ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 2

ตอนที่ 2 คนโบราณกล่าวไว้ไม่มีผิด

การติดตั้งภายในเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ภายในรูปปั้นกวนอิมที่อยู่ใต้เท้าเองก็คล้ายมีเสียงความเคลื่อนไหวบางอย่างดังขึ้นมา

เขากระชากเอาคันฉ่องออกมาจากโซ่โลหะ แต่ยังมิทันที่เขาจะได้กระโดดลงมาจากบนหัวไหล่ของรูปปั้น ใต้พื้นพระราชวังใต้ดินก็มีเสียงสลักดัง ‘ครืดๆๆ’ ขึ้นมา ความเคลื่อนไหวนี้รุนแรงเสียยิ่งกว่ากลไกที่เขาไปสัมผัสถูกก่อนหน้านี้ กระทั่งพื้นพระราชวังก็กำลังสั่นสะเทือน ทั่วทั้งพระราชวังโยกไหวไปมาอย่างรุนแรง

เต้าเหยี่ยที่เกือบจะกระโดดลงไปใช้แขนเกี่ยวศีรษะของรูปปั้นเอาไว้ ก่อนจะใช้ไฟฉายกวาดมองดูสถานการณ์รอบด้านอย่างรวดเร็ว การจะไปแตะถูกอะไรโดยไม่จำเป็นในเวลาเช่นนี้นั้นมิใช่เรื่องดีอะไรนัก

มีอะไรบางอย่างร่วงตกลงมาจากด้านบน แสงไฟฉายส่องขึ้นไป พบว่าเพดานกำลังปริแตก

“เจ้าลิง เพดานกำลังจะถล่มลงมาแล้ว รีบออกไปเร็ว!” เต้าเหยี่ยส่งเสียงตะโกน ส่วนตัวเองก็กระโดดลงมาจากบนไหล่ของรูปปั้น

แต่ว่าโชคของเขาไม่ดีเท่าไรนัก หินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งร่วงตกลงมาทับเขากลางอากาศ

กระทั่งในตอนที่เขานอนหมอบลงไปกับพื้นพร้อมทั้งกระอักเลือดออกมา เขาคล้ายมองเห็นร่างของชายที่รูปร่างเล็กผอมวูบไหวผ่านไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางก้อนหินที่ทยอยร่วงตกลงมา ก่อนจะกลิ้งตัวหนีเข้าไปในอุโมงค์ที่พวกเขาเข้ามา จากนั้นภาพเบื้องหน้าพลันมืดลง เขาสูญเสียการรับรู้ไป….

ภายในหัวของเขาเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย หลังความรู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรงหดหายไปเหมือนกระแสน้ำไหล เขาก็ค่อยๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมา ภาพเบื้องหน้ามืดสลัว มีแสงไฟวูบไหวไปมา

สายตาเขากวาดมองซ้ายขวา ก่อนจะมองเห็นแหล่งกำเนิดแสงสว่าง คบเพลิงแท่งหนึ่งเสียบเฉียงๆ อยู่บนเสาต้นหนึ่ง ตัวเองคล้ายอยู่ในวัดร้างเก่าๆ ที่มีความเก่าแก่โบราณแห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าคือที่ไหน แต่น่าจะเป็นเจ้าลิงที่หนีออกไปที่เป็นคนช่วยตัวเองออกมา

ความรู้สึกที่ถูกหินทับจนนอนหมอบอยู่กับพื้นก่อนหน้านี้ยังคงอยู่ ด้วยน้ำหนักของหินก้อนนั้น เกรงว่าต่อให้ไม่ตายก็คงมีสภาพที่ไม่ได้ดีสักเท่าไรนัก การที่ตัวเองสามารถรอดชีวิตมาได้นับว่าโชคดีมากแล้ว

จากประสบการณ์ของเขา หากต้องอยู่ในสภาพที่บาดเจ็บสาหัส ก็อย่าได้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างรุนแรงจะเป็นการดีที่สุด แม้นร่างกายจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอะไร แต่นั่นอาจจะเป็นผลจากการที่เส้นประสาทกำลังอยู่ในอาการชาก็เป็นได้

ลองขยับนิ้วมือดูก่อน นิ้วมือทั้งสิบขยับได้ไม่ติดขัด ไม่มีปัญหา!

ลองขยับฝ่ามือไปจนถึงแขน ขยับไม่ลื่นไหล ไม่มีปัญหาเช่นกัน!

ลองยกเท้าทั้งสองข้าง งอเข่ายืดหดขา ยังคงไม่มีปัญหา!

ภายใต้ความรู้สึกประหลาดใจระคนยินดี เขาใช้มือทั้งสองข้างยันไปบนพื้น ขณะที่กำลังคิดจะทดสอบสภาพร่างกาย จู่ๆ พลันมีใบหน้าแก่ชราที่อมยิ้มเล็กน้อยใบหน้าหนึ่งบดบังสายตาของเขาเอาไว้จากด้านบน ทั้งปิ่นปักผม มวยผมและรูปแบบของเสื้อผ้าชุดนั้น นั่นคือชายชราที่แต่งกายด้วยชุดโบราณคนหนึ่ง

“พ่อหนุ่ม เจ้าตื่นแล้วหรือ? ดูเหมือนโชคของข้าจะยังดีอยู่จริงๆ” ชายชรายิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว ยื่นมือไปจับที่หัวไหล่ของเขาแล้วดึงขึ้น จากนั้นประคองเขาขึ้นมา

เต้าเหยี่ยยังคงมีความระแวงอยู่เล็กน้อย คิดอยากจะโคจรพลังขึ้นมาป้องกัน แต่กลับพบว่าไม่สามารถดึงเอากำลังภายในออกมาได้ เกรงว่าน่าจะเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เมื่อลุกขึ้นนั่งพลางบิดร่างกายดูเล็กน้อย เขาก็พบว่าร่างกายไม่มีปัญหาอะไร มีเพียงด้านหลังศีรษะที่มีความรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย คล้ายเคยถูกอะไรบางอย่างกระแทกใส่

สายตาเขากวาดมองดูสภาพภายในวัดร้าง ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของชายชรา จากนั้นกล่าวถามว่า “พี่ชาย ที่นี่คือ…” ทันทีที่คำพูดหลุดออกจากปาก เขาก็พบว่าเสียงของตัวเองแปลกไป ฟังดูค่อนข้างอ่อนเยาว์ เกรงว่าน่าจะเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน เขาจึงกระแอมเล็กน้อยแล้วกล่าวถามต่อไปว่า “ที่นี่คือที่ไหน?”

“พี่ชาย?” ชายชรางุนงงไปเล็กน้อย จากนั้นพลันหัวเราะหึๆ ขึ้นมาพลางกล่าว “คนหนุ่มสาวนี่พูดจาไม่มีความเกรงใจกันเลย เอาล่ะ พี่ชายก็พี่ชาย เป็นตัวของตัวเองแบบนี้แหละ ข้าชอบ ที่นี่เรียกว่าอะไรข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน ข้าเองก็ไม่มีเวลาไปนั่งสำรวจดูด้วย อย่างไรเสียมันก็อยู่ในภูเขารกร้างแห่งหนึ่งในจังหวัดจื่ออวิ๋นของแคว้นเยี่ยน”

จังหวัดจื่ออวิ๋นของแคว้นเยี่ยน? เต้าเหยี่ยพลันงุนงง นี่มันคือที่ไหนกัน?

จึงอดสังเกตดูอีกฝ่ายเล็กน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ได้ พบว่าบนเสื้อผ้าตรงหน้าอกของอีกฝ่ายมีรอยคราบเลือดขนาดใหญ่ ได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ สีหน้าค่อนข้างขาวซีด คล้ายได้รับบาดเจ็บมา แต่สายตาของอีกฝ่ายยังคงเป็นประกาย จึงกล่าวถามว่า “ไม่ทราบว่าพี่ชายชื่ออะไร?”

ชายชรายิ้มพลางกล่าว “ข้าชื่อตงกัวเฮ่าหราน ศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์”

เต้าเหยี่ยงุนงงไปอีกครั้งหนึ่ง คำพูดได้ยินอย่างชัดเจน แต่กลับไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไร จึงสังเกตดูอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง พบว่าอีกฝ่ายแต่งกายด้วยชุดโบราณ คำพูดเองก็มีความโบราณ นี่เขาอินกับบทบาทเกินไปหรือเปล่า? คุณจะแสดงเป็นคนโบราณก็แสดงให้มันเหมือนหน่อยได้หรือเปล่า คนโบราณอะไรพูดจีนกลางชัดขนาดนี้ ? เขาสงสัยว่ามีคนกำลังแกล้งเขา จึงเหลียวหน้ามองไปรอบด้านพลางตะโกน “เจ้าลิง! เจ้าลิง…”

ชายชราเองก็งุนงงไปเล็กน้อย กล่าวว่า “ข้าเองก็เพิ่งมาถึง ก็ไม่เห็นลิงอะไรนะ ในป่าแถบนี้มีลิงด้วยอย่างนั้นหรือ?”

ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าลิง แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่คนที่สามารถพาตัวเองออกมาจากสุสานโบราณได้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เต้าเหยี่ยกล่าวถามเสียงเบา “พี่ชาย ทำอาชีพอะไรเหรอ?”

ชายชรายิ้มพลางกล่าว “สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ย่อมเป็นฝ่ายธรรมะ”

เต้าเหยี่ยแค่นหัวเราะ “พี่ชาย ถ้ายังล้อกันเล่นแบบนี้มันไม่สนุกนะ มีอะไรก็พูดตรงๆ เถอะ”

“ได้!” ชายชราพยักหน้าพลางกล่าว “ตัวข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส เหลือเวลาไม่มากแล้ว บางทีเจ้าอาจจะไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่เจ้าแค่ต้องจำเรื่องหนึ่งเอาไว้ให้ดี สำนักสวรรค์พิสุทธิ์เองก็อยู่ในจังหวัดจื่ออวิ๋นเช่นเดียวกัน ห่างจากที่นี่ประมาณสามร้อยกว่าลี้ ลงจากเขาลูกนี้ไปไม่ไกลจะมีแม่น้ำอยู่สายหนึ่ง ล่องตามแม่น้ำลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงน้ำตกตรงผาขาดแห่งหนึ่งก็ให้หยุดลง ตรงที่ที่อบอวลไปด้วยพลังวิญญาณแห่งนั้นก็คือสถานที่ตั้งของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ จำได้หรือยัง?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า