ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 176

ตอนที่ 176 มีหน้ามีตาอย่างยิ่ง

จากนั้นก็นึกเชื่อมโยงไปถึงคำว่า ‘เต้าเหยี่ย’ ที่ชายคนนั้นเรียกก่อนหน้านี้อีกครั้ง เซวียนหยวนเต้า? หรือว่านามเซวียนหยวนเต้านี้ต่างหากที่เป็นชื่อจริงของเขา?

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าเล็กน้อย แสดงท่าทางคล้ายประหลาดใจ เอ่ยถามว่า “ถูกต้อง เถ้าแก่มีเรื่องใดจะแจ้งหรือ?”

เถ้าแก่ยิ้มแย้มเอ่ยว่า “ผู้น้อยคือฉู่อันโหลว ต้องขออภัยที่ทำให้ท่านเซวียนหยวนต้องคอยเสียนาน ที่พักของท่านจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว เชิญตามข้ามาได้เลยขอรับ”

เมื่อได้ยินวาจานี้ ปฏิกิริยาของพวกเผยเหนียงจื่อเป็นอย่างไรย่อมไม่ต้องเอ่ยถึง ดวงตากลมโตของชายหนุ่มตุ้งติ้งเกือบเบิกโตเท่าไข่ห่าน นี่มีอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า?

พวกเฮยหมู่ตานพากันลอบทอดถอนใจ เจ้าดูสิ ดูเอาสิ คนแบบไหนที่เรียกว่ายอดคนน่ะหรือ แบบนี้อย่างไรเล่า!

ทว่าหนิวโหย่วเต้ากลับทำท่าคล้ายสงสัย เอ่ยถามว่า “เหมือนจะยังไม่มีคนคืนห้องพักหรือเปล่า?”

เถ้าแก่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรขอรับ ทางเราจัดการให้ท่านเรียบร้อยแล้วขอรับ”

ชายหนุ่มตุ้งติ้งพลันทนไม่ไหว หนึ่งล้านเหรียญทองเชียวนะ! ตะโกนขึ้นมาว่า “เถ้าแก่ ท่านไร้เหตุผลนัก ข้าจ่ายเงินจองก่อน เขามีสิทธิ์อะไรถึงได้เข้าพักก่อน?”

พวกเผยเหนียงจื่อตกใจกับคำพูดนี้ของนางเป็นอย่างมาก เกือบจะหลุดปากตะโกนเรียกบรรพบุรุษของนางแล้ว โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งแห่งนี้ใช่ที่ที่พวกเราจะล่วงเกินได้หรือ?

เผยเหนียงจื่อรีบยื่นมือไปดึงแขนนางไว้ ออกแรงบีบทีหนึ่ง หลังจากชายหนุ่มตุ้งติ้งรู้สึกเจ็บก็ได้สติกลับมาเช่นกัน ท่าทีอ่อนลง มุมปากห้อยตกลงไป ดูคับข้องหมองใจอยู่หลายส่วน

เถ้าแก่กวาดตามองชายหนุ่มตุ้งติ้งด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเอ่ยถามหนิวโหย่วเต้าอย่างยิ้มแย้มอีกครั้งว่า “นี่ใช่สหายของท่านเซวียนหยวนหรือไม่ขอรับ?”

พวกเผยเหนียงจื่อสังเกตเห็นท่าทีของเถ้าแก่แล้ว แล้วก็ฟังความหมายที่แฝงอยู่ในวาจาของเถ้าแก่ออก หากเป็นสหายก็มีวิธีต้อนรับในฐานะสหาย หากมิใช่สหายก็มีวิธีต้อนรับของคนที่มิใช่สหาย จิตใจพลันตึงเครียดขึ้นมา

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ “เป็นสหายของข้าเอง ทำไม มีปัญหาหรือ?”

“ไม่มีปัญหาไม่มีปัญหาขอรับ” เถ้าแก่รีบโบกมือ จากนั้นก็เอ่ยกับชายหนุ่มตุ้งติ้งด้วยรอยยิ้ม “แม่นางคงจะยังไม่ทราบ ท่านเซวียนหยวนเป็นแขกคนสำคัญ นี่เป็นห้องพักรับรองที่จัดแยกไว้ต่างหาก มิใช่ห้องพักที่เปิดให้บริการต่อภายนอกขอรับ”

เมื่ออีกฝ่ายแสดงท่าทีออกมา พวกเผยเหนียงจื่อก็โล่งอก มองไปทางหนิวโหย่วเต้าด้วยสายตาที่แฝงไว้ด้วยความตื้นตัน ขณะเดียวกันก็ยิ่งประหลาดใจระคนสงสัย ‘คุณชายหลี่’ ผู้นี้เป็นใครกันแน่ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งจัดให้เป็นแขกคนสำคัญได้?

ชายหนุ่มตุ้งติ้งเม้มปาก ไม่กล้าแสดงท่าทีไม่พอใจที่อีกฝ่ายมาเรียกขานตนว่า ‘แม่นาง’ ไม่กล้าเอาคำว่าตาบอดที่ใช้ด่าหนิวโหย่วเต้าก่อนหน้านี้มาใช้กับอีกฝ่าย

“แขกคนสำคัญหรือ?” หนิวโหย่วเต้าคล้ายจะฉงนอยู่บ้าง ชี้ที่ตัวเอง “ข้าน่ะหรือ? ข้านับเป็นแขกคนสำคัญเสียที่ไหน เถ้าแก่จำคนผิดหรือเปล่า?”

“เป็นแขกคนสำคัญจริงๆ ขอรับ” เถ้าแก่ยิ้มพร้อมพยักหน้า ผายมือเชิญให้ไปด้วยกัน “เชิญท่านเซวียนหยวนตามข้าไปยังห้องพักได้เลยขอรับ”

หากมีเพียงนาม ‘เซวียนหยวนเต้า’ นามเดียว บางทีอาจจะมีความเข้าใจผิดกันได้ แต่หลังจากตรวจสอบยืนยันชื่อที่พวกเฮยหมู่ตานลงชื่อแล้ว เขาก็ทราบว่าไม่มีทางผิดพลาด

“เรื่องไปห้องพักไม่ต้องรีบร้อน หากข้าเป็นแขกคนสำคัญจริง เช่นนั้น ข้าเพิ่งมาเยือนหอหิมะเหมันต์เป็นครั้งแรก ยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่ เถ้าแก่ไปเดินเล่นด้านนอกเป็นเพื่อนข้าสักหน่อยได้หรือไม่?” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยการทดสอบและหยั่งเชิง

เถ้าแก่หัวเราะฮ่าๆ เข้าใจไปเองว่าเขาคงยังไม่เชื่อสักเท่าไร ดังนั้นจึงพยักหน้ารับ “ทำไมจะไม่ได้ล่ะขอรับ ตกลง ข้าจะไปเดินเล่นกับท่านเดี๋ยวนี้ ท่านเซวียนหยวนโปรดรอประเดี๋ยว เดี๋ยวข้าขอไปสั่งงานสักครู่” กล่าวจบก็เดินไปทางโต๊ะเก็บเงิน เอ่ยสั่งการเสี่ยวเอ้อที่อยู่หลังโต๊ะเก็บเงินครู่หนึ่ง

จากนั้นเดินกลับมา ผายมือเชิญหนิวโหย่วเต้าอีกครั้ง

ผู้ใดจะทราบว่าหนิวโหย่วเต้ากลับชี้ไปที่พวกเผยเหนียงจื่อ เอ่ยถามว่า “สหายของข้าเข้าพักด้วยกันได้หรือไม่?”

“ในเมื่อเป็นสหายของท่านเซวียนหยวน ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ท่านต้องลำบากใจขอรับ” เถ้าแก่ตอบตกลงอย่างเต็มปาก หันกลับไปกวักมือเรียกเสี่ยวเอ้อสองสามคนมา ชี้ไปทางพวกเผยเหนียงจื่อ “พาสหายของท่านเซวียนหยวนไปยังห้องพักแขกคนสำคัญ”

พวกหนิวโหย่วเต้าเดินออกจากโรงเตี๊ยมไปโดยมีเถ้าแก่คอยนำทาง ไปเดินเล่นชมสถานที่ที่เรียกว่าหอหิมะเหมันต์

พวกเผยเหนียงจื่อที่ยืนอยู่ที่เดิมมองดูพวกหนิวโหย่วเต้าอย่างมึนงง เสี่ยวเอ้อที่ยืนอยู่ตรงหน้าเอ่ยเชิญซ้ำๆ ไม่รู้เลยว่าควรตามเสี่ยวเอ้อไปหรือไม่

สิ่งที่ทำให้ทั้งสี่ตกตะลึงยิ่งกว่านั้นคือเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งไปเดินเล่นชมหอหิมะเหมันต์เป็นเพื่อนหนิวโหย่วเต้าด้วยตัวเอง ตอนที่เห็น ‘คุณชายหลี่’ คนนี้ควักตั๋วแลกทองปึกหนึ่งออกมาซื้อความสงบในจุดพักหน้าก่อนหน้านี้ พวกเผยเหนียงจื่อก็รู้สึกได้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดา ไม่กล้าทำอะไรล่วงเกินอีกฝ่าย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่คล้ายยิ่งเป็นการตอกย้ำการคาดเดาของพวกเขา

พวกเผยเหนียงจื่อตกใจระคนสงสัยเป็นอย่างมาก กำลังใคร่ครวญอยู่ว่า ‘คุณชายหลี่’ ผู้นี้เป็นใคร มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ เซวียนหยวนเต้าหรือ? ใต้หล้านี้มียอดคนแซ่เซวียนหยวนด้วยหรือ? หรือว่าสำนักและเบื้องหลังของคนผู้นี้จะยิ่งใหญ่จนน่าตกตะลึง?

สรุปแล้วไม่ว่าอย่างไร พวกเขาต่างแอบรู้สึกโชคดีอยู่ในใจ โชคดีที่ไม่ได้ก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นที่จุดพักม้า มิเช่นนั้นก็ไม่รู้เลยว่าจะเกิดปัญหาใหญ่โตอันใดขึ้นหรือไม่

พวกเผยเหนียงจื่อทั้งสามมองไปทางคุณชายที่ตกตะลึงเหม่อลอย โอดครวญอยู่ในใจ เคยบอกเจ้าแล้วว่าอย่าได้หุนหันพลันแล่น เจ้าก็ไม่ฟัง ตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ หนึ่งล้านเหรียญทองเชียวนะ! สำหรับคนอื่นแล้ว นี่คือเงินจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งเลยนะ! มิใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย!

ไม่สิ ไม่ใช่แค่หนึ่งล้านเหรียญทอง เป็นสองล้านเหรียญทองต่างหากล่ะ ยังมีเดิมพันไปเยือนสถานที่พำนักอันงดงามแห่งนั้นอีกหนึ่งล้านเหรียญทอง ดีไม่ดีอาจจะแพ้เดิมพันเช่นกันก็ได้

จากสถานการณ์ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้ามันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว เถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งมีท่าทีเป็นมิตรอ่อนน้อมเช่นนี้ หากเซวียนหยวนเต้าคนนั้นคิดจะเข้าไปในพื้นที่งามวิจิตรแห่งนั้นเกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า