไม่ควรบังคับฝืนใจพวกเจ้าพ่อลูก ข้าขอถามเจ้าอีกอย่างแล้วกัน เจ้าอยากให้ถังอี๋ได้เป็นเจ้าสำนักหรือไม่?”

ซ่งเหยี่ยนชิงเงยหน้าขึ้นทันที เอ่ยด้วยสายตาละห้อย “แน่นอนขอรับ ศิษย์ย่อมอยากให้ศิษย์พี่หญิงได้เป็นเจ้าสำนัก หากศิษย์พี่หญิงเป็นเจ้าสำนัก ศิษย์จะมีความสุขอย่างยิ่งขอรับ”

ถังซู่ซู่ลอบด่าในใจว่าไอ้โง่ พวกเจ้าสองพ่อลูกไม่ยอมแตะตำแหน่งนี้ แล้วตระกูลซ่งจะยอมให้เจ้าแต่งกับเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อย่างนั้นหรือ? ตั้งแต่ตัดสินใจว่าจะให้ถังอี๋รับตำแหน่งเจ้าสำนัก เจ้าก็ถูกกำหนดให้ไร้วาสนากับถังอี๋แล้ว!

แต่นางยังคงถามต่อไปด้วยความอดทน “ก่อนสิ้นใจเจ้าสำนักถังมู่กำหนดให้ตงกัวเฮ่าหรานเป็นผู้สืบทอด ยามนี้ตงกัวเฮ่าหรานก็สิ้นบุญเช่นกัน ตามกฎของสำนัก ผู้ใดสมควรจะได้รับตำแหน่งเจ้าสำนักเล่า?”

“นี่…” ซ่งเหยี่ยนชิงลังเลอยู่สักพัก จากนั้นเอ่ยชื่อหนึ่งออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก “หนิวโหย่วเต้าขอรับ!” จากนั้นก็ชี้แจงเสริมว่า “แต่หนิวโหย่วเต้าเป็นฝ่ายถอนตัวจากตำแหน่งเจ้าสำนักด้วยตัวเองแล้วนะขอรับ!”

ถังซู่ซู่กล่าวยาวเหยียด “เขาถอนตัวอย่างไร คิดว่าข้าคงไม่ต้องพูดมากอีก ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจ ที่ทุกคนไม่พูดอะไรเป็นเพราะทราบดีว่าเขาไม่เหมาะจะแบกรับตำแหน่งเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ยังมีผู้ใดที่มีบารมีมากพอจะมาดูแลสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อีกเล่า? ทุกคนเห็นดีเห็นชอบกับภูมิหลังของพวกเจ้าพ่อลูก หวังว่าพวกเจ้าพ่อลูกจะออกหน้านำพาสำนักสวรรค์พิสุทธิ์หวนคืนสู่ความรุ่งเรืองได้ แต่เนื่องด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเจ้าพ่อลูกต่างไม่ยินดีรับหน้าที่นี้ จริงอยู่ที่พวกเราสามผู้อาวุโสมีบารมีมากพอจะรับตำแหน่งนี้ แต่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์มีกฎถ่วงสมดุลผู้อาวุโสอย่างพวกเราไว้ เมื่อออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสแล้วไม่อาจรับตำแหน่งเจ้าสำนักได้อีก เดิมทีเว่ยตัวคือผู้ที่เหมาะสมที่สุด แต่จนปัญญาที่ติดอ่าง หากขึ้นเป็นเจ้าสำนักคงทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะว่าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ของข้าหาคนไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือเว่ยตัวดื้อรั้น ยึดติดกับคำสั่งเสียก่อนสิ้นใจของเจ้าสำนักถังมู่ โวยวายว่าถ้าแหกกฎจะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ เอาแต่พูดพล่ามอยู่อย่างนั้น ทำได้เพียงลงโทษให้เขาไปหันหน้าเข้ากำแพงคิดทบทวนที่หลังหุบเขา! ส่วนคนอื่นๆ น่ะหรือ? หลังจากที่หนิวโหย่วเต้าสละสิทธิ์ไปเช่นนั้น ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ยินดีออกหน้าแบกรับตำแหน่งที่เป็นเหมือนเผือกร้อนนี้เอาไว้ แต่ละคนล้วนฉลาดพอที่จะเอาตัวรอด!”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ นางอดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ หากว่ากันตามแก่นแท้ของปัญหาแล้ว นี่เป็นเพราะสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ในเวลานี้ตกอับแล้ว อีกทั้งยังอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม อนาคตรายล้อมด้วยภยันอันตราย การเป็นผู้นำนั้นไม่ง่าย หากยังอยู่ในยุครุ่งโรจน์ เกรงว่าคงมีคนออกหน้าเสนอตัวแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักมากมายก่ายกอง

ซ่งเหยี่ยนชิงเอ่ยว่า “ดังนั้นศิษย์จึงคิดว่าศิษย์พี่ถังเหมาะสมที่สุดขอรับ!”

ถังซู่ซู่ตอบอืมคราหนึ่ง “ถังอี๋เป็นบุตรสาวเจ้าสำนัก ในยามคับขันเช่นนี้ หากนางไม่ก้าวออกมาแบกรับไว้แล้วผู้ใดจะออกมากันเล่า?แต่ตำแหน่งนี้ได้มาอย่างไร ศิษย์สายในทั้งบนล่างต่างรู้ดีแก่ใจ แล้วนางจะทำให้ทุกคนยอมรับได้อย่างไร? แล้วจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าถังอี๋มิได้ทำไปเพราะประโยชน์ส่วนตน? ถ้านางจะแบกรับภาระนี้ย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย เจ้าคิดว่านางยินดีแต่งกับหนิวโหย่วเต้าหรือ? หากนางอยากนั่งในตำแหน่งนี้ก็จำเป็นต้องมอบของชดเชยให้แก่หนิวโหย่วเต้า ซึ่งการที่นางยอมเสียสละตัวเองก็เพื่อมอบคำอธิบายให้แก่ทั้งในและนอกสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อย่างไรล่ะ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

ว่าจบก็ล้วงจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ โยนลงตรงหน้าซ่งเหยี่ยนชิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “นี่คือจดหมายที่บิดาเจ้าเพิ่งส่งมาจากทางเมืองหลวง เจ้าอ่านเอาเองเถอะ”

แม้ว่าซ่งซูจะเป็นศิษย์ของนาง แต่เรื่องราวบางเรื่องในสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ยังคงต้องติดต่อขอความเห็นจากซ่งซูอยู่ เพราะมันเกี่ยวพันถึงแรงสนับสนุนที่ตระกูลซ่งมีต่อสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ จึงจำเป็นต้องทำเช่นนี้ ส่วนคำตอบของซ่งซูคือเห็นด้วยกับการให้ถังอี๋รับตำแหน่งเจ้าสำนัก

ซ่งเหยี่ยนชิงหยิบจดหมายมาเปิดอ่าน สีหน้าพลันขมขื่นระทม ท่านพ่อซ่งซูกำชับเขาอย่างเด็ดขาดว่าอย่าคิดฟุ้งซ่าน ให้เขาเชื่อฟังการอบรมสั่งสอนของถังซู่ซู่ มิเช่นนั้นจะลงโทษอย่างหนัก

เมื่ออ่านจดหมายฉบับนี้ ซ่งเหยี่ยนชิงนั่งแข็งทื่ออยู่บนพื้น หม่นหมองโศกสลด หัวใจหลั่งโลหิต…

……

เมื่อไล่ซ่งเหยี่ยนชิงไปแล้ว ถังซู่ซู่ก็เดินไปที่สวนด้านหลัง มองเห็นหลัวหยวนกงและซูพั่วนั่งเดินหมากกันอยู่ในศาลา

เมื่อเห็นนางมา ทั้งสองหยุดมือพร้อมกัน หลัวหยวนกงมองนางพลางถาม “ปลอบใจเรียบร้อยแล้วหรือ?”

ถังซู่ซู่มองกวาดตามองผลแพ้ชนะบนกระดานหมาก กล่าวว่า “เพิ่งไล่ซ่งเหยี่ยนชิงไป ขอเพียงทางซ่งซูไม่ว่าอะไรก็เท่ากับเป็นการบอกถึงท่าทีของตระกูลซ่งแล้ว ทุกอย่างล้วนจัดการได้ ปัญหาในตอนนี้คือซ่งเหยี่ยนชิงสะเทือนใจอย่างมาก หากต้องเสียถังอี๋ให้แก่หนิวโหย่วเต้าเขาคงทนไม่ไหว เจ้าหนุ่มผู้ดีคนนี้คงไม่กล้าลงมือในที่แจ้ง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะแอบทำอะไรกับหนิวโหย่วเต้าในที่ลับหรือไม่ เอาเป็นว่าเรื่องนี้กำลังจะได้ข้อสรุปแล้ว จะปล่อยให้เกิดเรื่องกับหนิวโหย่วเต้าตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นจริงๆ ไม่ว่าพวกเราคนไหนก็ไม่มีทางมอบคำอธิบายให้แก่ศิษย์ทั้งบนและล่างได้ เมื่อถึงเวลาที่ถังอี๋รับตำแหน่ง ต่อให้มีร้อยปากก็แก้ตัวได้ไม่กระจ่างแล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของนาง จากนั้นก็จะมีปัญหาตามมาไม่สิ้นสุด ศิษย์พี่ซู เรื่องนี้ยังคงต้องรบกวนท่านจัดหาคนที่ไว้ใจได้ไปดูแล ไม่อาจปล่อยให้ซ่งเหยี่ยนชิงรับผิดชอบทางสวนดอกท้อต่อไปได้!”

“อืม!” หลัวหยวนกงก็พยักหน้าไปทางซูพั่วเพื่อสื่อว่าเห็นด้วย

ซูพั่วไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ค่อยๆ ลุกขึ้นเดินจากไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า