ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 193

ตอนที่ 193 ต้องกำจัดสารเลวคนนี้ให้ได้

“หากเพียงแค่นำเงินออกมาให้ยงผิงจวิ้นอ๋องใช้รับสมัครทหารซื้อม้า วิธีการสนับสนุนแบบนี้มันก็เป็นวิธีการที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ” หนิวโหย่วเต้าแย้มยิ้ม เอื้อมมือไปตรงหน้าเขาแล้วหยิบถ้วยน้ำชาของเขาขึ้นมา ก่อนจะวางลงในมือของเผิงโย่วไจ้ที่ยื่นออกมาอีกครั้งอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่เพียงแต่จะนำเงินมาให้ยงผิงจวิ้นอ๋องใช้รับสมัครทหารซื้อม้าเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้สำนักหยกสวรรค์ได้กินอิ่มท้องด้วย”

จากนั้นก็ชี้นิ้วไปยังเฟ่ยฉางหลิวและคนอื่นๆ “พวกท่านก็เช่นกัน!”

แต่ละคนสบตากัน เผิงโย่วไจ้วางถ้วยชาลง เอ่ยว่า “ข้าไม่ฟังเรื่องที่ไร้หลักฐานเหล่านั้น ไยเจ้าไม่นำเงินออกมาล่ะ?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “เงินก็อยู่ในร้านค้าของสำนักหยกสวรรค์อย่างไรเล่า”

“…..” เผิงโย่วไจ้ผงะไป หันกลับไปมองเหล่าผู้ติดตามที่ยืนอยู่ด้านหลัง หรือว่าร้านค้าทางนี้จะมีเรื่องปิดบังไม่ให้ตนทราบอยู่?

ทว่าเหล่าผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังต่างพากันส่ายหน้าด้วยความมึนงง สื่อว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย

เซี่ยฮวาเอ่ยสอดว่า “เจ้าสำนักเผิง คาดว่าเขาคงหมายถึงสินค้าในร้านค้าของพวกท่าน เขาขายสินค้าในร้านของพวกเราได้เงินไปไม่น้อยเลย”

สีหน้าเผิงโย่วไจ้ครึ้มลง จ้องมองหนิวโหย่วเต้า

หนิวโหย่วเต้ายิ้มเยาะเซี่ยฮวา “มุกตลกของเจ้าสำนักเซี่ยนี่ไม่เห็นน่าขันเลย สินค้าในร้านท่านหายไป เลยอยากให้สินค้าในร้านของผู้อื่นหายไปด้วยอย่างนั้นเหรอ?”

เขาหันกลับไปพูดกับเผิงโย่วไจ้อีกครั้ง “ให้เวลาข้าครึ่งเดือน อีกครึ่งเดือนให้หลังข้าจะทำให้เจ้าสำนักทั้งหลายตาลุกวาวเพราะเห็นเงิน ดีใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้!”

ทุกคนต่างมองกันไปมองกันมา หากเป็นอย่างที่คนผู้นี้ว่ามาจริงๆ อย่าว่าแต่ครึ่งเดือนเลย ต่อให้ครึ่งปีก็รอไหว

เผิงโย่วไจ้กล่าวว่า “ในเมื่อเดินทางไกลมาถึงนี่แล้ว เช่นนั้นอยู่ทำความเข้าใจสถานการณ์ของทางนี้สักครึ่งเดือนก็ไม่มีอะไรเสียหาย ข้าจะให้เวลาเจ้าครึ่งเดือน ครึ่งเดือนให้หลังหากว่านำเงินออกมาไม่ได้ เจ้าจะว่าอย่างไร?”

หนิวโหย่วเต้าชี้ไปด้านนอกเล็กน้อย “เดี๋ยวข้าจะย้ายเข้าไปพักในร้านค้าสำนักหยกสวรรค์ของท่าน หากอีกครึ่งเดือนให้หลัง ข้ายังไม่สามารถนำเงินออกมาได้ เชิญท่านจัดการได้ตามสบาย ว่าอย่างไร?”

“พักอยู่ในร้านค้าของพวกเราอย่างนั้นหรือ?” เผิงโย่วไจ้งุนงง

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าบอกไปแล้ว เงินอยู่ที่ร้านค้าของสำนักหยกสวรรค์ ข้าก็ย่อมต้องไปหาออกมา เจ้าสำนักเผิงอย่าได้ถามมากเลย เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เอง ถึงอย่างไรก็ถูกท่านจับตาดูอยู่ ท่านเองก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าข้าจะผิดคำพูดแล้วหลบหนีไปเลย ท่านว่าใช่หรือไม่?”

ด้วยเห็นแก่เงิน เรื่องราวจึงตกลงกันตามนี้

พวกเผิงโย่วไจ้กลับไปก่อน จากนั้นพวกหนิวโหย่วเต้าก็ไปคืนห้องพักแล้วตามออกไป

“จะไปแล้วหรือ?”

ภายในห้องของฉู่อันโหลว หนิวโหย่วเต้ามาอำลา ฉู่อันโหลวรู้สึกประหลาดใจ

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รบกวนเถ้าแก่ฉู่มานานขนาดนี้ ข้าเองก็สมควรไปแล้ว”

ฉู่อันโหลวถามด้วยความสงสัย “เจรจาเรียบร้อยแล้วหรือ? พวกเขาไม่ได้สร้างความลำบากให้เจ้ากระมัง?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “เดิมทีข้าก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับสำนักหยกสวรรค์อยู่แล้ว ส่วนพวกสำนักเซียนสถิตก็เพียงแค่มาระบายโทสะแทนตระกูลซ่งแห่งแคว้นเยี่ยนเท่านั้น ยามนี้ตระกูลซ่งกำลังจะล่มสลาย พวกเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องตามเอาชีวิตข้าไม่ยอมเลิกราอีก เมื่อพูดคุยตกลงกันชัดเจนแล้ว ทุกอย่างก็นับว่าเป็นอดีตไปแล้ว”

ฉู่อันโหลวเลิกคิ้ว “คงมิใช่ว่าเจ้าแอบอ้างหอหิมะเหมันต์ไปข่มขู่อะไรพวกเขาหรอกนะ?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “เถ้าแก่ฉู่กังวลมากไปแล้ว บางทีพวกเขาอาจจะกริ่งเกรงอิทธิพลของหอหิมะเหมันต์อยู่เช่นกัน แต่ข้าเองก็พักอยู่ที่นี่ได้เพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น อีกทั้งหอหิมะเหมันต์ก็ไม่มีทางสอดมือเข้ามายุ่ง เพียงให้ที่หลบซ่อนแก่ข้าชั่วคราวเท่านั้น หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ยังมีปัญหาอีกหลายอย่างที่ข้าต้องเผชิญ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าทุกคนย่อมสังเกตเห็นได้ว่าข้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับหอหิมะเหมันต์ คนทั่วไปมิใช่คนโง่ ถ้าจะหลอกก็หลอกได้แค่ตัวเองเท่านั้น หลอกคนอื่นไม่ได้ สุดท้ายความจริงก็จะปรากฏออกมา เรื่องราวที่ไม่ใช่ความจริง ถึงแอบอ้างชื่อหอหิมะเหมันต์ไปก็มีแต่จะทำร้ายตัวเองเปล่าๆ”

สีหน้าฉู่อันโหลวดูผ่อนคลายลง “รู้ก็ดีแล้ว อย่างนั้นข้าไม่ส่งล่ะ”

“เถ้าแก่ฉู่รักษาตัวด้วย ข้าลาล่ะ” หนิวโหย่วเต้าประสานมืออำลา ออกไปจากที่นี่

ฉู่อันโหลวตอบอืมคำหนึ่ง ยกมือไพล่หลังมองตามไป ไม่ได้เอ่ยถึงตั๋วแลกเงินหลายแสนเหรียญทองที่ฝากเขาไว้ ‘ชั่วคราว’ หนิวโหย่วเต้าเองก็ไม่ได้เอ่ยถึงเช่นกัน ทำเหมือนไม่เคยเกิดเรื่องนั้นขึ้น

หนิวโหย่วเต้าปกปิดใบหน้าไว้แล้วออกจากโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งไป พาลูกน้องทั้งหลายเข้าพักในร้านค้าของสำนักหยกสวรรค์

ทันทีที่เข้าพัก หนิวโหย่วเต้าก็ให้พวกเฮยหมู่ตานไปจัดหาสิ่งของบางอย่าง จากนั้นก็เห็นหนิวโหย่วเต้าทำงานยุ่งง่วน บางครั้งก็จัดการวัสดุที่เป็นไม้เหมือนช่างไม้ บางครั้งก็ตีเหล็กดังติงตังๆ เหมือนช่างเหล็ก

ก็เหมือนอย่างที่หยวนกังบอกมา เขามีทักษะงานฝีมืออยู่ไม่น้อยทีเดียว

เผิงโย่วไจ้ก็เคยเข้ามาดูหลายครั้ง ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ หนิวโหย่วเต้าบอกเพียงว่าเดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เอง จากนั้นก็คล้ายว่าเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ เผิงโย่วไจ้อยากมาดูก็ไม่ให้ดู ถูกขัดขวางไว้

…..

ณ มณฑลเป่ยโจว ภายในจวนท่องคลื่น ในศาลากลางสวนดอกไม้ หวงโต้วและหลินหูยืนอยู่เบื้องหน้าเซ่าผิงปอ

“เขาไปเกี่ยวข้องกับหอหิมะเหมันต์ได้อย่างไร?” เซ่าผิงปอฉงน

หวงโต้วส่ายหน้า “ไม่ทราบขอรับ! แต่จากถ้อยคำของท่านเจ้าสำนัก ท่านเจ้าสำนักหวังว่าคุณชายใหญ่จะจดจำเอาไว้ สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน หวังว่าคุณชายใหญ่จะไม่ไปหาเรื่องยุแหย่เขาอีก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาวุ่นวายโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะเรื่องที่แม่เฒ่าเสวี่ยที่อยู่เบื้องหลังหอหิมะเหมันต์นั้นมีอำนาจเหนือทุกคน หากกล้าคิดหลอกใช้หอหิมะเหมันต์ ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นไม่ใช่สิ่งพวกเราจะแบกรับไหว หอหิมะเหมันต์เอ่ยมาเพียงประโยคเดียวก็สามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลเซ่ากลายเป็นเถ้าธุลีได้แล้ว คุณชายใหญ่เป็นคนฉลาด หวังว่าจะจดจำไว้ขอรับ!”

เซ่าผิงปอพยักหน้ารับอย่างเยือกเย็น “คำพูดของเจ้าสำนักข้าย่อมจดจำเอาไว้!”

เมื่อเห็นเขาตกปากรับคำ ทั้งสองก็วางใจ ประสานมือกล่าวอำลา

เซ่าผิงปอยืนสองมือไพล่หลังอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?”

พ่อบ้านเซ่าซานเสิ่งก้าวขึ้นมา ถอนใจพลางกล่าวว่า “ในเมื่อคุณชายใหญ่รับปากไปแล้ว เราก็คงต้องปฏิบัติตามคำสั่งของสำนักเขามหาญาณขอรับ”

เซ่าผิงปอหรี่ตาลงเล็กน้อย “ข้ากล้าพนันว่าเขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับหอหิมะเหมันต์เลย เป็นเพียงจิ้งจอกที่แอบอ้างบารมีเสือเท่านั้น!”

เซ่าซานเสิ่งประหลาดใจ ถึงอย่างไรก็ติดตามเขามาหลายปี ค่อนข้างรู้จักเขาดี ฟังออกถึงความนัยที่แฝงอยู่ในวาจาของเขา เขาไม่ได้มีความคิดที่จะรามือเลย จึงเอ่ยถามด้วยความกังวลว่า “เหตุใดคุณชายใหญ่ถึงเอ่ยเช่นนี้ขอรับ?”

เซ่าผิงปอแค่นเสียงเหอะ กล่าวว่า “เหตุผลง่ายๆ ข้าแน่ใจว่าหนิวโหย่วเต้าไม่มีทางปล่อยข้าไป หากเขามีสายสัมพันธ์อันใดกับหอหิมะเหมันต์จริงล่ะก็ เช่นนั้นเขาอาศัยอำนาจของหอหิมะเหมันต์มาสังหารข้าก็ได้แล้ว สำนักเขามหาญาณไม่กล้าขัดขืนแน่ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอ้อมค้อมเช่นนี้เลย ที่เขาไม่ทำแบบนั้น นั่นก็เป็นเพราะเขาทำไม่ได้ หากมิใช่จิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือแล้วจะเป็นอะไร?”

เมื่อเซ่าซานเสิ่งได้ฟัง ก็คล้ายรู้สึกว่าค่อนข้างมีเหตุผล จึงถามไปอีกว่า “เช่นนั้นเหตุใดเขาถึงได้เข้าพักในชั้นนั้นของโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งล่ะขอรับ?”

เซ่าผิงปอส่ายหน้าตอบว่า “ข้อมูลมีจำกัด เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ข้ารู้ว่าคนผู้นั้นเจ้าเล่ห์เพทุบาย ในเรื่องนี้จะต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่พวกเราไม่รู้อยู่อย่างแน่นอน ไม่ได้เป็นอย่างที่สำนักเขามหาญาณเห็นภายนอกเด็ดขาด สรุปคือยิ่งเขาวางท่าในโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งเท่าไร เรื่องนี้มันก็ยิ่งมีปัญหา เพียงแต่ในตอนนี้กระทั่งสำนักเขามหาญาณก็ไม่กล้าแตะต้องเขาแล้ว ทางฝั่งคนของตระกูลซ่งก็ยิ่งไม่ต้องหวังเลย คิดไม่ถึงว่าเขาจะรอดพ้นหายนะครั้งนี้ไปได้ น่าแค้นใจนัก!”

เซ่าซานเสิ่งเอ่ยถาม “เช่นนั้นเหตุใดคุณชายใหญ่ถึงไม่อธิบายกับสำนักเขามหาญาณให้ชัดเจนล่ะขอรับ?”

เซ่าผิงปอย้อนถาม “อธิบายให้ชัดเจนได้หรือ? ข้าบอกแล้วว่าหนิวโหย่วเต้าไม่มีทางปล่อยข้าไป เรื่องนี้ทำได้เพียงรับรู้อยู่ในใจ ไม่อาจพูดออกไปได้ หากไม่มีหลักฐานยืนยันมันก็อธิบายอะไรไม่ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นในสายตาของหวงเลี่ย ข้าเป็นเพียงมดปลวกที่เอาไว้ใช้ประโยชน์เท่านั้น มีประโยชน์ก็ใช้ ไม่มีประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง เขาไม่มีทางยอมเสี่ยงล่วงเกินหอหิมะเหมันต์เพื่อข้าแน่นอน คนพวกนี้เนี่ยนะ นอกจากคิดเรื่องฆ่าฟันแล้ว สมองของแต่ละคนล้วนใช้การไม่ได้ทั้งสิ้น อธิบายกับคนโง่พวกนี้ก็ไม่เข้าใจหรอก”

เขาหันกลับมา เอ่ยกระซิบกับเซ่าซานเสิ่งว่า “เดี๋ยวเจ้าไปติดต่อกับผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นอย่างลับๆ ให้พวกเขาจับตาดูทางฝั่งหอหิมะเหมันต์เอาไว้ ข้ามั่นใจว่าหนิวโหย่วเต้าไม่มีทางยอมรามือ เขาจะต้องทำทุกวิธีทางเพื่อเอาผลตะวันชาดมาให้ได้อยู่แน่ ไม่ช้าก็เร็วหอหิมะเหมันต์จะต้องมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น!”

เซ่าซานเสิ่งประหลาดใจ “เอ่อ…คุณชายใหญ่เปิดโปงเรื่องนี้ไปแล้ว เขายังจะกล้าลงมืออีกหรือขอรับ?”

เซ่าผิงปอหัวเราะหึหึ “หอหิมะเหมันต์น่ะหรือ? มันก็แค่กลุ่มคนที่มีสถานะสูงส่งกว่าคนอื่นนิดหน่อยเท่านั้น เจ้าคิดว่าพวกเขาเป็นเทพจริงๆ อย่างนั้นเหรอ? คำขู่ใช้ได้กับคนที่ไร้ความสามารถบางจำพวกเท่านั้น ขู่คนที่มีความสามารถไม่ได้หรอก และทั่วไปแล้วคนที่มีความสามารถก็มักจะค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง การที่เขากล้าไปที่หอหิมะเหมันต์ มันก็แสดงให้เห็นถึงเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน การที่เขายืมมือสำนักเขามหาญาณมาข่มข้า พูดจาทำนองว่าข้าคิดจะหลอกใช้หอหิมะเหมันต์มาจัดการเขา มันก็เป็นแค่การชิงลงมือป้องกันไว้ก่อน คิดจะอุดปากข้าไว้ นี่ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขายังไม่คิดรามือเรื่องผลตะวันชาด”

“จากจุดนี้ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับหอหิมะเหมันต์เลย หากใช้วิธีธรรมดาขอผลตะวันชาดมาไม่ได้ เช่นนั้นก็จะต้องใช้วิธีไม่ธรรมดาเพื่อเอามาให้ได้อย่างแน่นอน เกรงว่าเขาคงไม่ได้คิดที่จะใช้วิธีธรรมดาตั้งแต่แรกแล้ว เจ้าให้คนไปจับตาดูไว้ อย่าให้คลาดสายตา โดยเฉพาะสถานที่ปลูกผลตะวันชาด หากเกิดเรื่องผิดปกติอันใดขึ้น ให้รีบมาแจ้งข้าทันที!”

เมื่อครู่เพิ่งได้รับคำเตือนจากสำนักเขามหาญาณ เซ่าซานเสิ่งจึงรู้สึกไม่สบายใจ “คุณชายใหญ่ แม้แต่ท่านก็บอกว่าหนิวโหย่วเต้าผู้นั้นไม่ธรรมดา การที่เขาเสี่ยงทำเช่นนี้ มันคุ้มค่าหรือขอรับ?”

“คุ้มค่าอย่างนั้นหรือ?” เซ่าผิงปอส่ายหน้า “มิใช่แค่คุ้มค่า หากแต่เป็นคุ้มค่าอย่างมากต่างหากล่ะ ในทางกลับกันหากเปลี่ยนข้าเป็นเขา ข้าก็ต้องทำเช่นนั้นเหมือนกัน ตอนแรกข้าก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน จากข่าวที่ทางสำนักเขามหาญาณส่งมา เห็นได้ชัดว่าเจ้านั่นยังคงหมายตาผลตะวันชาดอยู่ ทั้งๆ ที่ถูกข้าเปิดโปงไปแล้วก็ยังไม่ยอมรามือ ยอมที่จะเสี่ยงอันตราย นี่เป็นเพราะเหตุใดเล่า? จากนั้นข้าถึงได้ค่อยๆ เข้าใจ เจ้านี่มันเล่ห์เหลี่ยมร้ายลึก สายตายาวไกล เกรงว่าเขาคงหมายตาเนื้อติดมันอย่างมณฑลจินโจวเข้าแล้ว!”

เซ่าซานเสิ่งประหลาดใจ “มณฑลจินโจวเป็นอาณาเขตของวังสวรรค์หมื่นวิมาน วังสวรรค์หมื่นวิมานจะยอมปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นหรือขอรับ?”

เซ่าผิงปอเอ่ยว่า “อย่างนั้นข้าขอถามเจ้าหน่อย หลังจากผลตะวันชาดถูกส่งไปถึงมือไห่หรูเยวี่ยสองแม่ลูกแล้ว ไห่หรูเยวี่ยจะเอาให้ลูกชายใช้หรือไม่?”

เซ่าซานเสิ่งตอบว่า “ก็ต้องเอาให้ใช้สิขอรับ ในเมื่อมีโอกาสรักษาลูกชาย ตัวนางที่เป็นแม่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมองดูลูกชายตายไปต่อหน้าต่อตา”

เซ่าผิงปอเอ่ยว่า “อย่างนั้นข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง หากว่าผลตะวันชาดนั้นถูกขโมยมาจากหอหิมะเหมันต์เล่า?”

เซ่าซานเสิ่งกล่าวว่า “เกรงว่าคงจะใช้อยู่ดี เพราะถ้าหากเซียวเทียนเจิ้นเป็นอะไรไป สถานการณ์ในมณฑลจินโจวของนางก็จะลำบากเช่นกัน ไม่ว่านี่จะเป็นการทำเพื่อบุตรชาย หรือทำเพื่อตัวนางเองก็ตาม…” เขาเงยหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

เซ่าผิงปอจ้องมองดวงตาทั้งสองข้างของเขา รู้ว่าเขาเข้าใจแล้ว จึงพยักหน้าเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “เจ้าเดาไม่ผิดหรอก ทันทีที่เซียวเทียนเจิ้นใช้ผลตะวันชาดที่ขโมยมาจากหอหิมะเหมันต์ พวกไห่หรูเยวี่ยสองแม่ลูกก็จะตกอยู่ในการควบคุมของเขาทันที ไม่อาจหลุดพ้นได้อีก สองแม่ลูกจะต้องถูกเขาคอยบงการอย่างลับๆ หาไม่แล้วพวกนางสองแม่ลูกไม่มีทางแบกรับความโกรธเกรี้ยวของหอหิมะเหมันต์ได้ เขาเพียงแค่ต้องควบคุมสองแม่ลูกอย่างเงียบๆ เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องปะทะกับวังสวรรค์หมื่นวิมานตรงๆ และทันทีที่ถึงเวลาอันสมควร เขาก็สามารถยื่นมือมาหยิบเนื้อติดมันอย่างมณฑลจินโจวไปกินได้ทุกเมื่อ”

“คนประเภทนี้อันตรายเป็นอย่างยิ่ง ขอเพียงเขาหมายตามณฑลจินโจวไว้ พวกวังสวรรค์หมื่นวิมานที่โง่เง่าเหล่านั้นยังไม่แน่ว่าจะใช่คู่ต่อสู้ของเขา ช้าเร็วก็จะตกอยู่ในมือของเขา ยิ่งไปกว่านั้นการชักใยสองแม่ลูกอย่างลับๆ ยังทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มหาศาล นี่ต่างหากถึงจะเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาผลตะวันชาดมาให้ได้ ตอนนี้ข้าแทบจะมั่นใจแล้วว่าเขาไม่ได้คิดจะไปขอผลตะวันชาดแบบเปิดเผยตั้งแต่แรกแล้ว หากแต่จะต้องปกปิดกลุ่มอิทธิพลต่างๆ อย่างวังสวรรค์หมื่นวิมานเอาไว้แน่นอน ตอนที่รู้ว่าแม้แต่คนของวังสวรรค์หมื่นวิมานก็ถูกเขาจับตัวเอาไว้ในโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้ง ข้าก็ยิ่งแน่ใจว่าต้องเป็นเช่นนี้แน่!”

“ต้องให้คนจับตามองทางหอหิมะเหมันต์เอาไว้ อย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด เขาจะต้องลงมือแน่ โอกาสดีๆ แบบนี้ไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้ ข้าจะต้องกำจัดเจ้าสารเลวนี่ให้ได้!”

เซ่าซานเสิ่งตอบรับ “ได้ขอรับ! คุณชายใหญ่โปรดวางใจ บ่าวทราบดีว่าควรจัดการอย่างไร”

……………………………………………………………..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า