ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 162

ตอนที่ 162 สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไร้ผู้มีความสามารถ

วาจานี้ทำให้ถังอี๋รู้สึกเป็นห่วงเขาอยู่บ้าง หากลองคิดแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา เขาถูกสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ปฏิบัติด้วยเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ทั้งสองมีสถานะเป็นสามีภรรยากัน ทว่ายามนี้ต้องมาทำตัวต่ำต้อยคอยปรนนิบัตินางกับชายอื่น นางคิดว่าตัวเองพอจะเข้าใจความรู้สึกของเขา จึงรู้สึกละอายใจนัก

อันที่จริงตลอดเวลาที่ผ่านมา นางรู้สึกผิดต่อเขามาโดยตลอด แต่ยังคงเอ่ยอย่างสงบเยือกเย็นว่า “ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจผิดแล้ว”

“เข้าใจผิดหรือ?” หนิวโหย่วเต้ายิ้มเล็กน้อย เอ่ยว่า “วาจานี้แปลกพิกลอยู่บ้าง ข้าเข้าใจอันใดผิดหรือ?”

ถังอี๋กล่าวว่า “ข้ากับเซ่าผิงปอไม่ได้เป็นอย่างเจ้าที่คิด ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันอย่างที่เจ้าเข้าใจ”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยไปว่า “พวกเจ้าจะมีความสัมพันธ์กันอย่างไร มันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยหรือ? ไม่จำเป็นต้องมาอธิบายอะไรกับข้าหรอก แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย ความจริงพวกเราต่างรู้ดี ระหว่างเจ้ากับข้าไม่ได้มีอะไรกัน อีกทั้งระหว่างพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องแบกรับสถานะจอมปลอมที่ไม่มีอยู่จริงนั้นเอาไว้ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน สิ่งที่สมควรพูดข้าได้พูดกับผู้อาวุโสถังไปชัดเจนแล้ว เจ้าจะมีสัมพันธ์อย่างไรกับผู้ใด ล้วนไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย”

ถังอี๋กล่าวว่า “ในอดีตสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ผิดต่อเจ้าจริงๆ ให้เวลาข้าสักหน่อยเถอะ เมื่อถึงเวลาข้าจะมอบคำอธิบายให้เจ้า สิ่งที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ติดค้างเจ้า ข้าจะชดใช้คืนให้เจ้าพร้อมดอกเบี้ย”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “เจ้าสำนักถังกล่าวหนักไปแล้ว สำนักสวรรค์พิสุทธิ์มิได้ติดค้างอันใดข้า ข้าเองก็ไม่ได้ติดค้างอันใดสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เช่นกัน ต่างคนต่างไป ทางใครทางมัน!”

ถังอี๋เอ่ยว่า “โหย่วเต้า ข้ารู้ว่าเจ้าขุ่นเคืองที่ได้รับความไม่เป็นธรรม แต่มีผู้ใดบ้างที่ไม่เคยพานพบความอยุติธรรม สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ในปัจจุบันนี้มิใช่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์เหมือนอย่างเมื่อในอดีตอีกแล้ว เรื่องราวมากมายล้วนเป็นอดีตไปแล้ว กลับมาเถอะ ข้ารับรอง สำนักสวรรค์พิสุทธิ์จะไม่มีผู้ใดมุ่งร้ายต่อเจ้าอีก!”

“กลับไปอย่างนั้นหรือ?” หนิวโหย่วเต้ายิ้มพลางย้อนถาม “กลับไปอย่างไร? ไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะพาศพของตงกัวเฮ่าหรานส่งกลับไป แต่ทันทีที่พบหน้ากลับคิดจะสังหารข้า ข้าไปทำให้ผู้ใดโกรธเคืองอย่างนั้นหรือ? ชีวิตห้าปีในสวนดอกท้อ มีทั้งเรื่องที่ข้ารู้ แล้วก็มีเรื่องที่ข้าไม่รู้ด้วยเช่นกัน พวกเจ้าทำเรื่องงามหน้าอะไรเอาไว้ข้าขอไม่พูดถึง แต่ชีวิตคนเราจะมีช่วงเวลาห้าปีได้กี่ครั้ง? พวกเจ้ากักบริเวณข้าไว้ห้าปีเต็ม หากมิใช่เพราะข้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร ถูไถเอาตัวรอดมาได้ เกรงว่าข้าคงตายโดยไร้ที่ฝังไปนานแล้ว! ”

“หลังลงจากเขา ก็ยังไม่ยอมปล่อยข้าไป ใช้จดหมายฉบับหนึ่งหลอกข้าไปที่วัดหนานซาน ยังคงต้องการสังหารข้าให้ได้ เจ้าอย่าพูดเลยว่าเจ้าไม่รู้เรื่องพวกนี้ ทั้งสำนักสวรรค์พิสุทธิ์รวมถึงตัวเจ้า บ้างก็หวังให้ข้าตายไปโดยเร็ว บ้างก็มองดูข้าไปตายอย่างเย็นชา ข้าขอถามเจ้าหน่อยเถอะ หากเปลี่ยนเป็นเจ้ามาเป็นข้า อยู่ในสำนักเช่นนี้ เจ้าจะรู้สึกผิดหวังหรือเปล่า เจ้าจะกลับไปอย่างไร? เจ้าสำนักถัง มิใช่ว่าข้าคิดเล็กคิดน้อย แต่พวกเจ้าไร้ความปรานีเกินไป เลือดเย็นจนทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว…ตัดเยื่อขาดใยกันไปแล้ว กลับไม่ได้แล้ว!”

ถังอี๋ส่ายหน้าเบาๆ “สิ่งที่เจ้าพูดมาข้าล้วนเข้าใจ ความรู้สึกของเจ้าข้าเองก็เข้าใจเช่นกัน แต่สถานการณ์ของเจ้าในยามนี้อันตรายยิ่งนัก ราชสำนักแคว้นเยี่ยนไม่มีทางละเว้นเจ้า แต่ถ้าอยู่ที่นี่ อย่างน้อยราชสำนักแคว้นเยี่ยนก็ไม่กล้าวู่วามทำอะไรเจ้าง่ายๆ”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ฟังจากที่เจ้าพูดมา ความหมายของเจ้าคือถ้าแยกจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ข้าคงไปไม่รอดกระมัง?”

ถังอี๋ตอบว่า “เจ้าคิดมากไปแล้ว อย่างน้อยข้าก็สามารถรับประกันความปลอดให้เจ้าได้ระดับหนึ่ง”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “กังวลมากไปแล้ว ข้าเอาตัวรอดจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์มาได้ อยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ได้ ข้าเองก็มิได้กระจอกอย่างที่เจ้าคิด”

ถังอี๋กล่าวว่า “โหย่วเต้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถือทิฐิ”

หนิวโหย่วเต้าตอบกลับ “เป็นเจ้าต่างหากที่คิดมากไปแล้ว ข้าขอพูดตรงๆ แล้วกัน สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไม่คู่ควรให้ข้าถือทิฐิ ข้าไม่อยากกลับไป เป็นเพราะข้าไม่อยากแบกรับภาระอย่างสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ เรื่องที่คนทั้งสำนักสวรรค์พิสุทธิ์กระทำต่อข้า ข้าปล่อยวางได้ ถือเสียว่าตอบแทนน้ำใจตงกัวเฮ่าหราน แต่ข้าไม่อาจตอบแทนความแค้นด้วยเมตตาได้ คนอย่างพวกเจ้า ไม่คู่ควรให้ข้ากลับไปทุ่มเทแรงกายแรงใจให้!”

ถังอี๋ยังคงเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าทำอะไรเลย แล้วก็ไม่ได้ต้องการให้เจ้าทุ่มเทแรงกายแรงใจให้ด้วย เป็นสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ที่ผิดต่อเจ้า เจ้าอยู่อย่างสำราญใจได้เลย”

“สำราญใจงั้นหรือ?” หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ ราวกับได้ยินเรื่องน่าขันที่สุดในโลก เขาถอนใจพลางเอ่ยว่า “ถังอี๋ เจ้าสำนักถัง ดูเหมือนความเข้าใจระหว่างเจ้ากับข้าจะต่างกันไม่น้อยเลย การกลับไปที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ต่างหากล่ะที่จะเป็นจุดเริ่มต้นความเดือดร้อนของข้า เรื่องบางเรื่องหากเข้าไปยุ่งกับมันแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหนีพ้นได้ ยังไม่ต้องมองไปไหนไกล เซ่าผิงปอไม่มีทางละเว้นข้าแน่!

ถังอี๋ขมวดคิ้ว “ข้าขอย้ำอีกครั้ง เจ้าคิดมากไปแล้ว ระหว่างข้าและเซ่าผิงปอมิได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด ข้ากับเขามิได้มีความสัมพันธ์อันน่าอายอันใด ข้าซื่อตรงไร้เรื่องละอายใจ แล้วก็ไม่ได้ทำผิดต่อเจ้า…ไม่ได้ทำผิดต่อสถานะของพวกเรา เอาอย่างนี้แล้วกัน ที่เซ่าผิงปอแสดงน้ำใจต่อข้าอย่างเปิดเผยเพราะมีเป้าหมายอื่นอยู่ต่างหาก”

“โอ้!” คำพูดนี้ต่างหากที่ทำให้หนิวโหย่วเต้านึกสนใจขึ้นมาจริงๆ สายตาเป็นประกายขึ้นมา ถามด้วยความสนใจว่า “เขามีเป้าหมายอะไร?”

“ในเมื่อเจ้าเป็นกังวลถึงเพียงนี้ ข้าเองก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของเจ้าได้…” ถังอี๋ขยับเข้ามา เดินเข้ามาใกล้เขา เอ่ยกระซิบอยู่ข้างกายเขาว่า “เป้าหมายของเซ่าผิงปอมิใช่ตัวข้า หากแต่เป็นจ้าวสยงเกอแห่งยอดเขาภูตมาร จ้าวสยงเกอต่างหากคือเป้าหมายที่เขาต้องการ”

ทั้งสองอิงแอบแนบชิด ครั้งสุดท้ายที่ใกล้ชิดกันขนาดนี้เป็นตอนที่ทั้งสองเกี่ยวแขนดื่มสุรากันในสวนดอกท้อ กลิ่นกายหอมเจือจางของสตรีนางนี้ได้กระตุ้นความทรงจำบางอย่างของเขาขึ้นมา หนิวโหย่วเต้ามองนางที่อยู่ในระยะใกล้แวบหนึ่ง ร้องโอ้แล้วกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาไม่ได้หมายตาเจ้าด้วย?”

เหตุใดในวาจานี้ถึงคล้ายมีความรู้สึกหึงหวงแฝงเอาไว้อยู่? ถังอี๋ไม่รู้เช่นกันว่าควรจะดีใจหรือไม่ อดไม่ได้ที่จะมองเขาอีกครั้ง ตอบไปว่า “เขาจะคิดอย่างไร ข้าไม่สนใจทั้งนั้น ข้ามีขอบเขตของตัวเอง หากเจ้าเปิดเผยตัวตนกลับมา เขาย่อมต้องรู้ตัวแล้วถอยออกไป!”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เจ้าสำนักถัง เจ้าโง่หรือข้าโง่กันแน่? ไม่ว่าเขาจะหมายตาเจ้าหรือต้องการตัวจ้าวสยงเกอ เขาก็ต้องคว้าตัวเจ้ามาให้ได้ก่อนถึงจะเข้าใกล้จ้าวสยงเกอได้ หากข้ากลับไปยังสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ นั่นมิเท่ากับกลายเป็นหินขวางเท้าเขาหรอกหรือ เกรงว่าเรื่องแรกที่เซ่าผิงปอจะทำก็คือกำจัดข้าทิ้ง จะปกป้องข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าล้อเล่นอยู่หรือไง? ”

ถังอี๋ผงะไปเล็กน้อย นางเอาแต่คิดจะเกลี้ยกล่อมให้เขากลับมาจนมองข้ามเรื่องนี้ไปเสียได้ เมื่อทบทวนดูแล้ว พบว่ามีอันตรายอย่างที่อีกฝ่ายว่ามาอยู่จริงๆ “ข้าเพียงอยากให้เจ้าเข้าใจว่าเรื่องราวมันมิใช่อย่างที่เจ้าคิด ความคิดของเขาข้าทราบกระจ่างดี อีกทั้งสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ก็จำเป็นต้องอาศัยอำนาจของเขาในการฟื้นฟูสำนักด้วย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า