ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 191

ตอนที่ 191 เจรจา

ฉู่อันโหลวไม่สนใจเรื่องที่หนิวโหย่วเต้าถูกเมิน เขาหัวเราะฮ่าๆ ประสานมือพลางกล่าวว่า “เจ้าสำนักหวงก็ยังคงงามสง่าเช่นในอดีต!”

ถูกเมินหรือเปล่า หนิวโหย่วเต้าก็ไม่สนใจเช่นกัน เดิมทีเรื่องบางเรื่องมันก็อยู่ในความคาดหมายอยู่แล้ว จึงผายมือไปทางด้านข้าง “เชิญนั่ง!”

ฉู่อันโหลวนั่งกลับลงไปบนเก้าอี้อีกครั้ง ผายมือเชิญหวงเลี่ยนั่งเช่นกัน

หวงเลี่ยเดินไปนั่งลงข้างโต๊ะ ผู้ติดตามอีกสามสี่คนยืนอยู่ด้านหลังเขา

หนิวโหย่วเต้าก็นั่งลงเช่นกัน พวกหยวนกังยืนอยู่ด้านหลังเขา

จากสถานการณ์ในตอนนี้ คนที่ได้นั่งมีเพียงพวกเขาสามคน

หนิวโหย่วเต้าสั่งให้เฮยหมู่ตานยกน้ำชาขึ้นโต๊ะ

หวงเลี่ยกลับไม่มีทีท่าว่าจะดื่มชา จ้องมองฉู่อันโหลวพลางกล่าวว่า “เถ้าแก่ฉู่ หากหอหิมะเหมันต์มีเรื่องใดจะสั่งการ เพียงเอ่ยมาคำเดียว สำนักเขามหาญาณย่อมต้องปฏิบัติตามอย่างแน่นอน แต่ที่ให้แซ่เลี่ยเดินทางมาในครั้งนี้ แซ่เลี่ยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร”

นี่เท่ากับเป็นการพูดตรงๆ ว่าหากมิใช่เพราะเห็นแก่หน้าหอหิมะเหมันต์ ครั้งนี้เขาไม่มีทางเดินทางมาเด็ดขาด

ฉู่อันโหลวกล่าวว่า “เจ้าสำนักหวง กล่าวหนักเกินไปแล้ว หรือว่าทางร้านค้าของสำนักท่านไม่ได้ถ่ายทอดคำพูดของข้า? เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะพูดอีกครั้ง เรื่องระหว่างพวกท่านไม่เกี่ยวข้องอันใดกับทางเรา กฎระเบียบของหอหิมะเหมันต์พวกท่านเองก็รู้ พวกเราไม่มีทางสอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกท่าน พวกท่านอยากจัดการอย่างไรก็จัดการได้เลย พวกเราไม่เข้าไปก้าวก่ายเด็ดขาด”

เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ความจริงแล้วเขาอยากเปิดเผยความสัมพันธ์ของหนิวโหย่วเต้ากับหอหิมะเหมันต์เป็นอย่างยิ่ง เขาอยากจะพูดออกไปว่าคนผู้นี้ได้พักอยู่ที่นี่เพราะมาช่วยวาดภาพให้ท่านประมุขเท่านั้น

เพียงแต่หนิวโหย่วเต้าวางแผนนำไปหนึ่งก้าว เขาตกลงกับหานปิงเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว หานปิงรับปากเขาเอาไว้ว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่เขาช่วยวาดภาพให้เสวี่ยลั่วเอ๋อร์ แล้วก็ได้สั่งการลงมาแล้ว

หานปิงออกปากทั้งที ฉู่อันโหลวไหนเลยจะกล้าพูดอะไรเหลวไหล

เหลวไหล! หวงเลี่ยลอบสบถในใจ แล้วการที่เจ้าเด็กนี่ยังนั่งอยู่ที่นี่มันหมายความว่าอย่างไร? ตัวข้าได้ขึ้นมาบนนี้ก็เพราะเจ้าเด็กนี่ ส่วนตัวเจ้าฉู่อันโหลวก็มานั่งดูพวกเราเจรจาอยู่ที่นี่ ทำแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรล่ะ? แบบนี้ไม่เรียกว่าไม่ก้าวก่ายอีกเรอะ?

หวงเลี่ยมองหนิวโหย่วเต้าด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าเชิญข้ามา สรุปแล้วมีเรื่องใดกันแน่?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ได้ยินว่าสำนักเขามหาญาณต้องการสังหารข้าอย่างนั้นหรือ?”

หวงเลี่ยตอบว่า “ไม่มีเรื่องเช่นนี้” ถึงต่อให้มี เขาก็ไม่มีทางยอมรับออกมา เพราะเขายังไม่ทราบว่าหนิวโหย่วเต้าเป็นอะไรกับหอหิมะเหมันต์กันแน่

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถาม “เซ่าผิงปอแห่งเป่ยโจว คาดว่าเจ้าสำนักหวงคงรู้จักใช่หรือเปล่า?”

หวงเลี่ยถามกลับ “รู้จักแล้วเป็นอย่างไร?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ได้ยินว่าเซ่าผิงปอสั่งให้คนของสำนักเขามหาญาณลงมือกับข้า”

ฉู่อันโหลวยกชาขึ้นจิบช้าๆ นามเซ่าผิงปอนี้เขาเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก บางทีเมื่อก่อนนี้อาจจะเคยได้ยินมาบ้าง ทว่าจำอะไรไม่ได้

หวงเลี่ยกล่าวว่า “ได้ยินมา? เจ้าหนุ่ม เรื่องที่ไม่มีหลักฐานก็ไม่ควรเอามาพูดส่งเดช ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าเจ้าเผยแพร่เพลงกล่อมเด็กที่ไม่เป็นผลดีต่อเซ่าผิงปอในแคว้นหาน เจ้ายอมรับหรือไม่?”

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยไปว่า “เพลงกล่อมเด็กหรือ? ข้าไม่ใช่เด็กน้อยสามขวบเสียหน่อย” เขาเองก็ไม่มีทางยอมรับเช่นกัน

หวงเลี่ยยกมือขึ้นพลางกล่าวว่า “หยุดพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้เถอะ ว่ามา สรุปแล้วเจ้าต้องการอะไรจากข้ากันแน่?”

หนิวโหย่วเต้าผายมือไปทางฉู่อันโหลว “วันนี้เชิญเถ้าแก่ฉู่มา ย่อมต้องมีเหตุผลแน่นอน ได้ยินว่าเซ่าผิงปอต้องการหลอกใช้หอหิมะเหมันต์เพื่อกำจัดข้า ตระกูลเซ่าแห่งมณฑลเป่ยโจวได้รับการสนับสนุนจากสำนักเขามหาญาณ ไม่ทราบว่าเจ้าสำนักหวงเคยได้ยินเรื่องนี้บ้างหรือไม่?”

เซ่าผิงปอคิดจะหลอกใช้หอหิมะเหมันต์? นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉู่อันโหลวปรายตามองด้วยสายตาเย็นชา

“ได้ยินมาอีกแล้วอย่างนั้นหรือ?” หวงเลี่ยหัวเราะหยัน “เจ้าหนุ่ม วาจาไม่อาจเอ่ยส่งเดชได้ เรื่องที่เซ่าผิงปอคิดจะหลอกใช้หอหิมะเหมันต์ เจ้าต้องมีหลักฐาน อย่าได้ยกข่าวโคมลอยอันใดมาใส่ร้ายป้ายนี้ส่งเดช”

เขาย่อมทราบดีว่านี่มิใช่เรื่องเล็กๆ การคิดจะหลอกใช้หอหิมะเหมันต์ มันก็เหมือนกับว่าสำนักเขามหาญาณเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้ว ต่อให้มีเรื่องเช่นนั้นจริงเขาก็ไม่อาจยอมรับได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือมันไม่มีเรื่องเช่นนั้นเลย

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ได้ เช่นนั้นข้าจะไม่พูดถึงเรื่องที่เซ่าผิงปอหลอกใช้สำนักเซียนสถิตและสำนักอื่นๆ ให้มาดักสังหารข้าที่นี่แล้วกัน เพราะเรื่องอื่นๆ ข้าก็ไม่มีหลักฐานเช่นกัน พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อวันนี้เถ้าแก่ฉู่นั่งอยู่ที่นี่ด้วย ถือเป็นตัวแทนของทางหอหิมะเหมันต์ อย่างนั้นวันนี้เจ้าสำนักหวงกล้ารับประกันต่อหน้าหอหิมะเหมันต์หรือไม่ว่าวันหน้าเซ่าผิงปอจะไม่มีทางหลอกใช้หิมะเหมันต์?”

หวงเลี่ยเอ่ยว่า “ไม่จำเป็นต้องรับประกัน เขาไม่มีทางและไม่มีความสามารถที่จะหลอกใช้หอหิมะเหมันต์ได้”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “แล้วถ้าเขาหลอกใช้เล่า? ถึงอย่างไรทางนั้นก็ได้รับการสนับสนุนจากสำนักเขามหาญาณของท่านอยู่”

วาจานี้ทำให้หวงเลี่ยหวาดวิตกขึ้นมาเล็กน้อย กังวลว่าเซ่าผิงปอจะทำเรื่องโง่เขลาอันใดจริงๆ อย่างที่อีกฝ่ายว่ามา แต่เมื่อถูกถามต่อหน้าฉู่อันโหลวถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะไม่ตอบก็ไม่ได้ “ไม่มีทาง! หากเขากล้าทำเรื่องเช่นนี้จริง สำนักเขามหาญาณของข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ยอมปล่อยให้เขารอดไปได้!”

“ดี!” หนิวโหย่วเต้าประสานมือกล่าวกับฉู่อันโหลวว่า “เถ้าแก่ฉู่ หากมีคนหลอกใช้หอหิมะเหมันต์กระทำการเหิมเกริม สมควรจัดการอย่างไร?”

ฉู่อันโหลวสบถในใจ เจ้านั่นแหละที่โอหังอวดดีที่สุด ยังมีหน้ามาพูดอีกว่าคนอื่นคิดจะหลอกใช้ เจ้านั่นแหละที่กำลังแอบหลอกใช้อยู่

เพียงแต่เขาไม่ได้เป็นคนเรียกหนิวโหย่วเต้ามา เป็นท่านประมุขที่เรียกอีกฝ่ายมาเอง ไม่เกี่ยวกับเขา ประกอบกับมีเงินหลายแสนเหรียญทองปิดปากเอาไว้อยู่ เขาเองก็ไม่มีทางพูดอะไรส่งเดชเช่นกัน

“คำพูดของข้าไม่สำคัญเลย สมควรจัดการอย่างไรทุกคนต่างทราบอยู่แก่ใจดี หากไม่กลัวตายก็ลองดู” ฉู่อันโหลวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

เมื่อออกมาเผชิญกับพายุหิมะด้านนอกโรงเตี๊ยมอีกครั้ง หวงเลี่ยพยายามข่มโทสะเอาไว้ ดั้นด้นเดินทางมาไกล เพียงเพื่อคุยเรื่องไร้สาระเช่นนี้น่ะหรือ

ผู้ติดตามคนอื่นๆ ก็โมโหเช่นเดียวกัน เมื่อกลับมาถึงโถงด้านหลังร้านค้า ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเด็กนั่นจะผยองเกินไปแล้ว หากไม่สังหารทิ้งคงไม่อาจระบายความแค้นในใจข้าได้!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า