ตอนที่ 189 ไม่ใส่ใจงานหลัก
ภาพนี้ มีเพียงพื้นที่ตรงกลางที่มีตัวคนเป็นจุดศูนย์กลางที่เก็บรายละเอียดจนค่อนข้างเหมือนจริง ส่วนองค์ประกอบรอบข้างเพียงวาดออกมาอย่างง่ายๆ พอสังเขป
กระทั่งวาดเสร็จเรียบร้อย หานปิงจุ๊ปากพลางอุทานชื่นชม “ฝีมือยอดเยี่ยมจริงๆ!”
สาวใช้หลายคนที่แอบมองอยู่ด้านข้างพากันนึกอิจฉา ปกติก็เป็นเพียงกำแพงบุปผาที่ไม่ได้มีความพิเศษใดๆ เวลาท่านประมุขยืนอยู่ตรงนั้นก็ดูคล้ายไม่มีอะไร แต่เหตุใดพอวาดออกมาถึงได้ให้ความรู้สึกงดงามเช่นนั้นได้ ราวกับกำแพงบุปผาจะตามติดท่านประมุขไปด้วยตลอดกาล
งดงามนัก! งามเหลือเกิน! เสี่ยวหรงที่สามารถเข้าไปมองใกล้ๆ ได้ยิ่งมีแววตาตื่นตะลึง นางเองก็อยากได้ภาพแบบนี้เช่นกัน ถ้าได้ไปแขวนไว้ในห้องและเฝ้ามองทุกวันคงจะดียิ่ง แต่ด้วยราคาแสนเหรียญทองต่อหนึ่งภาพ ทำให้นางเอื้อมไม่ถึงจริงๆ
นอกจากเพียงแค่คิดๆ แล้ว นางก็ทำได้เพียงคร่ำครวญอยู่ในใจเท่านั้น ชะตาคนเราแตกต่างกัน เมื่อเทียบกับท่านประมุขแล้ว ชะตาของตนไม่ได้ดีปานนั้น
เสวี่ยลั่วเอ๋อร์ที่ถูกเชิญเข้ามาดูยืนจ้องมองอยู่หน้าภาพพักใหญ่
ผ่านไปพักหนึ่ง หานปิงเอ่ยถามอีกครั้ง “คุณหนู ภาพเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
“ดี!” เสวี่ยลั่วเอ๋อร์พยักหน้าตอบอย่างเยือกเย็นอีกครั้ง
“รีบไปยกภาพขึ้นมา เก็บไว้ให้ดี!” หานปิงโบกมือสั่งสาวใช้เหล่านั้นอย่างมีความสุข
“เจ้าค่ะ!” มีสาวใช้สองคนเข้าไปจัดการอีกครั้ง
สถานที่วาดภาพแห่งต่อไปคือประตูวงเดือนแห่งหนึ่ง ด้านหลังประตูวงเดือนมีศาลาพลับพลาตั้งเรียงราย เสวี่ยลั่วเอ๋อร์ยืนอยู่ตรงประตูวงเดือนที่เป็นทรงกลม ท่าทางคล้ายจะเดินผ่านประตูวงเดือนจากฝั่งนั้นข้ามมาฝั่งนี้
เมื่อวาดเสร็จเรียบร้อย ศาลาพลับพลางามงด สวนทอดตัวลึกเข้าไป ขับเน้นให้โฉมงามนางหนึ่งที่เดินออกมาจากประตูวงเดือนยิ่งดูงดงาม
เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ปกติแล้วไม่เห็นมีความน่าอัศจรรย์อันใด แต่องค์ประกอบภายในภาพกลับทำให้คนต้องลอบถอนใจซ้ำแล้วซ้ำอีก หานปิงพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้นว่า “ท่านเซวียนหยวนมีฝีมือในการเลือกภาพพื้นหลังจริงๆ”
ครั้งนี้นางรู้สึกจริงๆ แล้วว่าล้านเหรียญทองที่จ่ายไปช่างคุ้มค่ายิ่งนัก ความสามารถเป็นสิ่งที่ไม่อาจประเมินค่าได้
หนิวโหย่วเต้ากล่าวอย่างถ่อมตัว “ท่านแม่บ้านชมเกินไปแล้ว ข้าค่อยๆ ไตร่ตรองออกมา เมื่อคืนครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจได้”
สำหรับเขาแล้ว ความจริงเรื่องนี้ไม่ได้ยากลำบากอะไรเลย ถึงไม่เคยกินหมูต้องเคยเห็นหมูบ้างหรือเปล่า? เขาก็แค่นำรูปแบบจากผลงานภาพถ่ายในชาติก่อนมาใช้เท่านั้น
หานปิงเอ่ยว่า “ลำบากท่านเซวียนหยวนแล้ว”
เสวี่ยลั่วเอ๋อร์รู้สึกว่าคนในภาพต้องการทำลายพันธนาการของสวนที่ทอดตัวลึกเข้าไป คล้ายว่าอยากก้าวออกมาจากในสวนเพื่อรู้จักโลกใบใหม่ หลังจ้องมองภาพอยู่เป็นเวลานาน นางก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เก็บให้ดี!”
หานปิงได้ฟังก็ทราบว่าคุณหนูชอบภาพนี้มาก รีบโบกมือสั่ง “รีบเก็บให้ดี!”
สถานที่ที่ใช้วาดภาพต่อไปคือศาลาแห่งหนึ่ง หนิวโหย่วเต้าให้คนจัดวางตั่งเอาไว้ตัวหนึ่ง ให้เสวี่ยลั่วเอ๋อร์นอนตะแคงอยู่บนตั่ง ขาข้างหนึ่งงอเล็กน้อย มือข้างหนึ่งเท้าศีรษะไว้ มืออีกข้างถือหนังสือเล่มหนึ่งเปิดอ่าน ด้านหลังตั่งคือหน้าต่างทรงกลมบานหนึ่ง นอกหน้าต่างมีเงาพฤกษาไหวเอน
เสวี่ยลั่วเอ๋อร์นอนตะแคงเช่นนี้ ทำให้สัดส่วนโค้งเว้าที่ในเวลาปกติไม่เคยเผยให้เห็นปรากฏออกมา ลายเส้นโค้งเว้าอันงดงามตั้งแต่ช่วงเอวจนมาถึงช่วงขาที่เรียวยาวล้วนปรากฏออกมาให้เห็นจนหมด
ถ้าเปลี่ยนเป็นเวลาปกติ หากชายใดกล้าสั่งให้เสวี่ยลั่วเอ๋อร์ทำเช่นนี้ล่ะก็ นั่นนับว่าเขาผู้นั้นกำลังดูหมิ่นประมุขหอหิมะเหมันต์อยู่ จะต้องถูกทุบตีจนตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน
แต่ในวันนี้สตรีเหล่านี้ล้วนฟั่นเฟือนไปหมดแล้ว ตั้งแต่เบื้องบนอย่างหานปิงจนถึงระดับล่างอย่างเหล่าสาวใช้ คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีใครนึกสงสัยเลยแม้แต่คนเดียว กลับกลายเป็นว่าหนิวโหย่วเต้าพูดอย่างไรก็ว่ากันไปตามนั้น ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
หนิวโหย่วเต้ายืนชี้นั่นชี้นี่อยู่หน้ากระดานวาดภาพ สั่งให้ทางนี้ยกเตามาจุดกำยาน สั่งให้ทางนั้นจัดวางตู้ใบหนึ่งไว้
ทั้งกลุ่มยุ่งง่วน หนิวโหย่วเต้ามองสตรีที่นอนตะแคงอยู่บนตั่ง แอบหัวเราะในใจ รูปร่างของผู้หญิงคนนี้ไม่เลวเลย ถ้าไม่กลัวว่าจะมีปัญหา เขาคงจะหลอกล่อนางวาดภาพเปลือยไปแล้ว ถ้าหากไม่ได้ อย่างนั้นก็ยอมถอยให้ก้าวหนึ่ง เอาแบบเสื้อผ้าหลุดวับๆ แวมๆ ก็ได้
ก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ เมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ สมองของผู้หญิงจะไม่สามารถครุ่นคิดถึงปัญหาตามปกติได้ เป็นประมุขหอหิมะเหมันต์แล้วยังไงเล่า?
แต่เขาไม่กล้าทำเช่นนั้นน่ะสิ อีกประเดี๋ยวหากคนกลุ่มนี้ได้สติกลับคืนมา บุรุษที่ได้เห็นประมุขหอหิมะเหมันต์ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยจะรอดชีวิตออกไปได้หรือ
แต่แน่นอน ยังคงมีคนที่รู้สึกว่าท่านประมุขที่อยู่ในท่านี้คล้ายจะวาบหวิวไปเสียหน่อย จึงไล่บุรุษที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป อีกทั้งที่นี่ไม่มีพระอาทิตย์ ไม่ต้องกางร่ม ฉู่อันโหลวย่อมต้องถูกไล่ออกไปด้วย
หยวนกังที่ถูกเชิญออกไปด้วยบ่นอยู่ในใจ เต้าเหยี่ยไม่ใส่ใจงานหลักเลย!
อันที่จริงบางครั้งหยวนกังก็รับหนิวโหย่วเต้าไม่ได้เช่นกัน ปากมักจะชอบบอกว่าไม่ชอบต่อสู้ฆ่าฟัน แต่ในความเป็นจริงเรื่องต่อสู้ฆ่าฟันกลับเคยทำมาไม่น้อย ทำเรื่องต่อสู้ฆ่าฟันแต่ก็ชอบทำเรื่องที่ดูสูงส่งสง่างามด้วย เช่นคัดอักษร วาดภาพ ดีดพิณ สีซอ ร้องงิ้วอะไรทำนองนั้น ใช้คำพูดสวยหรูบอกว่าเพื่อบ่มเพาะฟูมฟักจิตใจ
แต่หยวนกังมองว่านั่นเป็นแค่การอาศัยศิลปะบังหน้าเท่านั้น ต่อให้เล่นพิณหมากตำราภาพอันใด คนอื่นเขาก็คิดว่าคุณเป็นหัวหน้ากลุ่มอันธพาลอยู่ดี!
พอวาดภาพออกมา เหล่าสาวใช้จ้องมองภาพวาดด้วยความอิจฉาอย่างยิ่ง
ด้านนอกหน้าต่างมีเงาไม้ไหวเอน โฉมงามนอนตะแคงอยู่ด้านในหน้าต่าง ในมือถือตำรา ควันกำยานลอยอ้อยอิ่ง
ท่านประมุขที่ถูกขับเน้นด้วยบรรยากาศและกลิ่นอายเหล่านั้นช่างดูสูงส่งงามสง่า อีกทั้งในความสง่างามยังแฝงไว้ด้วยความเกียจคร้านเล็กน้อย เมื่อประกอบเข้ากับบุคลิกเย็นชาของท่านประมุขแล้ว ความรู้สึกนั้นยิ่งเด่นชัด ทำให้เหล่าสาวใช้รู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมากจริงๆ
หานปิงอดหันมองไปทางหนิวโหย่วเต้าไม่ได้ พบว่าคนผู้นี้มีความสามารถในการจัดวางองค์ประกอบโดยแท้ หรือจะเคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าจัดวางเช่นนี้แล้วจะงดงาม?
แม้แต่ตัวเสวี่ยลั่วเอ๋อร์ที่ลุกเดินเข้ามาดูภาพก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าตนจะมีอีกด้านหนึ่งที่แตกต่างออกไปเช่นนี้ด้วย
ภาพวาดย่อมถูกนำไปเก็บไว้อีกครั้ง
พอวาดภาพนี้เสร็จก็เป็นเวลาเที่ยงตรงพอดี ด้วยเงื่อนไขเรื่องแสงแดด หากไปที่ยอดเขาด้านหลังหอหิมะเหมันต์ก็จะเป็นเวลาเหมาะพอดี นี่คือแผนที่คำนวณไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ช่วงเช้า
กลุ่มคนจากหอหิมะเหมันต์ตื่นเต้นยิ่งนัก อยากเห็นว่าจะมีภาพวาดใหม่ๆ ที่งดงามราวกับความฝันอันใดออกมาอีก
ยามที่ทั้งกลุ่มเก็บข้าวของและกำลังจะออกจากวิมานอันงามวิจิตร หนิวโหย่วเต้าให้หยวนกังรั้งอยู่ที่นี่ ไม่ให้ตามไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า