ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 158

ตอนที่ 158 เคล็ดลับที่ไม่อาจเผยแพร่ได้

นอกตัวอำเภอเป่ยซาน ม้าสามตัววิ่งออกมาจากตัวอำเภอ ลงแส้เร่งความเร็วไปตลอดทาง สองฝั่งทางหลวงคือทุ่งนา ต้นข้าวเขียวขจีงอกงาม

เมื่อผ่านทุ่งนาไป เส้นทางหลวงทอดตรงเข้าสู่ป่า ขณะที่อาชาสามตัวเพิ่งจะควบเข้าไปในเขตเนินเขา จู่ๆ พลันได้ยินเสียงผิวปากดัง “วี้ด” แว่วมา ทั้งสามคนหันไปมอง เห็นเหลยจงคังที่ยืนอยู่บนเนินเขาด้านข้างกำลังกวักมือมาทางพวกเขา

เฮยหมู่ตาน ต้วนหู่และอู๋ซานเหลี่ยงรั้งบังเหียนหยุดม้าในทันใด วกกลับไปที่ด้านล่างเนินเขา

เฮยหมู่ตานเงยหน้าถาม “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”

ก่อนหน้านี้หนิวโหย่วเต้าให้นางมาหาต้วนหู่และอู๋ซานเหลี่ยงที่อำเภอเป่ยซาน สถานที่ที่จะรวมตัวกันไม่ได้อยู่ที่นี่ ยังต้องเดินทางต่อไปอีกระยะหนึ่ง

มีเสียงฝีเท้าม้าดังกุบกับแว่วมาจากบนเนินเขา มองเห็นหนิวโหย่วเต้าที่นั่งอยู่บนหลังม้าปรากฏตัวขึ้นข้างกายเหลยจงคัง ทอดมองพวกนางลงมาจากด้านบน เท้าทั้งสองข้างกระทุ้งสีข้างม้าเล็กน้อย ม้าพาเขาวิ่งทะยานลงมาจากบนเนิน

เหลยจงคังที่อยู่บนเนินเขาหันหลังเดินกลับไป ผ่านไปครู่หนึ่งก็ควบม้าพุ่งตามลงมาเช่นกัน

“เต้าเหยี่ย!” ต้วนหู่และอู๋ซานเหลี่ยงประสานมือทักทายพร้อมกัน มีสีหน้ายินดีที่ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

แม้นจะยังเป็นผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักอยู่ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ขอเพียงได้พบหนิวโหย่วเต้า พวกเขาก็จะไม่รู้สึกว่าตนยังคงเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักที่ลำบากยากแค้นอีก

“ทุกคนลำบากหน่อยนะ!” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยกับทั้งสองด้วยรอยยิ้มละไม จากนั้นพยักเพยิดหน้าไปทางเฮยหมู่ตาน

เฮยหมู่ตานรีบรายงานทันที “เต้าเหยี่ย ข้าเห็นแล้วเจ้าค่ะ นอกจากโคมไฟแล้ว ใต้ชายคาโรงเตี๊ยมยังมีบุปผาสีแดงดอกใหญ่ที่ดูสะดุดตาอย่างยิ่งแขวนเอาไว้ดอกหนึ่งด้วยเจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ

ต้วนหู่เอ่ยขึ้นมาอีกว่า “เต้าเหยี่ยขอรับ ระหว่างที่พวกเราเดินทางมาอำเภอเป่ยซาน พบเห็นจุดพักม้ากำลังถูกตรวจจับอยู่ขอรับ ลองสอบถามดูแล้ว ดูเหมือนจะเป็นการจับกุมสายสืบที่ซ่อนตัวในจุดพักม้าเหล่านั้นขอรับ”

“ไปเถอะ!” หนิวโหย่วเต้ายิ้มขึ้นมาเล็กน้อย บังคับม้าหักเลี้ยวออกเดินทาง ทั้งสี่คนไล่ตามไป

สำหรับเรื่องที่ต้วนหู่กล่าวถึง ระหว่างทางเขาก็ได้แวะสืบข่าวจากจุดพักม้าแล้วเช่นกัน จ่ายเงินไปเล็กน้อยก็ล้วงข้อมูลจากคนเลี้ยงม้าได้แล้ว จุดพักม้าหลายแห่งล้วนมีเหตุการณ์จับกุมคนขึ้น

เมื่อได้ข่าวเช่นนี้ เขาก็ทราบว่าทางไห่หรูเยวี่ยได้จัดการตามที่เขาบอกแล้ว

อันที่จริงตอนนั้นเขาเองก็สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ในท้องที่ด้วยตัวเองได้ ทว่าเจ้าหน้าที่ระดับล่างพวกนั้นมีความซับซ้อนยุ่งยากเกินไป ไม่มีทางรู้ได้ว่าใครเป็นอย่างไร ไม่มีทางรู้เลยว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นจะมีความจงรักภักดีต่อราชสำนักแคว้นจ้าวสักเท่าไร ไม่มีทางรู้เลยว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นจะมีการขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายจนปิดบังเรื่องนี้เอาไว้หรือไม่ ไม่อาจมั่นใจได้เลยว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นจะไปรายงานราชสำนักได้ทันการหรือไม่ อีกอย่างคือไม่มีผู้ใดรู้ว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นจะเป็นสายสืบเหมือนอย่างพวกคนเลี้ยงม้าเหล่านั้นหรือไม่ ตัวเขาที่ได้เห็นชาวบ้านต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากไม่ค่อยเชื่อใจเจ้าหน้าที่เหล่านั้นสักเท่าไร

ประกอบกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเองก็ไม่มีอำนาจตัดสินใจอะไรมากนัก คนส่วนใหญ่ไม่กล้าแบกรับภาระ แค่ได้รับรายงานเรื่องหนึ่งมาแล้วจะให้พวกเขารายงานขึ้นไปอย่างนั้นเหรอ? หนิวโหย่วเต้าไม่ไว้ใจพวกเขาจริงๆ การรายงานต่อกันขึ้นไปเป็นทอดๆ มีความวุ่นวาย ทำให้เขาเสียเวลา

ในสถานการณ์ที่คลุมเครือไม่เข้าใจ เพื่อความปลอดภัยแล้ว เขายังคงเลือกไปหาไห่หรูเยวี่ยดีกว่า ไห่หรูเยวี่ยทราบชัดเจนดีว่าต้องติดต่อผู้ใดในราชสำนักถึงจะคลี่คลายปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาตัดสินใจถูกต้อง

เดินทางสู่ขอบหล้า ทั้งสี่คนติดตามหนิวโหย่วเต้าเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ทราบว่าจะไปไหน

แม้จะคาดการณ์ได้ว่าจุดพักม้าไม่มีปัญหาแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัย ยามที่หยุดพักระหว่างทาง พวกเขายังคงไม่ไปที่จุดพักม้า หากแต่เลือกค้างแรมในทุ่งกว้างและป่าเขา จะเข้าพักในจุดพักม้าก็ต่อเมื่อฝนตกเท่านั้น พยายามไม่ติดต่อคนของจุดพักม้ามากนัก

วันนี้พวกเขาต้องเผชิญพายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมาอีกครั้ง ทั้งคณะจึงเข้าไปในจุดพักม้าเล็กๆ แห่งหนึ่ง เช่าห้องเพื่อพักผ่อน

ด้านนอกมีฟ้าแลบแปลบปลาบ เสียงฟ้าร้องครืนๆ หนิวโหย่วเต้าแช่อยู่ในถังน้ำ หน้าต่างเปิดอ้าเอาไว้ เอนหลังมองพายุฝนที่โหมพัดอยู่ด้านนอก ด้านข้างวางสุราข้าวหมากกาหนึ่งและกระบี่เล่มหนึ่งไว้ เขารินสุรามาจิบเป็นระยะๆ

เมื่อสุราหมดกา น้ำเองก็เย็นแล้ว เขาถึงได้ลุกออกมา

หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย เขายกมือเคาะผนังไม้ดัง ‘ก๊อกๆ’ สองครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่ง เฮยหมู่ตานเปิดประตูมองเข้ามา จากนั้นเดินออกไปอีกครั้ง เรียกคนงานในจุดพักม้าเข้ามายกถังน้ำออกไป จากนั้นถึงจะหยิบหวีมาช่วยสางผมให้หนิวโหย่วเต้า

“ด้านนอกฝนตกหนัก เหตุใดถึงไม่ปิดหน้าต่างล่ะเจ้าคะ?” เฮยหมู่ตานเอ่ยถาม อันที่จริงนางอยากถามว่าท่านอาบน้ำไม่ปิดหน้าต่างหรือ?

แต่เมื่อนึกถึงว่าตนเองยังอาบน้ำกลางแจ้งได้เลย นางจึงกลืนคำพูดกลับลงไป

“หนิวโหย่วเต้าที่นั่งหลับตาอยู่ตรงนั้นเอ่ยเนิบๆ ว่า ”ฟังลมฟังฝน มองลมมองฝน”

เฮยหมู่ตานพูดอะไรไม่ออก ช่วยหวีผมให้เขาจนเสร็จ จากนั้นหยิบเสื้อผ้าเขาไปซัก ตลอดทางมานี้นางปรนนิบัติรับใช้คนผู้นี้จนรู้สึกชินแล้ว อีกทั้งคนผู้นี้ก็รับการปรนนิบัติจากนางอย่างเป็นธรรมชาติเช่นกัน

คนที่เหลือเองก็พลอยคิดไปโดยปริยาย ต่างคิดว่าระหว่างคนทั้งสองมีอะไรกันอยู่

หลังจากสบายตัวแล้ว หนิวโหย่วเต้าที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยนอนตะแคงลงบนเตียง แขนข้างหนึ่งหนุนศีรษะงีบหลับ

ไม่นานนัก เฮยหมู่ตานที่ซักเสื้อผ้าเสร็จแล้วกลับมาอีกครั้ง เคาะประตูแล้วเดินเข้ามา วางชามใบหนึ่งไว้ตรงหน้าหนิวโหย่วเต้า

หนิวโหย่วเต้าปรือตาเอ่ยถาม “อะไร?”

เฮยหมู่ตานตอบ “น้ำตาลกรวดเจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้ากระดิกนิ้วเล็กน้อย หลับตาลงอีกครั้ง สื่อว่าไม่สนใจจะกิน

น้ำตาลกรวดเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เฮยหมู่ตานเอ่ยว่า “ฝนนี่ประเดี๋ยวตกประเดี๋ยวหยุด อากาศไม่แน่ไม่นอน หรือวันนี้จะพักที่นี่ไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางต่อไหมเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้าลืมตามองท้องฟ้าด้านนอกเล็กน้อย จากนั้นเคลื่อนสายตาไปที่ชามในมือนาง ชะงักไปเล็กน้อย “ลองไปถามจุดพักม้าดูสิว่ามีเนื้อติดมันหรือไม่”

“เนื้อหมูติดมันหรือเจ้าคะ?” เฮยหมู่ตานสงสัย นึกว่าตนฟังผิดไป

“อืม!” หนิวโหย่วเต้าพยักหน้า

เฮยหมู่ตานกล่าวว่า “มีเจ้าค่ะ เมื่อครู่เพิ่งให้พวกเขาเชือดหมูไปตัวหนึ่ง”

หนิวโหย่วเต้าพลิกตัวลุกขึ้นมา เดินออกไปนอกประตู “ข้าเลี้ยงข้าวพวกเจ้าเอง”

“….” เฮยหมู่ตานมึนงง จะเลี้ยงข้าวพวกเรา? จำเป็นด้วยหรือ?

จากนั้น นางเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว เดินตามหนิวโหย่วเต้าไปที่ครัวของจุดพักม้า เมื่อดูจากท่าทางแล้ว ที่แท้เขาจะลงครัวด้วยตัวเอง

เฮยหมู่ตานรีบปรามไว้ “เต้าเหยี่ย จะปล่อยให้ท่านมาทำงานเช่นนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ ให้คนของจุดพักม้าทำก็ได้เจ้าค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า