ตอนที่ 152 รับแล้วไม่คืนนับว่าเสียมารยาท
เขาหันไปสอบถามพวกต้วนหู่ “ระหว่างทางราบรื่นดีไหม?”
“ราบรื่นดีขอรับ!” ทั้งสามพยักหน้า ต่างหยิบเอาแผนที่ที่พกติดตัวออกมา จุดพักม้าระหว่างทางที่ทำตรวจสอบมาล้วนทำเครื่องหมายระบุตำแหน่งไว้
หนิวโหย่วเต้าให้ทั้งสามคนเอาพิกัดบนแผนที่ทั้งสามฉบับมารวมไว้ในแผนที่ฉบับเดียว พลางสอบถามสถานการณ์อย่างละเอียด
สามวันมานี้ทั้งสามคนตรวจสอบจุดพักม้าไปเจ็ดสิบกว่าแห่ง จุดพักม้าที่มีคนเลี้ยงม้าหน้าใหม่เพิ่มเข้ามาในช่วงนี้มีเพียงสิบกว่าแห่งเท่านั้น
แม้นจะเป็นเช่นนี้ มันก็ยังทำให้หนิวโหย่วเต้ารู้สึกสนใจอย่างมากอยู่ดี ในช่วงนี้มิได้มีเพียงจ้าวต้าคนนั้นที่เข้ามาแฝงตัวในจุดพักม้า เพียงแค่จุดพักม้าบนถนนสามสายนี้ก็มีคนเลี้ยงม้าหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมาสิบกว่าคนแล้ว!
ดูเผินๆ คล้ายจะไม่เยอะ แต่สำหรับหนิวโหย่วเต้าที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แล้ว นี่กลับเพียงพอที่จะกระตุ้นความระแวดระวังของเขาขึ้นมา!
หนิวโหย่วเต้าหยิบแท่งถ่านขึ้นมาทำสัญลักษณ์ที่ดูสะดุดตาลงไปในตำแหน่งของจุดพักม้าสิบกว่าแห่งนั้น จ้องมองพลางพิจารณาอย่างละเอียด ไม่รู้ว่าเสริมกำลังคนเข้ามาที่จุดพักม้าเพื่อตามหาตัวเขา หรือตั้งใจวางกำลังคนเป็นพิเศษเพราะเขากันแน่? สองกรณีนี้มีความแตกต่างกันอย่างมาก ต่างกันที่ความหนาแน่นและจำนวนของกำลังคนที่ใช้
แรกเริ่มยังมองไม่ออกถึงเส้นสนกลในอันใด พิกัดของจุดพักม้าเหล่านั้นมิได้ตั้งอยู่ในบริเวณทางแยกเหมือนอย่างจุดพักม้าที่จ้าวต้าอยู่ไปเสียทั้งหมด!
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ค่อยๆ มองเห็นร่องรอยอะไรบางอย่าง เขาใช้แท่งถ่านวงรอบบริเวณที่ทั้งสามคนตรวจสอบแล้ว จากนั้นถือแท่งถ่านในแนวนอนแล้วปาดลงไปบนแผนที่ ถมพื้นที่ส่วนใหญ่ที่อยู่ในวง เหลือไว้เพียงพื้นที่ที่เป็นเส้นทางเล็กแคบ
เมื่อกำจัดสิ่งยุ่งเหยิงที่รบกวนสายตาออกไป มีเพียงเส้นทางที่ดูเด่นชัดปรากฏขึ้นมา รูปการณ์พลันดูชัดเจนขึ้นมาทันที
กระทั่งคนอื่นก็ค่อยๆ มองร่องรอยบางอย่างออกแล้วเช่นกัน เฮยหมู่ตานยื่นมือชี้ลงไปบนแผนที่ “ตำแหน่งที่พวกเขาเลือกวางตัวสายลับเอาไว้เหล่านี้ดูมีความพิถีพิถันเป็นอย่างยิ่ง เต้าเหยี่ย ท่านดูสิเจ้าคะ จุดที่ดูกระจัดกระจายพวกนี้ ไม่ว่าถนนในละแวกใกล้เคียงจะตัดไขว้กันไปมาอย่างไร ขอเพียงมุ่งหน้าเข้ามาในเขตพื้นที่นี้ เช่นนั้นก็จะต้องผ่านจุดพักม้าแห่งใดแห่งหนึ่งในบรรดาจุดพักม้าเหล่านี้แน่นอน ส่วนจุดอื่นๆ ก็มีสภาพคล้ายกัน แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องวางกำลังคนไว้ในจุดพักม้าทุกแห่งแล้ว ประหยัดกำลังคนไปได้มากทีเดียวเจ้าค่ะ”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าเล็กน้อย เขาเองก็มองออกแล้วเช่นกัน เช่นนี้ก็มิใช่การเพิ่มกำลังคนเข้าสู่จุดพักม้า หากแต่เป็นการจัดกำลังคนโดยพุ่งเป้ามาที่เขาโดยเฉพาะ
นี่นับว่าสอดคล้องกับข้อสงสัยของเขา เพราะถ้าหากจุดพักม้าทุกแห่งล้วนมีการจัดวางกำลังคนเอาไว้ เช่นนั้นแคว้นเยี่ยนจะต้องส่งคนแทรกซึมเข้ามาจัดการเรื่องนี้มากมายเท่าไรกัน คงไม่มีทางให้เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของแคว้นเยี่ยนละทิ้งงานสำคัญอื่นๆ เพื่อมาจัดการเขาเพียงคนเดียวกระมัง
หยวนฟางกะพริบตาปริบๆ เอ่ยว่า “เช่นนี้ก็ง่ายแล้วขอรับ ขอเพียงพวกเราวิเคราะห์แยกแยะจุดพักม้าที่อาจจะมีสายสืบประจำการอยู่ออกมาได้ เราก็จะสามารถอ้อมไปได้ ไม่จำเป็นต้องเดินๆ หยุดๆ แล้วอ้อมจุดพักม้าทุกแห่งเลยขอรับ”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ความคิดนี้ทำจริงไม่ได้ อย่างแรกคือพวกเราไม่คุ้นเคยกับถนนหนทาง ไม่รู้ตำแหน่งของจุดพักม้าบนเส้นทางแต่ละสาย ต้องเข้าไปใกล้ก่อนถึงจะพบจุดพักม้า เจ้าดูสิว่าบนถนนเส้นนี้มีจุดพักม้าสามแห่ง…” เขาชี้ไปยังถนนที่ค่อนข้างยาวเส้นหนึ่ง “หากมิใช่เพราะตรวจสอบมาแล้วถึงได้รู้ว่าจุดพักม้าที่อยู่ทางซ้ายมือมีสายสืบอยู่ เจ้าจะเดาออกหรือว่าจุดพักม้าไหนที่มีสายสืบอยู่? ยังมีอีก ตลอดทางมานี้ มีจุดพักม้าหลายแห่งที่ตั้งอยู่ในบริเวณเชิงสะพานริมแม่น้ำ คนสามารถเหยียบคลื่นข้ามแม่น้ำได้ แต่ม้าจะทำอย่างไร? จะให้อ้อมเป็นระยะทางยาวไกลเหรอ? ไม่เหนื่อยเหรอ? หากจะทำเช่นนี้จริงๆ ล่ะก็ อย่างนั้นก็ไม่ต้องขี่ม้าแล้ว มิสู้เดินเท้าเหินทะยานไปเองดีกว่า”
หยวนฟางเกาคอ หัวเราะแหะๆ อยากบอกข้าไม่ทันได้คิดอะไรละเอียดรอบคอบขนาดนั้น
แต่พวกเฮยหมู่ตานกลับค่อนข้างสงสัย ไม่รู้ว่าเขาจะไปที่ไหนกันแน่ เอาแต่ปฏิเสธการเดินเท้าเหินทะยาน มัววุ่นวายกับจุดพักม้าพวกนี้ไปทำไมกัน นี่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเตรียมตัวเดินทางไกลอยู่ นี่เขาจะเดินทางไกลแค่ไหนกัน แล้วจะไปที่ไหนกันแน่?
“ยังมีอีกกรณีหนึ่ง ผู้ใดจะกล้ารับประกันว่าในแต่ละที่จะเป็นไปตามที่พวกเราวิเคราะห์กันหมด ผู้ใดจะกล้ารับประกันได้ว่าจะไม่มีการจัดวางกำลังคนไว้มากกว่าหนึ่งคน”
เฮยหมู่ตานเอ่ยถาม “เต้าเหยี่ย เช่นนั้นความหมายของท่านคือ?”
หนิวโหย่วเต้าตอบอย่างเรียบเฉย “รับแล้วไม่คืนถือว่าเสียมารยาท หากไม่รู้ก็แล้วไป แต่ในเมื่อรู้แล้ว เช่นนั้นก็กำจัดสายสืบพวกนี้ทิ้งให้หมด”
ต้วนหู่ถามเอ่ยด้วยความสงสัย “เต้าเหยี่ย อาศัยพวกเราแค่ไม่กี่คน หากคิดจะจัดการเรื่องนี้เกรงว่าคงทำไม่ได้หรือเปล่าขอรับ?”
หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “แค่พวกเราย่อมทำไม่ได้ เมื่อเผชิญหน้ากับองค์กรเช่นนี้ เดิมทีมันก็มิใช่กลุ่มอิทธิพลที่พวกเราและสำนักทั่วๆ ไปจะต่อกรได้อยู่แล้ว กำลังทรัพย์และกำลังคนที่พวกเขาสามารถเรียกใช้งานได้มีมากมายจนพวกเราไม่อาจจินตนาการได้ แค่สำนักเซียนสถิต สำนักคีรีพิลาสและสำนักเมฆาล่องส่งคนมาไม่กี่คนก็บีบให้พวกเราต้องหนีหัวซุกหัวซุนได้แล้ว สำนักบำเพ็ญเพียรที่กลุ่มอำนาจที่อยู่เบื้องหลังอีกฝ่ายสามารถเรียกใช้งานได้มิได้มีแค่เพียงสามสำนักนี้เท่านั้น อีกทั้งยอดฝีมือที่ส่งมาได้ก็ไม่ได้มีแค่เพียงไม่กี่คนนี้เท่านั้น หากพวกเราฝืนโผล่ออกไปจัดการตรงๆ นั่นแหละคือการรนหาที่ตาย! แล้วก็จะไม่ได้เบาะแสอันใดเลย อย่างมากก็แค่เข้าไปแตะเครือข่ายนี้จนแหวกหญ้าให้งูตื่น จัดการได้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น”
เฮยหมู่ตานถาม “เช่นนั้นจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”
“ให้คนที่มีกำลังถ่วงคานกันได้ไปจัดการแล้วกัน” หนิวโหย่วเต้าชี้ไปที่ต้วนหู่และอู๋ซานเหลี่ยงพลางเอ่ยว่า “คงต้องลำบากพวกเจ้าสองคนอีกรอบแล้ว”
ทั้งสองตอบรับ “เต้าเหยี่ยโปรดสั่งการมาได้เลย”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “พวกเจ้าจงออกเดินไปยังเมืองหลวงแคว้นจ้าวทันที เร่งเดินทางห้ามหยุดพัก เดินทางไปที่เมืองหลวงโดยเร็วที่สุด ไปหาคนห้าคน จูเก่อสวินราชทูตแคว้นหาน ถูไหวอวี้ราชทูตแคว้นซ่ง ฉู่เซียงอวี้ราชทูตแคว้นจิ้น สุยไพ่ราชทูตแคว้นเว่ยและจั่วอันเหนียนราชทูตแคว้นฉี หลังจากพบห้าคนนี้แล้ว ไม่ต้องพูดอย่างอื่นให้มากความ เล่าเรื่องสายลับของแคว้นเยี่ยนที่ถูกวางตัวไว้ตามจุดพักม้าซะ แล้วก็ไม่ต้องบอกว่าเป้าหมายที่ถูกจับตามองคือใคร เดี๋ยวพวกเขาจะเกิดความระแวงระวังขึ้นมาเอง แล้วเดี๋ยวพวกเขาจะรีบแจ้งไปทางราชสำนักของแต่ละแคว้นให้ดำเนินการตรวจสอบโดยเร็วเอง!”
เดิมทีเขาเพียงแค่กังวลถึงทางฝั่งแคว้นหานเท่านั้น เนื่องจากเป้าหมายในการเดินทางของเขาอยู่ที่แคว้นหาน แต่หากเจาะจงไปยังแคว้นหานเพียงอย่างเดียวล่ะก็ แบบนั้นจะทำให้เกิดความน่าสงสัยจนเปิดเผยร่องรอยการเดินทางของเขาได้ ดังนั้นไม่ต้องสนใจแล้วว่าแคว้นอื่นจะมีหรือไม่ จัดการไปทีเดียวเลย จะได้อำพรางเป้าหมายที่แท้จริง ถึงอย่างไรเขาก็ไม่จำเป็นต้องออกแรงอยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า