ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 142

ตอนที่ 142 สินค้าอยู่ที่ไหน

เมื่อเห็นเฮยหมู่ตานและหนิวโหย่วเต้าพูดคุยงึมงำอยู่ด้านหน้า เหลยจงคังที่ตามอยู่ด้านหลังสุดกลับเงียบงัน

หนิวโหย่วเต้าไม่ได้บอกว่าจะรับเขาไว้ แต่ก็ไม่ได้ไล่เขาไปเช่นกัน เป็นพวกพ้องที่ลากเขามาด้วยกัน

“เหล่าเหลย อย่าคิดมากเลย” อู๋ซานเหลี่ยงชะลอความเร็วลงเล็กน้อย ขี่ม้าตีคู่กันไป เอ่ยปลอบประโยคหนึ่ง

…..

ภายใต้แสงจันทร์ ชุยหย่วนและเหยาโหย่วเลี่ยงทะยานออกมาจากทุ่งหญ้า หยุดลงพร้อมหอบหายใจถี่ หันมองไปทางด้านหลังเล็กน้อย รู้สึกว่าน่าจะไม่ถูกไล่ตามมาแล้ว จึงเริ่มเดินช้าๆ ไปบนทะเลทราย

พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส โอสถวิญญาณในตัวถูกยึดไปจนหมด เหาะเหินไม่ไหวจริงๆ จึงต้องค่อยๆ เดินไป ฟื้นฟูกำลังไปอย่างช้าๆ

เมื่อรู้สึกว่ารอดพ้นอันตรายแล้ว ในที่สุดทั้งสองก็มีใจใคร่ครวญถึงเรื่องที่กำลังจะต้องเผชิญ

“พวกเขาคงไม่ได้ปล้นร้านค้าของพวกเราสามสำนักจนหมดเกลี้ยงจริงๆ กระมัง?” เหยาโหย่วเลี่ยงถาม

“เมื่อคำนวณจากช่วงเวลาแล้ว มันก็มีความเป็นไปได้อยู่ เขาเองก็ดูเหมือนจะไม่มีความจำเป็นต้องมาหลอกพวกเราเรื่องนี้เลย” ชุยหย่วนถอนใจ

ต่อให้หลับฝันเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่าหนิวโหย่วเต้าจะใจกล้าขนาดนั้น ซ้ำยังกล้ากลับไปปล้นร้านค้าของทั้งสามสำนักที่เมืองไจซิงอีก หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาไหนเลยจะกล้าเปิดเผยข้อมูลเหล่านั้น ตอนนี้ถึงไม่ผิดก็เหมือนผิดไปแล้ว ยากจะปัดความรับผิดชอบได้

เหยาโหย่วเลี่ยงเอ่ยถาม “ทำอย่างไรดี? หนิวโหย่วเต้าจะเก็บเป็นความลับจริงๆ หรือ? หากเรื่องนี้แดงขึ้นมา ทั้งเจ้าและข้าได้กลายเป็นศิษย์ทรยศสำนักเลยนะ! พวกเราแบกรับผลที่จะตามมาไม่ไหวแน่!”

ชุยหย่วนเอ่ยว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? จะหลบหนีอย่างนั้นหรือ? หากหนิวโหย่วเต้ามันคิดจะเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปจริงๆ ต่อให้พวกเราหนีไป เจ้าคิดหรือว่าทางสำนักจะปล่อยพวกเราไป? หลังจากนี้ทางสำนักจะต้องตามล่าพวกเราอย่างถึงที่สุดแน่ จะซ่อนตัวไปตลอดชีวิตได้หรือ? ได้ชื่อว่าเป็นคนทรยศสำนัก ไปอยู่ที่ใดก็ล้วนถูกผู้คนรังเกียจ!”

เหยาโหย่วเลี่ยงเอ่ยถาม “อย่างนั้นเจ้าคิดยังไง?”

ชุยหย่วนกล่าวว่า “ข้าว่านะ หากหนิวโหย่วเต้าต้องการสังหารพวกเราจริงๆ ก็ไม่เห็นต้องอ้อมค้อมขนาดนี้เลย จำเป็นด้วยหรือ?”

เหยาโหย่วเลี่ยงเอ่ยว่า “แต่การที่หนิวโหย่วเต้าปล่อยพวกเรามาเช่นนี้ ทำดีต่อพวกเราเช่นนี้ ทำไมข้าถึงได้รู้สึกแปลกๆ เจ้าจะปิดบังตามที่เขาบอกจริงๆ น่ะหรือ?”

ชุยหย่วนเอ่ยว่า “ถ้าเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วล่ะก็ เจ้าจะไม่ปิดบังก็ได้”

เสียงของเหยาโหย่วเลี่ยงพลันดังขึ้นมาหลายส่วน “เช่นนั้นพวกเราต้องมาคุยเรื่องนี้กันให้ชัดเจน ถ้าจะปิดก็ต้องปิดด้วยกัน ถ้าคนหนึ่งไม่ปิด อีกคนก็คงปิดเอาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน!”

ทั้งสองพูดคุยหารือกันบนทะเลทรายไปตลอดทาง

……

ณ เมืองไจซิง เกาซู่ชงแห่งสำนักเซียนสถิต เลี่ยวเซินแห่งสำนักเมฆาล่อง อู่เฉียนเฮ่าแห่งสำนักคีรีพิลาส สภาพทั้งสามดูเหนื่อยล้า พวกเขาเร่งพาเหล่าศิษย์เดินทางกลับมายังเมืองไจซิง ในที่สุดก็กลับมาถึงเมืองไจซิง

คนในกลุ่มหายไปบางส่วน เพราะพวกเขาเองก็ต้องป้องกันเอาไว้เช่นกัน เผื่อหนิวโหย่วเต้าใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม แต่ละสำนักจึงให้ศิษย์สองคนเร่งเดินทางต่อไปยังอำเภอซานหู เพราะถ้าเกิดหนิวโหย่วเต้าไปที่อำเภอซานหูจริงๆ จะทำอย่างไรเล่า?

เดินทางไปเดินทางกลับเป็นระยะเวลาสิบกว่าชั่วยาม ความรู้สึกที่เหมือนควายถูกจูงจมูกให้เดินไปมาเช่นนี้ไม่ค่อยดีสักเท่าไร

แต่ก็ช่วยไม่ได้ ถ้าไม่พยายามเต็มที่ พวกเขาก็ยากจะรายงานต่อเบื้องบนได้

ทั้งคณะเดินทางมาถึงร้านค้าของสำนักเซียนสถิต เกาซู่ชงดึงป้ายปิดร้านที่แขวนอยู่หน้าประตูออก ผลักประตูเดินเข้าไป ผีเสื้อจันทราบินนำเข้าไปก่อน บินวนอยู่ภายในร้าน

นกใฝ่หอมที่อยู่ในกรงบนโต๊ะส่งเสียงจิ๊บๆ พลางกระโดดโลดเต้นไปมา เลี่ยวเซินและอู่เฉียนเฮ่าเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะเก็บเงินแล้วจ้องมอง

ทันทีที่ผ่านประตูเข้ามา ความสนใจของเกาซู่ชงก็ไปอยู่ที่ชั้นวางสินค้า เขากวาดตามองชั้นสินค้าที่ว่างโล่ง มองสำรวจรอบด้าน พบว่าภายในร้านค้าว่างเปล่า

คนที่เหลือก็สังเกตเห็นความผิดปกติเช่นกัน เลี่ยวเซินเอ่ยถาม “หรือว่าจะเก็บสินค้าไปซ่อนไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะว่าพวกเขาจะออกจากร้าน”

เกาซู่ชงทำการเปิดหีบพลิกโต๊ะรื้อค้นภายในร้านทันที ไม่พบสินค้าที่ซ่อนเอาไว้เลย สุดท้ายจึงเดินไปที่ชั้นวางอาวุธ คลำดูทวนยาวและดาบยาวที่วางอยู่ที่เดิม สีหน้าตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย

เลี่ยวเซินและอู่เฉียนเฮ่าสบตากัน คาดเดาความคิดของเขาออก หากนำสินค้าไปเก็บซ่อนไว้จริงๆ เหตุใดถึงไม่เก็บดาบยาวและทวนยาวไปด้วยเล่า?

พวกเขาหารู้ไม่ว่าเป็นเพราะหนิวโหย่วเต้ารู้สึกว่าอาวุธเหล่านี้มันพกพายากลำบาก ไม่สะดวก จึงไม่ได้นำไปด้วย

อู่เฉียนเฮ่าชี้ไปที่กรงนก “นกใฝ่หอมพวกนี้เป็นอะไร?”

เกาซู่ชงหันไปมอง เดินเข้าไปใกล้ ขมวดคิ้วขึ้นมา รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเช่นกัน พวกหวงเอินผิงออกไล่ตามไปแล้ว เหยื่อหอมที่อยู่ระหว่างทางน่าจะถูกนกใฝ่หอมที่นำไปด้วยเก็บกินไปแล้วนี่นา เหตุใดนกใฝ่หอมที่อยู่ตรงหน้าพวกนี้ยังมีท่าทีเช่นนี้อีก?

เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น นกใฝ่หอมกรงนี้ได้ถูกซื้อมาจากทางสำนักหมื่นสรรพสัตว์เมื่อไม่นานมานี้เพื่อเอามาใช้ในงานนี้เป็นการเฉพาะ

ตามที่สำนักหมื่นสรรพสัตว์บอกไว้ ตอนที่ทำการฝึกสอนนกใฝ่หอมตั้งแต่ยังเล็ก เหยื่อหอมที่เป็นตัวล่อจะถูกผลิตขึ้นด้วยส่วนผสมที่แตกต่างกัน เวลาขายจะขายเป็นชุดคู่กัน นกใฝ่หอมและเหยื่อหอมแต่ละชุดที่ถูกจำหน่ายไปจะถูกเว้นช่วงเป็นเวลาหลายปีกว่าที่นกใฝ่หอมและเหยื่อที่ถูกจัดเป็นชุดเดียวกันจะถูกนำมาจำหน่ายอีกครั้ง ดังนั้นจึงไม่มีทางที่นกใฝ่หอมจะถูกล่อด้วยเหยื่อหอมที่คนอื่นซื้อไปแน่นอน

ในด้านนี้ สำนักหมื่นสรรพสัตว์น่าจะไม่ทำให้เสียชื่อร้านของตัวเองนี่นา

ไม่เข้าใจเลยจริงๆ! เกาซู่ชงหันไปเอ่ยว่า “รีบส่งจดหมายไปถามพวกเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“ขอรับ!” ศิษย์ที่อยู่ข้างกายรีบไปจัดการทันที

เกาซู่ชงหันไปหาเลี่ยวเซินกับอู่เฉียนเฮ่า เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไม่ว่าอย่างไร พวกเรายังคงต้องออกไปอีกรอบ”

เลี่ยวเซินกับอู่เฉียนเฮ่าพยักหน้ารับ จะไม่ทำต่อก็ไม่ได้ สามสำนักร่วมมือกันแล้ว หากยังปล่อยให้หนิวโหย่วเต้าหนีรอดไปได้ เช่นนั้นคงได้ซวยกันแน่ เกรงว่าต่อไปกระทั่งเมืองไจซิงก็คงไม่มีสิทธิ์ได้มานั่งประจำการแล้ว คาดว่าคงต้องกลับไปเป็นยามเฝ้าสำนักแทน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า