ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 197

ตอนที่ 197 สังหารล้างตระกูล

หนิวโหย่วเต้าเองก็เอ่ยกับเขาอย่างไม่เกรงใจว่า “มีเรื่องจะให้เจ้าไปจัดการหน่อย”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เซ่าผิงปอมีน้องชายสองคน เหมือนไม่ค่อยถูกกับเซ่าผิงปอเท่าไร เจ้าจงรีบไปที่มณฑลเป่ยโจว จับตาดูสองคนนี้ให้ข้าหน่อย ดูว่าปกติไปมาหาสู่กับผู้ใด แค่จับตามองไว้ก็พอ ไม่ต้องเข้าไปใกล้ชิด รอฟังข่าวจากข้า แล้วก็เซ่าผิงปอยังมีน้องสาวอยู่อีกคน เจ้าก็ถือโอกาสจับตามองไปด้วย แต่ห้ามเข้าใกล้โดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาจจะมีอันตรายมาถึงตัวเจ้าได้”

เหตุผลที่ส่งเขาไปอีก เป็นเพราะเว่ยตัวคนนั้นมีปัญหานิดหน่อย อาการติดอ่างของเขานั้นนับเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง หากออกไปสืบข่าวข้างนอกจะเป็นที่ผิดสังเกตได้ง่าย เขาเหมาะที่จะคอยจับตาดูเซ่าผิงปออยู่ในสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เท่านั้น ดังนั้นหนิวโหย่วเต้าจึงไม่จำเป็นต้องให้อู๋ซานเหลี่ยงไปจับตามองทางเซ่าผิงปอแล้ว แค่จับตามองเป้าหมายอื่นๆ ไว้ก็พอ

อู๋ซานเหลี่ยงพยักหน้า “เข้าใจแล้วขอรับ”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เจ้าไปครั้งนี้อาจมีอันตราย เพราะเจ้าเคยเผยหน้าในมณฑลเป่ยโจวแล้ว ดังนั้นไปคราวนี้จะต้องปกปิดตัวเองให้ดี งานล้มเหลวได้ แต่ไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้ เอาเป็นว่าเจ้าไปจับตาดูสถานการณ์ทางฝั่งนั้นตามที่ข้าบอกก่อน หากมีข่าวอะไรก็รายงานกลับมาได้ตลอดเวลา เอาไว้ข้าจะจัดคนไปทำหน้าที่แทนเจ้า เรื่องนี้ ตอนนี้เจ้ารู้เพียงคนเดียวก็พอ อย่าเพิ่งบอกพวกเฮยหมู่ตาน นี่ก็เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเจ้าเอง”

“ขอรับ!” อู๋ซานเหลี่ยงพยักหน้ารับ

หนิวโหย่วเต้ายิ้มพลางเอ่ยว่า “ไปเตรียมตัวแล้วเร่งออกเดินทางเถอะ”

“ขอรับ!” อู๋ซานเหลี่ยงประสานมือ จากนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว

หนิวโหย่วเต้าหันไปเอ่ยกับหยวนกังว่า “รออีกครึ่งเดือนค่อยลงมือ!”

หยวนกังพยักหน้า

…..

ณ มณฑลเป่ยโจว จวนท่องคลื่นที่อยู่ใต้ท้องฟ้ายามราตรีมีแสงโคมส่องสลัว แสงตะเกียงภายในห้องหนังสือส่องสว่างอยู่ตลอดจนล่วงเข้ายามดึก

เอกสารต่างๆ วางกองอยู่บนโต๊ะหนังสือ เซ่าผิงปอทยอยอ่านและเขียนคำแนะนำลงไปฉบับแล้วฉบับเล่า กระทั่งจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ววางพู่กันลง พ่อบ้านเซ่าซานเสิ่งก็ยกน้ำแกงชามหนึ่งมาวางไว้ด้านข้าง

เซ่าผิงปอดื่มรวดเดียวจนหมด ลุกขึ้นมาแล้วขยับตัวยืดเส้นยืดสาย

เซ่าซานเสิ่งที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเตือนประโยคหนึ่ง “คุณชายใหญ่ขอรับ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรจากทางหอหิมะเหมันต์ หรือว่าจะ…”

“ไม่ว่าจะมีอะไรหรือไม่ ก็ให้จับตามองต่อไป อย่าได้สายตาโดยเด็ดขาด” เซ่าผิงปอหันไปเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น จากนั้นออกจากห้องหนังสือไป

……

รัตติกาลมาเยือน จวนตระกูลซ่งในเมืองหลวงแคว้นเยี่ยน

รถม้าธรรมดาคันหนึ่งจอดอยู่ด้านนอกประตูข้าง เฉินกุยซั่วที่สวมหมวกไผ่สานกระโดดลงมาจากรถม้า เคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป

ภายในรถม้า ซ่งซูก็มุดออกมาด้วยเช่นกัน บนร่างยังมีกลิ่นสุราติดอยู่เล็กน้อย เขาเพิ่งกลับมาจากบ้านอนุภรรยาที่เลี้ยงดูไว้ด้านนอก

ถึงแม้จะมีภรรยาเอกอยู่ที่บ้านแล้ว แต่เขาก็ยังออกไปผ่อนคลายด้านนอกบ้างเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะสถานการณ์ในระยะนี้ของตระกูลซ่งทำให้เขาค่อนข้างกลัดกลุ้ม เขาจึงออกไปหาความสำราญเสียหน่อย

ซ่งซูเดินเข้าประตูด้านข้างไปอย่างรวดเร็ว เฉินกุยซั่วถอดหมวกไผ่สานยื่นให้คนใช้ที่เฝ้าประตู ตามซ่งซูเข้าไปด้านใน

คนรับใช้ที่เฝ้าประตูขึ้นไปบนรถม้าอย่างรวดเร็ว บังคับรถม้ากลับไปส่งคืนที่เดิม

ซ่งซูกลับไปถึงเรือนตน เรียกหาฮูหยินอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้รับการตอบกลับ จึงหันไปถามคนใช้ที่กวาดลานเรือน “ฮูหยินไปไหน?”

คนใช้ตอบว่า “ฮูหยินอยู่ในห้องตลอดยังไม่ออกมาเลยขอรับ คิดว่าน่าจะพักผ่อนอยู่ขอรับ”

ซ่งซูมองท้องฟ้า พักผ่อนเวลานี้น่ะหรือ ทำอะไรอยู่กันแน่?

จากนั้นเขาก็ไปที่ห้องนอน พริบตาที่ผลักประตูเข้าไป ปีกจมูกพลันขยับไหว ได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง จึงรีบเข้าไปอย่างรวดเร็ว เห็นบนพื้นมีศพสองร่างนอนจมกองเลือดอยู่

สาวใช้เบิกตาโพลง ส่วนศีรษะของศพอีกร่างหนึ่งไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว แต่ดูจากการแต่งกายแล้วนั่นคือภรรยาของตน

ดวงตาของซ่งซูค่อยๆ เบิกขยาย เกิดเสียงดัง ‘วิ้ง’ ขึ้นในหัว ในเวลานี้เอง มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากด้านนอก “แย่แล้ว แย่แล้ว เกิดเรื่องกับคุณชายใหญ่แล้ว…”

ซ่งซูเคลื่อนกายผ่านประตูออกไปอย่างรวดเร็ว วิ่งไปยังทิศที่มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา มองเห็นหญิงชราคนหนึ่งที่ดูราวกับเป็นบ้าไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น ใบหน้าขาวเซียว ฉุดดึงผู้คนที่ล้อมวงเข้ามาพลางตะโกนประโยคเดิมซ้ำๆ ว่า “เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องกับคุณชายใหญ่แล้ว…”

ซ่งซูขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที ชักกระบี่ออกมา กระโจนขึ้นลงสองสามคราก็เหินทะยานมาถึงเรือนของซ่งเฉวียนผู้เป็นพี่ชายคนโต ก่อนจะเห็นคนใช้ในเรือนกำลังตกอยู่ในความตื่นตระหนกวุ่นวาย มีคนร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว

ซ่งซูพุ่งเข้าไปในโถงเรือน มองเห็นร่างที่ยังสวมชุดขุนนางร่างหนึ่งนอนจมกองเลือด ข้างกายยังมีศพอีกสี่ร่าง ล้วนมีสภาพเดียวกับภรรยาเขา ศีรษะหายไปหมด

เพียงแค่เห็นเขาก็เข้าใจแล้ว พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ยังมีหลานชายทั้งสองกับหลานสาวอีกคน…

ในเวลานี้เอง คนของเรือนทางนี้ที่รีบวิ่งไปที่เรือนหลักเพื่อรายงานก็ส่งเสียงร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง

ความคิดอัปมงคลอย่างหนึ่งวาบเข้ามาในหัว ใบหน้าซ่งซูฉายแววตื่นตระหนกลนลาน รีบเคลื่อนกายไปอย่างรวดเร็ว ทะยานออกจากประตูไป เข้าไปในเรือนด้านหลังที่คนนอกไม่สามารถเข้าไปโดยพลการได้ ก่อนจะเห็นว่าทางด้านนี้ก็ตกอยู่ในความวุ่นวายเช่นเดียวกัน มีคนกลุ่มหนึ่งอออยู่ที่หน้าประตูห้องหนังสือ

“หลีกไป!” ซ่งซูดึงคนที่ออกันอยู่ตรงหน้าห้องหนังสือออกแล้วพุ่งเข้าไปในห้องหนังสือ ทันทีที่เห็นสภาพในห้องหนังสือ เขาก็พบว่ามีร่างคนสองร่างนอนจมกองเลือดอยู่ ไร้ซึ่งศีรษะเช่นเดียวกัน

เพียงมองก็จำได้ว่านั่นคือซ่งจิ่วหมิงผู้เป็นบิดากับพ่อบ้านหลิวลู่ ซ่งซูใบหน้าซีดเผือด ซวนเซถอยหลังไป ยันกระบี่ค้ำผนังไว้ ลมหายใจหอบถี่

ในเวลานี้เอง เฉินกุยซั่วพุ่งเข้ามา เมื่อเห็นสภาพที่เกิดเหตุก็เอ่ยถามเสียงเศร้าว่า “อาจารย์อา นี่มันอะไรกันขอรับ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า