ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 151

ตอนที่ 151 ฟาดฟันกันลับๆ

ผนึกบนร่างคนเลี้ยงม้าถูกคลายออกอย่างเร่งด่วน จากนั้นร่างกายกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรงอยู่หลายครั้ง ตาโปนถลนไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว โลหิตสีดำไหลซึมลงมาจากมุมปาก

ต้วนหู่มีสีหน้ากระอักกระอ่วน “เต้าเหยี่ย เป็นข้าที่ประมาทไปขอรับ”

เร่งเดินทางกลับมา เทียวไปเทียวมา ไม่ง่ายเลยกว่าจะระบุตัวเป้าหมายได้ กำลังคิดจะเค้นถามถึงผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง ผลสุดท้ายกลับถูกเขาทำให้เสียงาน จึงรู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง

หนิวโหย่วเต้าดึงเสื้อตัวหนึ่งที่อยู่ในห้องมาไว้ในมือ จากนั้นโยนลงบนพื้น ใช้ปลายเท้าดันข้างลำคอคนเลี้ยงม้าอย่างรวดเร็ว กันไม่ให้คราบเลือดตรงมุมปากไหลหยดลงบนพื้นไม้กระดาน จากนั้นหันไปเอ่ยว่า “โทษเจ้าไม่ได้หรอก ผู้ใดจะรู้ล่ะว่าสายสืบคนหนึ่งในจุดพักม้าจะเป็นหน่วยกล้าตาย…เพียงแต่ครั้งต่อไปต้องระวังหน่อย”

“ขอรับ!” ต้วนหู่พยักหน้ารับอย่างเก้อกระดาก เรื่องนี้เขาจัดการได้ไม่ดีจริงๆ

หนิวโหย่วเต้ากวาดมองไปรอบห้อง “ค้นดูให้ละเอียด อย่าพลาดเบาะแสน่าสงสัยใดๆ ไป ข้าวของที่พลิกรื้ออย่าลืมวางกลับไว้ที่เดิม”

“ขอรับ!” ต้วนหู่ตอบรับ ลงมือรื้อหีบค้นตู้หาเบาะแสทันที

หนิวโหย่วเต้าเองก็ไม่ได้อยู่เฉยเช่นกัน ทว่าเขาไม่ได้เร่งร้อนลงมือ หากแต่ยกมือไพล่หลังค่อยๆ มองสำรวจไป

ไม่นานนัก กรงนกถูกค้นลงมาจากบนฝ้าเพดานหลังคา ด้านในมีขนของปีกทองอยู่สองสามอัน หนิวโหย่วเต้ายกขึ้นมาดูเล็กน้อย จากนั้นให้เขาวางกลับไว้บนฝ้าเพดานตามเดิม

เมื่อพลิกฟูกนอนออกก็พบกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกพับไว้ ต้วนหู่เปิดออกดู ตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยเรียก “เต้าเหยี่ย ท่านดูนี่สิขอรับ!”

หนิวโหย่วเต้าที่ย่อตัวตรวจสอบร่างของคนเลี้ยงม้าอยู่เงยหน้าขึ้น รับไปถือในมือ ม่านตาที่จ้องมองภาพพลันหดตัวลง ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เอ่ยถาม “เหมือนข้าหรือไม่?”

ต้วนหู่เอ่ยตอบ “ใบหน้าคล้ายคลึงอย่างน้อยเจ็ดถึงแปดส่วนขอรับ ประกอบกับเต้าเหยี่ยรวบผมไว้ด้านหลังด้วย จึงมีความเหมือนถึงเก้าส่วนขอรับ”

สีหน้าหนิวโหย่วเต้าค่อยๆ ตึงเครียด เขาวาดภาพน้ำหมึกเป็น ถึงขั้นที่สามารถวิเคราะห์ภาพวาดและอักษรโบราณได้ด้วยว่าจริงหรือปลอม กล่าวในอีกแง่คือเป็นผู้เชี่ยวชาญ มองเพียงแวบเดียวก็ทราบแล้วว่าภาพเหมือนนี้มิได้ถูกวาดขึ้นมา หากแต่ถูกพิมพ์ออกมา!

เขาค่อยๆ หันกลับไปมองคราบเลือดตรงมุมปากคนเลี้ยงม้า เอ่ยเนิบๆ ว่า “ไม่ต้องค้นต่อแล้ว วางของกลับเข้าที่เดิม เอาศพออกไปจัดการให้เรียบร้อย อย่าให้เหลือร่องรอยไว้ อีกอย่าง เดี๋ยวเจ้าปลอมตัวเล็กน้อยแล้วกลับมาที่จุดพักม้านี้อีกครั้ง คิดหาทางซื้อตัวคนเลี้ยงม้าคนอื่น สอบถามประวัติของคนผู้นี้ดู”

“ขอรับ!” ต้วนหู่พยักหน้ารับ

หนิวโหย่วเต้าเก็บภาพวาด เดินไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปด้านนอก เมื่อสบจังหวะที่ไม่มีคนก็ทะยานออกไป หายลับไปในป่าทางด้านหลัง

เมื่อกลับไปถึงจุดที่อยู่ห่างออกไปหลายลี้ หลังจากพบหน้าหยวนฟางกับเฮยหมู่ตานแล้ว เฮยหมู่ตานถามว่า “เต้าเหยี่ย เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้าล้วงภาพเหมือนออกมา คีบส่งให้ด้วยสองนิ้ว

เฮยหมู่ตานรับไปเปิดดู หยวนฟางก็ยื่นหน้าเข้ามาด้วยเช่นกัน หลังจากเห็นคนที่อยู่ในภาพ ทั้งสองก็มองหน้ากัน

“เต้าเหยี่ย เจอในจุดพักม้าหรือขอรับ?” หยวนฟางเอ่ยถาม

หนิวโหย่วเต้าที่ยืนมือไพล่หลังไม่ได้เอ่ยตอบ ตกอยู่ในภวังค์ความคิด

คิดไม่ถึงว่าจะมีภาพเหมือนของตนอยู่ในจุดพักม้าแห่งนั้น แม้นก่อนหน้านี้จะนึกสงสัยอยู่บ้าง แต่พอได้เห็นเข้าจริงๆ มันก็ยังเหนือความคาดหมายของเขาไปบ้าง ความหมายที่แฝงอยู่ในเบื้องหลังเรื่องนี้ทำให้เขาหนักใจ

ภาพเหมือนถูกพิมพ์ออกมา ถ้าจะพิมพ์ก็ต้องมีแม่พิมพ์ หากภาพเหมือนมีจำนวนน้อยก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรยุ่งยากขนาดนี้เลย นี่หมายความว่ามีภาพเหมือนของตนเป็นจำนวนมาก ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังพิมพ์ภาพเหมือนของตนออกมามากมายขนาดนี้เพื่ออะไรน่ะหรือ? ย่อมเป็นเพราะต้องการตามหาตัวเขา!

แล้วก็ยังมีคนเลี้ยงม้าคนนั้นอีก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหน่วยกล้าตาย!

หน่วยกล้าตายมีสองประเภท ประเภทแรกคือนักรบที่ต่อสู้หลั่งเลือดจนตัวตาย อีกประเภทคือผู้เก็บซ่อนความลับที่ไม่อาจแพร่งพรายได้ไว้กับตัว เห็นได้ชัดว่าคนเลี้ยงม้าเป็นอย่างหลัง!

เขาไม่มีศัตรูอื่นอยู่ในแคว้นจ้าว ยังคงเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ คนที่ตามมาสังหารเขาถึงในอาณาเขตแคว้นจ้าวได้ ถ้าไม่ใช่ราชสำนักแคว้นเยี่ยนก็ต้องเป็นตระกูลซ่ง!

เมื่อสรุปได้เช่นนี้ อย่างนั้นหน่วยกล้าตายที่กุมความลับเอาไว้ผู้นั้นเป็นคนของใคร?

ตระกูลซ่งคิดจะจัดการเขาทั้งที จะส่งคนธรรมดาที่มีความลับอยู่กับตัวมาแทนผู้บำเพ็ญเพียรอย่างนั้นหรือ? ไม่น่าจะเป็นไปได้!

เมื่อรวมกับการปะทะกันอย่างลับๆ เมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ มันก็พอจะเผยให้เห็นรางๆ แล้วว่าอำนาจอิทธิพลของผู้ที่อยู่เบื้องหลังนั้นไม่ธรรมดา มาตรว่าตระกูลซ่งจะมีอำนาจอิทธิพลในแคว้นเยี่ยน ทว่ามันยังไม่มากจนถึงขั้นที่สามารถระดมกำลังในเขตพื้นที่ห่างไกลของแคว้นอื่นได้ทุกเมื่อเช่นนี้ นี่น่าอยู่นอกเหนือขอบเขตความสามารถของตระกูลซ่งไปแล้ว!

เมื่อนำเบาะแสต่างๆ มาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน คำตอบมันก็แทบจะปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว นี่เป็นเจ้าหน้าที่ลับที่แคว้นเยี่ยนจัดวางเอาไว้ในแคว้นจ้าว!

เมื่อรวมเข้ากับเรื่องภาพเหมือนจำนวนมาก หนิวโหย่วเต้าก็ตระหนักได้แล้วว่าแคว้นเยี่ยนได้ใช้กองกำลังของแคว้นมาตามหาเบาะแสของเขา เมื่อพบตัวเขาแล้วก็ย่อมต้องจัดการเขา นี่คือผลลัพธ์จากการที่เขาสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยน!

ข้อสงสัยภายในใจเขาก่อนหน้านี้ที่ว่าเหตุใดคนที่จ้างวานเอาชีวิตเขาถึงไม่ได้ติดต่อกับคนของสามสำนักก็นับว่ากระจ่างแล้ว สายลับที่แคว้นเยี่ยนจัดวางไว้ในแคว้นจ้าวไม่อาจเปิดเผยตัวได้ง่ายๆ ความเป็นไปได้ที่สายลับเหล่านั้นจะติดต่อกับพวกเกาซู่ชงที่ตามล่าสังหารเขาจึงต่ำเป็นอย่างมาก

ส่วนภาพเหมือนที่อยู่ในมือสำนักเซียนสถิต แม้นเขาจะไม่ทราบว่าเป็นแม่พิมพ์เดียวกันกับภาพเหมือนแผ่นนี้หรือไม่ แต่ทั้งสองฝ่ายล้วนมีภาพเหมือนของตนอยู่ในมือ เขาชักสงสัยแล้วว่าถ้ามิใช่ตระกูลซ่งได้รับมาจากราชสำนัก เช่นนั้นก็ต้องเป็นทางราชสำนักได้มาจากตระกูลซ่ง

เหลยจงคังที่รออยู่ด้านนอกนำทางต้วนหู่และอู๋ซานเหลี่ยงกลับมา

ต้วนหู่ที่กระโดดลงจากหลังม้ารีบเดินเข้ามาหาหนิวโหย่วเต้า ประสานมือพลางกล่าวรายงานว่า “เต้าเหยี่ย ใช้เงินไปแค่ไม่กี่เหรียญทองก็ทราบข้อมูลจากปากของคนเลี้ยงม้ารายหนึ่งแล้วขอรับ ผู้ตายมีนามว่าจ้าวต้า เดิมเป็นคนเลี้ยงม้าที่คอยต้อนม้าอยู่ในเมืองข้างเคียง ต่อมาได้รับคำชื่นชมจากเจ้าพนักงานคนหนึ่ง จึงช่วยเหลือให้มาเป็นคนเลี้ยงม้าของจุดพักม้า เพิ่งมาที่จุดพักม้าเมื่อสิบกว่าวันก่อนขอรับ”

“สิบกว่าวันก่อน…” หนิวโหย่วเต้าพึมพำ โบกมือร้องสั่ง “แผนที่!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า