ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 195

ตอนที่ 195 ข้าต้องการหัวของซ่งจิ่วหมิง

เงื่อนไขแรกทำให้เผิงโย่วไจ้ค่อนข้างลำบากใจ แต่ความลำบากใจนี้มิใช่ความลำบากใจของสำนักหยกสวรรค์ หากแต่เป็นความลำบากใจของเจ้าสำนักอย่างเขา เฟิ่งหลิงปอเป็นลูกเขยเขานะ! ให้เขาริบอำนาจของลูกเขยมา แล้วเขาจะไปอธิบายกับบุตรสาวอย่างไร?

เงื่อนไขที่สองเขาก็ต้องไตร่ตรองดูเล็กน้อยเช่นกัน จะให้ละเว้นการเรียกเก็บเงินจากสองจังหวัดใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ประเด็นสำคัญคือต้องชั่งน้ำหนักดูว่าลู่ทางทำรายได้ใหม่จะชดเชยความสูญเสียได้มากน้อยแค่ไหนและเหลือรายได้อยู่เท่าไร เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของคนในสำนักหยกสวรรค์ทั้งสำนัก เขาก็ไม่อาจผลีผลามตอบตกลงได้ หากเกิดผลกระทบอะไรขึ้น เจ้าสำนักอย่างเขาจะต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตัวเอง ตำแหน่งเจ้าสำนักก็มิใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ จากบนจรดล่างมีคนมากมายกำลังรอใช้เงินอยู่

ส่วนเงื่อนไขที่สาม ตอนที่ซางเฉาจงโจมตีจังหวัดชิงซาน ศิษย์ในสำนักของเขาก็พลีชีพไปด้วยเช่นกัน แล้วก็ยังมีเรื่องที่ทางจังหวัดกว่างอี้ขนส่งเสบียงเงินทองและไพร่พลไปช่วยเหลืออีก ไม่ใช่ว่าจะนั่งรอรับผลประโยชน์อยู่เฉยๆ พวกเขาก็จ่ายค่าตอบแทนไปเหมือนกันถึงได้ทำให้จังหวัดชิงซานกลายเป็นเนื้อในปากของสำนักหยกสวรรค์ได้ ตอนนี้จะให้สำนักหยกสวรรค์คายเนื้อชิ้นนี้ออกมาครึ่งหนึ่ง เกรงว่าคงมีศิษย์ในสำนักที่รู้สึกยากจะยอมรับในเรื่องนี้ได้ หากจะตอบตกลงจริงๆ ก็คงต้องถามความเห็นของศิษย์ในสำนักดูก่อน

แต่ถึงกระนั้นมันก็ยากจะปฏิเสธได้เช่นกัน เงื่อนไขและเหตุผลของอีกฝ่ายนั้นสมเหตุสมผล ทุกอย่างที่อีกฝ่ายว่ามาล้วนมีเหตุผลทั้งสิ้น

เงื่อนไขแรก หากจังหวัดกว่างอี้และจังหวัดชิงซานแย่งชิงอำนาจกันเอง ถ้าเกิดสงครามขึ้น นั่นจะต้องทำให้เกิดความเสียหายอย่างแน่นอน และถ้าหากยึดเอามณฑลหนานโจวมาได้ ผลประโยชน์ที่เฟิ่งหลิงปอจะได้รับนั้นก็มากกว่าการอยู่ที่จังหวัดกว่างอี้อย่างที่อีกฝ่ายว่ามาจริงๆ ในจุดนี้ตนก็ไม่มีทางปล่อยให้ลูกสาวและลูกเขยต้องเสียเปรียบเช่นกัน ตนย่อมต้องเข้าไปจัดการ

เงื่อนไขที่สอง การละเว้นการเรียกเงินจากสองจังหวัด ให้ประชาชนได้พักหายใจเพื่อขยายกำลังทหารก็นับว่าถูกต้อง ถ้าจะโจมตีมณฑลหนานโจวก็ต้องจำเป็นต้องมีกำลังทหาร หากจะไปเกณฑ์ทหารมาจากพื้นที่ของคนอื่น คนอื่นก็คงไม่มีทางยอมตกลงใช่ไหมล่ะ

เงื่อนไขที่สาม หากเกิดสงครามขึ้น สำนักหยกสวรรค์ไม่มีกำลังพอจะรับแรงกดดันตามลำพังได้จริงๆ พวกเขาจำเป็นต้องมีคนช่วยแบ่งความกดดันไป แล้วก็ไม่อาจฮุบผลประโยชน์ทั้งหมดเอาไว้กับตัวได้ คนอื่นเขามาช่วยแบ่งเบาภาระ เจ้าก็ต้องแบ่งผลประโยชน์ให้พวกเขาด้วย

เมื่อไล่เรียงเหตุผลต่างๆ ดูแล้ว เขาทั้งไม่สะดวกจะตอบตกลงในทันที แล้วก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ในทันทีเช่นกัน

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ผู้อาวุโสที่ติดตามมาด้วยก็ตกอยู่ในห้วงความคิดเช่นกัน

เฟ่ยฉางหลิว เซี่ยฮวาและเจิ้งจิ่วเซียวก็กำลังใคร่ครวญอยู่เช่นกัน

จากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ทั้งสามสำนักกำลังอยู่ในจุดที่น่ากระอักกระอ่วนจริงๆ ซ่งจิ่วหมิงลงจากอำนาจ เสนาบดียุติธรรมคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง คนของทั้งสามสำนักกำลังถูกขับไล่ออกจากเครือข่ายเสนาบดียุติธรรม แหล่งรายได้หลักของทั้งสามสำนักกำลังถูกตัดขาด พวกเขาต้องเร่งหาลู่ทางทำเงินใหม่

อีกทั้งทั้งสามสำนักก็พึ่งพิงกลุ่มอิทธิพลมาโดยตลอด ยังไม่เคยได้ปกครองพื้นที่สักแห่งอย่างจริงจังเลย หากได้รับพื้นที่ที่เป็นของสำนักตัวเองมาจริงๆ นั่นจะถือเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทั้งสามสำนัก ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องผ่านกระบวนการเติบโตทั้งนั้น ถึงแม้พื้นที่จะไม่ใหญ่ แต่สิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญคืออนาคตหลังจากนี้ นั่นคือพื้นที่หนึ่งในสามของมณฑลหนานโจว

แต่จะว่าไปแล้ว ถึงแม้อนาคตจะดูงดงาม แต่มันจะกลายเป็นจริงได้หรือเปล่าก็ยังไม่อาจรู้ได้ ต่อให้สำนักหยกสวรรค์จะตอบรับเงื่อนไขนี้ ยอมแบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งของจังหวัดชิงซานให้พวกเขาสามสำนักจริงๆ ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเล็กไปหน่อยจริงๆ ตอนนี้ไม่รู้ว่าข้อเรียกร้องที่ว่าให้สำนักหยกสวรรค์ละเว้นการเรียกเก็บเงินในพื้นที่นั้นจะรวมถึงพวกเขาด้วยหรือเปล่า

เมื่อดูจากความคิดของหนิวโหย่วเต้าแล้ว หากต้องการให้ประชาชนได้พักหายใจเพื่อฟื้นตัว เกรงว่าคงจะเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน แต่ถ้าหากไม่ให้พวกเขาเรียกเก็บเงิน พวกเขาก็ยากที่จะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายของศิษย์ทั้งสามสำนักได้

แต่ละคนต่างใคร่ครวญถึงผลประโยชน์ของสำนักตน

จู่ๆ เผิงโย่วไจ้ก็เอ่ยถามประโยคหนึ่ง “หนิวโหย่วเต้า วิธีผลิตสุรานี้เจ้าได้มาจากไหน?”

หนิวโหย่วเต้ายิ้มเล็กน้อย เรื่องนี้ต่อให้อีกฝ่ายไม่ถาม เขาก็ต้องเอ่ยขึ้นมาอยู่ดี ในเมื่อถามแล้วก็ยิ่งดี “ไม่ต้องสนใจว่าได้มาจากไหน ท่านเพียงแค่ต้องรู้เอาไว้เรื่องเดียว นั่นคือผู้ที่มอบวิธีผลิตสุรานี้ให้ไม่ใช่คนที่สำนักหยกสวรรค์จะไปล่วงเกินได้ มิเช่นนั้นข้าคงไม่กล้ามาอยู่ในร้านของท่านแล้วนำสิ่งที่จะเป็นภัยต่อตัวเองออกมาแสดงเช่นนี้หรอก เจ้าสำนักเผิงคงไม่ได้เกิดความคิดไม่ซื่ออันใดขึ้นมากระมัง? ข้าขอเตือนท่านว่าอย่าได้คิดอะไรมากจะเป็นการดีที่สุด หากไม่มีความมั่นใจนี้ข้าก็คงไม่กล้าทำเรื่องนี้เช่นกัน ทันทีที่เกิดเรื่องขึ้นกับข้า ก็จะมีคนจำนวนมากที่กลั่นสุรานี้ออกมาทันที กลายเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ทำเป็น คงจะขายไม่ได้ราคาอะไรอีก”

เผิงโย่วไจ้กำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่ คนผู้นี้ใจกล้านัก พอได้ยินวาจานี้ จึงถามหยั่งเชิงอีกครั้งว่า “หอหิมะเหมันต์มอบให้เจ้าหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าตอบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่ทราบ มีคนมาถ่ายทอดให้ข้าในความฝัน”

เขาจงใจทำตัวคลุมเครือ แต่ทุกคนกลับยิ่งสงสัยว่าจะเป็นหอหิมะเหมันต์ มิเช่นนั้นหากมีวิธีหาเงินเช่นนี้อยู่จริง เหตุใดถึงไม่เอาออกมาแต่แรกเล่า ทำไมจู่ๆ หลังออกมาจากหอหิมะเหมันต์ถึงได้มีได้?

ต่างคนต่างอดคิดมากไม่ได้

“เอาอย่างนี้แล้วกัน ให้เวลาข้าใคร่ครวญหนึ่งวัน พรุ่งนี้ข้าจะให้คำตอบเจ้าอีกครั้ง” เผิงโย่วไจ้ถอนหายใจ พบว่าครั้งนี้เจอเรื่องที่ตัดสินใจได้ลำบากเข้าแล้วจริงๆ

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าพร้อมยิ้มเล็กน้อย “ตกลง!”

เผิงโย่วไจ้หันไปเอ่ยกับพวกเฟ่ยฉางหลิวทั้งสามว่า “ทั้งสามท่าน สุราสามไหนั่นให้ข้ายืมชั่วคราวก่อนเป็นอย่างไร?”

เจ้าสำนักหยกสวรรค์เอ่ยปากเช่นนี้แล้ว จะไม่ไว้หน้าได้หรือ พวกเฟ่ยฉางหลิวทั้งสามย่อมต้องตอบตกลง

ตอนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไป เจิ้งจิ่วเซียวเร่งฝีเท้าเดินตามหนิวโหย่วเต้าขึ้นมา เอ่ยว่า “น้องหนิว มาคุยกันหน่อยได้หรือไม่?”

หนิวโหย่วเต้าหันกลับไปมองด้านหลัง เห็นว่าเฟ่ยฉางหลิวและเซี่ยฮวาก็ตามหลังเขามาเช่นกัน จึงพยักหน้ารับ ผายมือพลางเอ่ยว่า “ทุกท่านโปรดตามข้ามา”

คนจากทั้งสามสำนักจึงตามเขาไป

ภายในห้องรับแขก เผิงโย่วไจ้ยืนมือไพล่หลัง มองดูพวกหนิวโหย่วเต้าที่เดินเข้าไป จากนั้นหันกลับไปมองสุราสามไหนั้น โบกมือส่งสัญญาณให้เฉินถิงซิ่ว เอ่ยว่า “ให้อู๋คงนำสุราเหล่านี้ออกวางขาย ตั้งราคาให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลองตลาดดูก่อน”

เฉินถิงซิ่วเข้าใจความคิดของเขา นี่คือจุดสำคัญที่เกี่ยวพันถึงการตัดสินใจในเงื่อนไขต่างๆ เหล่านั้น จึงพยักหน้ารับ รีบไปจัดการโดยเร็ว

พวกหนิวโหย่วเต้ายืมใช้โถงเล็กในร้านของสำนักหยกสวรรค์เป็นการชั่วคราว ทั้งกลุ่มรวมตัวกันอยู่ด้านใน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า