ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 194

ตอนที่ 194 สุราฤทธิ์แรง

“หอมจัง กลิ่นอะไร?”

บนหน้าผาภายในหุบเขา ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาด้านนอกร้านค้าสำนักหยกสวรรค์ต่างได้กลิ่นหอมประหลาด จึงพากันมองเข้าไปด้านใน

ภายในร้านค้า คนของสำนักหยกสวรรค์ก็กำลังตามหาต้นตอของกลิ่นหอมที่ว่านี้อยู่เช่นกัน เพียงแต่กระทั่งเจ้าสำนักอย่างเผิงโย่วไจ้ก็ยังถูกขวางเอาไว้

“เจ้าสำนักเผิง ขออภัยด้วย ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา” หยวนกังยืนขวางปากทางที่ตรงเข้าไปด้านในเอาไว้ พวกต้วนหู่ที่อยู่ด้านหลังกลับค่อนข้างหวั่นวิตก อยู่ในร้านของสำนักหยกสวรรค์แล้วยังกล้าไปขวางทางเจ้าสำนักของเขาอีก

เฉินถิงซิ่วตวาดใส่ “โอหัง หรือพวกข้าต้องยอมปล่อยให้พวกเจ้าทำตัวเหิมเกริม?”

หยวนกังไม่สนใจเขา เพียงแต่จ้องมองเผิงโย่วไจ้แล้วเอ่ยถาม “หรือเจ้าสำนักเผิงอยากจะให้เกิดข้อผิดพลาดกับเงินที่จะมาถึงมือ?”

พอได้ยินวาจานี้ เผิงโย่วไจ้ก็ทำได้เพียงข่มความสงสัยเอาไว้ อดทนรอต่อไป…

ภายในเขตหวงห้าม หนิวโหย่วเต้ายื่นมือไปหมุนบิดท่อทองเหลือง บีบคลึงจนกลายเป็นก้อนแล้วโยนไว้ด้านข้าง ข้าวของจำพวกหม้อเตาก็ถูกทำลายทิ้งเช่นกัน

หลังจาก ‘ทำลายหลักฐานจนสิ้นซาก’ แล้ว เขาถึงจะเดินออกมาจากในห้อง กวักมือเรียกอู๋ซานเหลี่ยงที่เฝ้าอยู่ตรงทางเดินเข้ามา เอ่ยว่า “ออกไปข้างนอกหน่อย ไปเชิญเฟ่ยฉางหลิวกับเจ้าสำนักอีกสองคนมาที”

“ขอรับ” อู๋ซานเหลี่ยงก้าวอาดๆ ออกไป

หนิวโหย่วเต้าออกมาจากพื้นที่หวงห้ามที่ตั้งขึ้นมาชั่วคราวแล้ว พวกเผิงโย่วไจ้ก็ทราบเรื่องอย่างรวดเร็ว ยามที่เผิงโย่วไจ้เข้ามาหา หนิวโหย่วเต้ากำลังดื่มชาอยู่ภายในห้องนอนที่ทางสำนักหยดสวรรค์จัดเตรียมเอาไว้ให้เขา

ครั้งนี้หยวนกังกลับไม่ได้ขวางเขาเอาไว้ เผิงโย่วไจ้ตรงเข้าไป เมื่อเจอหน้าก็เอ่ยถามตรงๆ ว่า “กลิ่นหอมประหลาดนั้น เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”

กลิ่นหอมนั้นอบอวลอยู่ภายในร้านจนทำให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ต้องเปิดหน้าต่างระบายอากาศถึงจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง

หนิวโหย่วเต้าลุกขึ้นพลางเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ย่อมเป็นสิ่งที่ได้ตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านี้”

เผิงโย่วไจ้ถาม “ของล่ะ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เจ้าสำนักเผิงอย่าเพิ่งรีบร้อน เอาไว้พวกเฟ่ยฉางหลิวมาแล้ว ข้าย่อมต้องนำออกมา เอ่อ…อยู่ในที่ของท่าน คงไม่ต้องให้ข้าเชิญท่านดื่มชากระมัง?”

เผิงโย่วไจ้นั่งรออยู่ด้านหนึ่ง คอยสังเกตหนิวโหย่วเต้าอยู่เป็นระยะ หากมิใช่เพราะเกี่ยวพันไปถึงหอหิมะเหมันต์ ไหนเลยจะมีเรื่องเช่นนี้ได้

หลังจากเขาหยุดทำเรื่องอะไรสักอย่างที่ทำอยู่ก่อนหน้านี้ ประกอบกับเปิดหน้าต่างระบายอากาศแล้ว กลิ่นที่อบอวลอยู่ภายในร้านค้าถึงค่อยๆ เลือนรางไป ค่อยๆ หายไป

หลังรออยู่สักพัก เฟ่ยฉางหลิว เซี่ยฮวา เจิ้งจิ่วเซียวก็ทยอยมาถึง รออยู่ที่ห้องรับแขก

หลังจากได้รับแจ้ง หนิวโหย่วเต้าก็ลุกขึ้นอีกครั้ง ผายมือเชิญเผิงโย่วไจ้ไปพบแขกด้วยกัน ขณะที่เดินออกจากประตูไปก็เอ่ยกับหยวนกังว่า “ไปหยิบไหพวกนั้นออกมา”

เมื่อทางนี้มาถึงห้องรับแขก พวกเฟ่ยฉางหลิวก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน คารวะเผิงโย่วไจ้

ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันตามมารยาทเล็กน้อย หยวนกังยกถาดใบหนึ่งเข้ามา บนถาดมีไหสุราขนาดเล็กห้าใบ หนิวโหย่วเต้าโบกเล็กน้อย “มอบให้เจ้าสำนักแต่ละท่านคนละไห”

หยวนกังยกถาดเดินผ่านหน้าเจ้าสำนักแต่ละคน ก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้งแล้ววางไหที่เหลืออยู่ใบสุดท้ายไว้ตรงหน้าหนิวโหย่วเต้า

พวกเผิงโย่วไจ้ยกไหสุราขึ้นมาพลิกไปพลิกมามองสำรวจดู บนไหสุรามีผนึกโคลนใหม่เอี่ยม ต่างรู้สึกมึนงงไม่เข้าใจ

“หรือว่านี่คือสุรา?” เมื่อเห็นว่าใช้ไหสุราในการบรรจุ เผิงโย่วไจ้จึงลองถามดู

“เจ้าสำนักเผิงสายตาเฉียบแหลมจริงๆ มองเพียงครู่เดียวก็รู้แล้ว เพียงแต่เจ้าสำนักเผิงคงจะไม่เคยดื่มสุรานี้มาก่อน” หนิวโหย่วเต้าหยิบไหสุราที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาไว้ในมือ เอ่ยกับศิษย์ของสำนักหยกสวรรค์คนหนึ่งว่า “รบกวนไปนำจอกสุรามาห้าใบ”

ศิษย์คนนั้นมองไปทางเจ้าสำนัก เผิงโย่วไจ้โบกมือเล็กน้อย สื่อว่าให้จัดการตามที่อีกฝ่ายบอก จากนั้นจ้องมองไหสุราที่อยู่ในมืออีกครั้ง พลิกไปพลิกมาสำรวจดู

ไม่นานจอกสุราก็ถูกนำมาส่งให้ วางอยู่ตรงหน้าหนิวโหย่วเต้า

หนิวโหย่วเต้าแกะผนึกโคลนทิ้ง รินสุราใสแจ๋วลงไปในจอก กลิ่นหอมสายหนึ่งเริ่มลอยฟุ้งอยู่ภายในห้อง เป็นกลิ่นเดียวกับที่อบอวลอยู่ในร้านก่อนหน้านี้

“หอมจัง!” เซี่ยฮวาสูดหายใจลึกๆ พลางกล่าวชื่นชม เดินเข้ามาสำรวจดูเป็นคนแรก

เจ้าสำนักแต่ละคนล้วนอดใจไม่อยู่ พากันล้อมวงเข้ามา อยากเห็นว่าเป็นสุราอะไรกันแน่ คิดไม่ถึงว่าจะหอมถึงเพียงนี้

หนิวโหย่วเต้าที่รินสุราเสร็จเรียบร้อยผายมือเชิญ “นี่คือสุราฤทธิ์แรงที่ผู้น้อยเพิ่งกลั่นขึ้นมาใหม่ ทุกท่านโปรดลองชิมดู”

เจ้าสำนักแต่ละคนหยิบจอกสุราขึ้นมาไว้ในมือคนละจอกพลางมองสำรวจดู หลังจากมองแล้ว เผิงโย่วไจ้ก็อดอุทานด้วยความแปลกใจไม่ได้ “เหตุใดสุรานี้ถึงใสกระจ่างถึงเพียงนี้?”

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ นี่คือสุรากลั่นที่เขาทำการผสมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว จึงย่อมต้องใสเป็นธรรมดา เขายิ้มพลางเอ่ย “สุราที่ปกติพวกท่านดื่มกันมีสิ่งเจือปนมากมาย ล้วนแต่เป็นสุราขุ่น สุราของข้าอันนี้ไร้สิ่งเจือปน ย่อมใสกระจ่างเป็นธรรมดา ทุกท่านลองชิมดูได้!”

วาจานี้ทำให้พวกเฮยหมู่ตานที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกคันยุบยิบอยู่ในใจ อยากลองลิ้มรสดู บรรดาผู้อาวุโสของแต่ละสำนักต่างตาเป็นประกายเช่นกัน

มีเพียงหยวนกังที่เบะปากดูแคลนเล็กน้อย เต้าเหยี่ยกำลังรังแกพวกคนไม่มีความรู้อีกแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า