ตอนที่ 16 สามีเจ้าสำนัก
พวกเขาไม่ได้เดินไปตามเส้นทางหลัก ถูฮั่นลากตัวศิษย์ผู้นั้นเดินไปตามทางเดินเล็กๆ มาโผล่ยังสถานที่พักอันเงียบสงบของผู้อาวุโสพิทักษ์กฎ
ซูพั่วที่มีตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสพิทักษ์กฎก็ไม่ได้สร้างความลำบากให้ศิษย์คนนั้น หลังจากสอบถามรายละเอียดจนแน่ชัดแล้ว เขาก็เอ่ยกำชับศิษย์คนนั้นว่า “ห้ามเอ่ยเรื่องนี้กับผู้ใดอีก เข้าใจไหม?”
ศิษย์คนนั้นไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่รู้ว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับกล่องสำรับที่ตนเอาไปส่งอย่างแน่นอน จึงคาดเดาได้รางๆ ว่าซ่งเหยี่ยนชิงอาจเล่นลูกไม้อันใดเสียแล้ว ทว่าเขาเองก็ล่วงเกินซ่งเหยี่ยนชิงไม่ได้เช่นกัน ไหนเลยจะกล้าเอาไปพูดส่งเดชได้ จึงพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย “ศิษย์ทราบแล้วขอรับ”
ซูพั่วโบกมือบอกให้เขาไปได้
เมื่อเดินไปส่งถึงประตูจนแน่ใจว่าศิษย์คนนั้นจากไปแล้ว ถูฮั่นก็เดินยันไม้เท้ากลับมา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ผู้อาวุโส สำนักสวรรค์พิสุทธิ์เป็นสำนักฝ่ายธรรมะเลื่องชื่อ แต่กลับมีศิษย์ใช้ลูกไม้ชั่วช้าต่ำทรามเช่นนี้ หรือเราจะปล่อยไปเช่นนี้โดยไม่สืบสาวเอาความขอรับ?”
ซูพั่วเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ย้อนถามว่า “สืบสาวรึ? เจ้าคิดจะสืบสาวอย่างไรเล่า?”
ถูฮั่นเอ่ยด้วยความคับข้องใจ “ซ่งเหยี่ยนชิงมีที่พึ่งพิงจึงมิกริ่งเกรง อาศัยว่ามีตระกูลซ่งหนุนหลัง ทราบว่าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไม่กล้าลงโทษเขา ถึงได้กล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้ ถ้าไงเราขยายเรื่องนี้ให้วุ่นวายใหญ่โต เมื่อถึงตอนนั้นก็อ้างกฎสำนัก เกรงว่าอาวุโสอีกสองท่านจะไม่ลงโทษก็คงไม่ได้แล้ว!”
ซูพั่วค่อยๆ หลับตาลง กล่าวว่า “ในใจเจ้าทราบดีกว่าผู้ใด สำนักสวรรค์พิสุทธิ์เรามีความเกี่ยวพันกับหนิงอ๋อง อีกทั้งราชสำนักมีความคิดจะกวาดล้าง ‘ผู้สนับสนุน’ ที่เหลืออยู่ของหนิงอ๋อง สำนักใหญ่บางส่วนต่างจับจ้องตาเป็นมัน หากมิใช่เพราะสำนักต่างๆ ยำเกรงตระกูลซ่ง เกรงว่าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์คงล่มสลายไปแล้ว หากไปล่วงเกินตระกูลซ่ง ขอเพียงตระกูลซ่งเผยท่าทีว่าจะไม่เอาสำนักสวรรค์พิสุทธิ์แล้วแม้เพียงนิด พวกเขาก็บีบให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์จนตรอกได้แล้ว! ซ่งเหยี่ยนชิงสำคัญ หรือความอยู่รอดของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เราที่สำคัญกว่าเล่า?”
ถูฮั่นก้มหน้าด้วยความปวดใจ “ผู้อาวุโส สำหรับตระกูลซ่งแล้ว สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไม่มีประโยชน์อันใดเลย สาเหตุที่ทำให้พวกเขาฝืนค้ำจุนสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ก็เพียงเพราะซ่งซูเป็นศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ชื่อเสียงการเป็นศิษย์ล้างครูล่มสำนักมิใช่สิ่งที่จะแบกรับได้ง่ายๆ โดยเฉพาะผู้มีฐานะอย่างตระกูลซ่ง นี่เป็นเพียงการแสดงให้โลกภายนอกเห็นเท่านั้น ตอนนี้ตระกูลซ่งแค่รอคอยโอกาสอยู่ รอคอยโอกาสที่จะได้เขี่ยสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ทิ้งอย่างชอบธรรม มิใช่เพราะตระกูลซ่งอยากปกป้องสำนักสวรรค์พิสุทธิ์มากมายขนาดนั้น ช้าเร็ววันนั้นก็ต้องมาถึง! ศิษย์ยังคงอยากแนะนำให้ละทิ้งที่นี่เสีย ล่าถอยไปก่อน รอโอกาสวันข้างหน้า มิเช่นนั้นก็ต้องนั่งรอความตายอยู่ที่นี่!”
“เรื่องนี้ต่างไปจากวิถีรบทัพจับศึกของพวกเจ้า ที่บอกว่าจะทิ้งก็ละทิ้งได้เลย เรื่องนี้เจ้าพูดต่อหน้าข้าน่ะได้ แต่อย่าเอาไปพูดต่อหน้าผู้อื่น ผู้อื่นจะได้ไม่คลางแคลงสงสัยในฐานะของเจ้า!” ซูพั่วถอนหายใจ หันไปมองเขา กล่าวว่า “หากวันนั้นที่เจ้าว่ามาถึงจริง จำไว้ เจ้าจงจากไปทันที ไม่ต้องสนใจที่นี่ ไปหาอาจารย์ของเจ้าที่ยอดเขาภูตมารซะ!”
ถูฮั่นลังเลอยากกล่าวอันใด แต่ซูพั่วยกมือปรามไว้ “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว กลับไปเถอะ ต้องปกป้องหนิวโหย่วเต้าไว้ให้ดี ตงกัวเฮ่าหรานเชี่ยวชาญศาสตร์ทำนายลักษณ์ ในเมื่อเลือกรับหนิวโหย่วเต้าเป็นศิษย์ ก็จะต้องมีเหตุผลอยู่เป็นแน่ ไม่มีทางที่เขาจะคว้ามาส่งๆ เด็ดขาด อย่าให้เกิดเรื่องกับเขาล่ะ!”
“ขอรับ!” ถูฮั่นตอบรับเบาๆ หันหลังเดินจากไป
จะเป็นโชคหรือเป็นเคราะห์ เมื่อลิขิตมาแล้วก็ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ วันมงคลมาถึงแล้ว ชาติก่อนหนิวโหย่วเต้าไม่เคยแต่งงาน ชาตินี้ได้รับการชดเชยล่วงหน้า ได้แต่งตั้งแต่เยาว์วัยยิ่ง
ใต้ต้นท้อแขวนโคมแดงลูกใหญ่ แสงโคมส่องกระทบดอกท้อ แกว่งไกวไปตามแรงลมบนหน้าผา ให้ความรู้สึกงดงามอยู่หลายส่วน
แม้นสวนดอกท้อจะแขวนโคมประดับพู่ดูรื่นเริงมงคล แต่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์มิได้จัดงานแต่งใหญ่โตเอิกเกริก ไม่มีแม้กระทั่งงานเลี้ยงมงคลสมรสตามธรรมเนียม ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการส่งเทียบเชิญงานวิวาห์ให้สำนักบำเพ็ญเพียรอื่นๆ
ศิษย์สายในกลุ่มหนึ่งมาร่วมงาน ซ่งเหยี่ยนชิงที่ปะปนอยู่ในกลุ่มนั้นจ้องมองถังอี๋ที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีแดงสวมผ้าคลุมหน้าแดงเข้าพิธีกับหนิวโหย่วเต้า ภายในดวงตาทั้งสองข้างแทบจะมีไฟลุกออกมา
ด้านซ้ายขวาของเขาล้วนมีคนคอยยืนประกบด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพื่อป้องกันไม่ให้เขาก่อเรื่อง ทันทีที่มีเหตุผิดปกติจะได้ทำการคุมตัวเขาไว้ทันที
“ส่งตัวเข้าหอ!” ผู้ดำเนินพิธีป่าวร้อง คู่บ่าวสาวถูกส่งตัวไปแล้ว
หลังจากบรรดาแขกเหรื่อดื่มสุรามงคลอย่างเรียบง่ายเล็กน้อยก็แยกย้ายกันไป บ้างถอนหายใจ บ้างส่ายหน้า สีหน้าแตกต่างกันไป
ทว่ามีผู้คนไม่น้อยที่เห็นใบหน้ามืดครึ้มดุจก้นหม้อของซ่งเหยี่ยนชิงแล้วแอบรู้สึกขบขัน สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ทั้งบนล่างต่างรู้กันทั่วว่าคนผู้นี้ชอบพอถังอี๋ สตรีงามผู้ใดก็ชมชอบ จนปัญญาที่ไม่มีผู้ใดกล้ายื้อแย่งกับซ่งเหยี่ยนชิง หนนี้กลับดีนัก มีหนุ่มน้อยไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งโผล่มาทำลายเรื่องดีของคนผู้นี้ จึงมีคนลอบยินดีในคราวเคราะห์ของเขา
บนเตียงในห้องหอ คู่บ่าวสาวนั่งเคียงกัน มองดูเทียนแดงที่ลุกโชนคู่นั้น
เมื่อเกี่ยวแขนดื่มสุรา ยกผ้าคลุมหน้าเสร็จ ศิษย์หญิงผู้ดำเนินพิธีก็ถอยออกไปพร้อมปิดประตูให้ ทิ้งคู่บ่าวสาวให้อยู่ในห้องตามลำพัง
กลิ่นกายหอมละมุนโชยมาจากด้านข้าง หนิวโหย่วเต้าที่นั่งอย่างเบื่อหน่ายเหลียวไปมองดูเจ้าสาวข้างกายที่แต่งตัวงดงามหยาดเยิ้มอยู่เป็นระยะ ไม่ทราบเช่นกันว่าควรพูดอะไรดี ที่สำคัญคือไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ ในใจรักษาความระแวดระวังตื่นตัวไว้ตลอดเวลา
ฝ่ายถังอี๋ก็นั่งนิ่งไม่ไหวติง สีหน้าสงบนิ่งอย่างยิ่ง
ทั้งสองนั่งอยู่เช่นนี้จนฟ้าสาง แม้แต่มือก็มิได้สัมผัสแม้เพียงน้อย กระทั่งด้านนอกมีคนมาเคาะประตูเรียก ในที่สุดถังอี๋ถึงได้ลุกขึ้นก้าวออกไป
สักพักมีศิษย์หญิงคนหนึ่งเข้ามาแจ้งต่อหนิวโหย่วเต้าว่า “อาจารย์อาถังกล่าวว่ามีกิจธุระของสำนักต้องจัดการ ขอตัวก่อน”
“อ้อ!” หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าตอบรับ
เมื่อไม่มีคนนอก เขาจึงล้มตัวลงนอน หลับไปจนค่ำถึงได้ตื่นขึ้นมา
เมื่อเดินออกมาจากห้อง โคมไฟและช่อแพรที่แขวนประดับประดาท่ามกลางลานเรือนที่เงียบสงัดดูค่อนข้างสะดุดตา ทุกอย่างให้ความรู้สึกราวกับภาพฝัน
เมื่อก้าวพ้นประตูใหญ่ เขามองเห็นถูฮั่นกำลังจุดโคมใต้ต้นท้อ หลังจุดโคมด้านนอกเสร็จ ถูฮั่นที่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาก็เดินผ่านเขาเข้าไปจุดโคมในเรือนต่อ
หนิวโหย่วเต้าในชุดเจ้าบ่าวสีแดงยืนอยู่ใต้ต้นท้อ ทอดสายตามองวังสวรรค์พิสุทธิ์ที่อยู่บนผาฝั่งตรงข้าม แสงโคมฝั่งตรงข้ามเองก็ทยอยสว่างไสวขึ้นมาเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า