ตอนที่ 160 ไร้ยางอาย
ระหว่างทาง หลังทำการสังเกตดูเซ่าผิงปอ หนิวโหย่วเต้าก็ค่อยๆ สังเกตเห็นถึงอะไรบางอย่าง
นอกจากตอนที่พบปะพูดคุยกันในป่าแล้ว ในการเดินทางหลังจากนั้นเซ่าผิงปอมิได้ชายตามองเขาเลย มิได้มีท่าทีให้ความสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว ช่วงที่หยุดพักผ่อนระหว่างทาง เขาเองก็ไม่มีโอกาสเข้าใกล้เซ่าผิงปอเลยแม้แต่น้อย
เมื่อครุ่นคิดถึงท่าทีที่ดูเกรงอกเกรงใจของเซ่าผิงปอยามแรกพบ เขาก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้นมาแล้ว อีกฝ่ายมิได้แสดงความเกรงใจเพราะพวกเขาทำอาหารอร่อย หากแต่เป็นเพราะอีกฝ่ายยังไม่ทราบตื้นลึกหนาบางของพวกเขา
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ท่าทีของอีกฝ่ายเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออยู่ตรงไหน? เขาค่อยๆ ทำการวิเคราะห์ไปอย่างช้าๆ
ไม่ใช่เพราะเขายอมรับว่าตัวเองเป็นผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนัก หากแต่เป็นเพราะพฤติกรรมของอีกฝ่ายที่จู่ๆ ก็ไร้มารยาทขึ้นมา เปลี่ยนจากแขกมาทำตัวเป็นเจ้าของแจกจ่ายเนื้อจานนั้นออกไปจนหมด
เหตุผลนั้นเข้าใจได้ไม่ยาก ยามแรกพบ อีกฝ่ายสุภาพมีมารยาท นั่นแปลว่าอีกฝ่ายมิใช่คนไม่เข้าใจมารยาท ดังนั้นการที่จู่ๆ อีกฝ่ายก็ทำตัวไม่มีมารยาทเช่นนั้น มันดูผิดปกติเกินไป!
การที่ทำตัวผิดปกติ แสดงว่าต้องมีปัญหาแอบแฝงอยู่เป็นแน่!
เมื่อเข้าใจในจุดนี้แล้ว หนิวโหย่วเต้าก็นวดหน้าผากเล็กน้อย ถูกคนหยั่งเชิงอย่างเงียบๆ เข้าแล้ว ทางนี้ยังไม่ทันแสดงท่าทีอะไรก็ถูกอีกฝ่ายมองออกเสียแล้ว
ที่สำคัญคือตอนนั้นเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องแสดงท่าทีอะไร เพราะเขาไม่อยากหาเรื่องเดือดร้อน แต่ใครจะไปคิดถึงว่าอีกฝ่ายกลับมาหยั่งเชิงเขาด้วยคิดที่จะลากตัวเขากลับไปเป็นพ่อครัวให้
หนิวโหย่วเต้าปวดหัวเล็กน้อย เจอคนที่รับมือด้วยยากเข้าเสียแล้ว
ทันทีที่ได้สัมผัสกับเซ่าผิงปอ เมื่อวิเคราะห์จากรายละเอียดต่างๆ ดูแล้ว เขาก็รับรู้ได้ว่าความยโสโอหังของคนประเภทนี้นั้นมาจากเนื้อใน
ทั้งๆ ที่เขาแจ้งแล้วว่าตัวเองเป็นคนของจูเก่อสวิน ต้องไปทำภารกิจที่เมืองหลวง แต่ถึงกระนั้นเซ่าผิงปอก็ยังลากเขามาเป็นพ่อครัวอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย เพียงเท่านี้ก็พอจะทราบแล้วว่าคนผู้นี้ไม่เห็นจูเก่อสวินหรือราชสำนักแคว้นหานอยู่ในสายตาในด้วยซ้ำ คนผู้นี้จองหองเพียงใด เพียงแค่คิดดูก็คงจะรู้ได้
แต่อีกฝ่ายดันมิได้หยิ่งยโสเพียงเพราะมีชาติตระกูลหนุนหลังเท่านั้น เมื่อดูจากการที่อีกฝ่ายแสดงท่าทีอ่อนน้อมก่อนค่อยเปลี่ยนท่าที เพียงเท่านี้ก็พอจะทำให้ทราบแล้วว่าเขามิใช่คนไม่รู้หนักรู้เบา หากแต่เป็นคนที่รู้จักรุกรู้จักถอยคนหนึ่ง เป็นคนที่รู้ดีว่าควรจะควบคุมสถานการณ์อย่างไร มิใช่คนประเภทที่ว่าจองหองไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเพราะชาติตระกูลภูมิหลัง ความหยิ่งยโสของอีกฝ่ายมาจากความมั่นใจและอำนาจในการควบคุมของตน คนประเภทนี้มักจะรับมือลำบาก เนื่องจากฉลาดและเยือกเย็น!
อีกทั้งคนประเภทนี้มักจะยึดเหตุผลเหนืออารมณ์ เด็ดเดี่ยวเฉียบขาด จัดอยู่ในประเภทสัตว์เลือดเย็น เขาเคยพบปะพูดคุยกับคนประเภทนี้มาแล้ว ไม่ควรไปยุแหย่เป็นอย่างยิ่ง
หลังจากหยั่งเชิงตื้นลึกหนาบางของพวกเขาแล้ว อีกฝ่ายก็แสดงความดูแคลนออกมาทันที ไม่มีการไว้หน้ากันเลยแม้แต่นิดเดียว จากจุดนี้ยิ่งทำให้มองเห็นได้ชัดเจน!
ทันทีที่เรียบเรียงความคิดได้ หนิวโหย่วเต้ากลับกระตุ้นความตื่นตัวขึ้นมาอย่างเต็มที่ คอยสังเกตดูอย่างละเอียดไปตลอดทาง
ยิ่งสังเกตก็ยิ่งลอบรู้สึกตกใจ คิดไม่ถึงว่าในกลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรจะมีผู้บำเพ็ญเพียรสองคนที่สามารถทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองสองคนนั้นแสดงท่าทีเคารพนอบน้อบได้ กล่าวอีกนัยคือผู้บำเพ็ญเพียรอีกสองรายนั้นมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นบำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองเช่นกัน อีกทั้งมีตำแหน่งสถานะที่สูงกว่าสองคนนั้น แล้วก็ยังมีผู้บำเพ็ญเพียรอีกสองคน ขณะที่พูดคุยกันเหมือนจะวางตัวเสมอกับบำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองสองคนนั้น แปลว่าสองคนนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นบำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองเช่นกัน
จากท่าทีของผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ ที่มีต่อหกคนนี้ รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ บางอย่างแล้ว เขาก็ค่อยๆ มั่นใจขึ้นมาแล้ว คิดไม่ถึงว่าข้างกายเซ่าผิงปอจะมีผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองคอยคุ้มกันอยู่ถึงหกคน!
ในอดีตครานั้น สำนักหยกสวรรค์ส่งผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองมาคุ้มกันซางเฉาจงที่มีความลับเรื่อง ‘กาทมิฬแสนตัว’ อยู่กับตัวแค่กี่คนกัน?
จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าเซ่าเติงอวิ๋นให้ความสำคัญกับบุตรชายคนนี้เป็นอย่างยิ่ง
หนิวโหย่วเต้าไม่ทราบรายละเอียดของเซ่าเติงอวิ๋นมากนัก เพียงได้ยินมาว่าเขาเหมือนจะมีบุตรธิดาสามหรือสี่คน หรือว่าข้างกายของบุตรธิดาทุกคนล้วนมียอดฝีมือติดตามคุ้มกันมากมายเช่นนี้? ผู้บำเพ็ญเพียรโอสถทองมิใช่ผักกาดขาว คล้ายไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือว่าเป็นเพราะเซ่าผิงปอออกมาทำภารกิจด้านนอก?
ทันใดนั้นแนวคิดของหนิวโหย่วเต้าก็ขยายตัวกว้างออกไปทันที
สถานการณ์คร่าวๆ ของมณฑลเป่ยโจวผุดขึ้นมาในหัวหนิวโหย่วเต้าแล้ว อันที่จริงสถานการณ์โดยละเอียดของมณฑลเป่ยโจวเป็นอย่างไร เขาเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเช่นกัน
เซ่าเติงอวิ๋น เดิมทีเป็นแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนแคว้นเยี่ยน ต่อมาทรยศแคว้นเยี่ยนไปสวามิภักดิ์แคว้นหาน เปิดด่านชายแดนให้ทัพใหญ่แคว้นหานเข้ารุกรานโจมตีบ้านเมือง สุดท้ายตัดมณฑลเป่ยโจวทั้งหมดออกไปจากแผนที่แคว้นเยี่ยน คล้ายว่าเพื่อเป็นรางวัลสำหรับการเข้ามาสวามิภักดิ์แก่เซ่าเติงอวิ๋น ให้เขาเป็นผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว ปกครองมณฑลแห่งหนึ่ง
ได้ยินว่าเซ่าเติงอวิ๋นอาศัยบารมีแคว้นหานทำให้แคว้นเยี่ยนไม่กล้าผลีผลามลงมือ ขณะเดียวกันก็อาศัยอำนาจของแคว้นเยี่ยนมาทำให้แคว้นหานเกิดความหวาดระแวง
เวลานี้เมื่อหนิวโหย่วเต้าคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ในฐานะที่เป็นแม่ทัพฝ่ายศัตรูที่มาสวามิภักดิ์ การถูกกลุ่มอำนาจในแคว้นหานต่อต้านคงเป็นเรื่องที่ไม่อาจเลี่ยงได้อย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นก็ยังคิดไม่ถึงว่าเซ่าเติงอวิ๋นจะได้ปกครองมณฑลแห่งหนึ่งรวมถึงมีกองกำลังส่วนตัว ทำให้ผู้ใดก็ไม่อาจทำอันใดเขาได้ จุดนี้ไม่ธรรมดายิ่งนัก!
เดิมทีเซ่าเติงอวิ๋นเหมือนจะเป็นแม่ทัพใหญ่ที่อยู่ใต้บัญชาการของหนิงอ๋องซางเจี้ยนปั๋ว ได้ยินว่าเป็นเพราะราชสำนักต้องการกวาดล้างกองกำลังเก่าของหนิงอ๋อง จึงเป็นการบีบคั้นให้เซ่าเติงอวิ๋นก่อกบฏ!
กองกำลังเก่าของหนิงอ๋องมีอยู่มากมาย ที่ได้ยินว่าถูกกวาดล้างไปแล้วก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แต่คนที่กล้าทรยศแว่นแคว้นอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ดูเหมือนจะมีแค่เซ่าเติงอวิ๋นผู้นี้เพียงคนเดียวเท่านั้น!
ที่น่าแปลกคือ หนิวโหย่วเต้ารู้สึกว่านิสัยเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดของเซ่าเติงอวิ๋นค่อนข้างคล้ายคลึงกับนิสัยของเซ่าผิงปออยู่ทีเดียว เมื่อรวมเข้ากับเหตุการณ์แต่ละอย่างที่สังเกตเห็นได้ในตอนนี้ เขาเริ่มนึกสงสัยขึ้นมารางๆ แล้วว่าการเลือกทรยศอย่างเด็ดขาดของเซ่าเติงอวิ๋นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเซ่าผิงปอกระมัง?
แต่จู่ๆ ก็รู้สึกว่าอาจเป็นตนที่คิดมากไป บางทีอาจเป็นนิสัยที่สืบทอดจากพ่อสู่ลูก พ่อลูกมีนิสัยคล้ายคลึงกัน มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
….
มณฑลเป่ยโจว อดีตแผ่นดินแคว้นเยี่ยน เดิมทีใช้แม่น้ำเป็นตัวแบ่งเขตกับแคว้นหาน ยามนี้แม่น้ำเป็นของแคว้นหาน ดินแดนก็เป็นของแคว้นหานด้วยเช่นกัน
บนแม่น้ำสายใหญ่ เรือพายลำใหญ่จอดรออยู่หลายลำ ขบวนคนและม้าขึ้นเรือพร้อมกัน คนพายเรือกางใบเรือขึ้น ใบพายสองแถวข้างกาบเรือตวัดโยกเป็นจังหวะ เรือแล่นข้ามแม่น้ำ
แม่น้ำกว้างใหญ่ คนพายใช้ความอุตสาหะอยู่หนึ่งเค่อกว่าถึงจะข้ามมาถึงอีกฝั่งได้
เรือเทียบท่า เชือกถูกโยนลงมาจากเรือ มีคนบนท่ารับไปผูกไว้กับเสาเทียบเรือ พาดไม้กระดาน คนทยอยเดินลงจากเรือไป
ที่ท่าเรือมีคนมารอต้อนรับอยู่ไม่น้อย หลังเซ่าผิงปอลงจากเรือก็พยักหน้าทักทายกลุ่มคนที่ประสานมือคำนับเล็กน้อย ไม่ได้พูดคุยกับผู้ใด หากแต่เดินตรงดิ่งเข้าไปหาสตรีนางหนึ่ง
ตอนนี้ต่อให้หนิวโหย่วเต้าที่ลงมาจากเรือทีหลังไม่อยากเห็นสตรีที่อยู่ในกลุ่มคนนางนั้นก็คงเป็นไปได้ยากแล้ว ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่เซ่าผิงปอปฏิบัติต่อนางเป็นพิเศษ เอาแค่ความงามของสตรีนางนั้นที่ดูประหนึ่งหงส์ที่ยืนตระหง่านอยู่ในฝูงกา เพียงเท่านี้ก็ทำให้นางดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า