ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 201

ตอนที่ 201 ของขวัญชิ้นใหญ่

หนิวโหย่วเต้าไม่ได้บอกนางว่ารออะไร

ทั้งคณะเดินทางต่อไป ผ่านมณฑลจินโจว เข้าสู่เขตจังหวัดชิงซาน

เดิมทีการเดินทางเข้าแคว้นเยี่ยนแล้วกลับไปยังจังหวัดชิงซานจะช่วยย่นระยะทางได้ไม่น้อย แต่เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ทั้งคณะยังคงเลือกเดินทางอ้อมไปไกลหน่อย

…..

ทั้งกลุ่มกลับจากการเดินทางอันยาวนาน มองเห็นตัวเมืองชิงซานอยู่ด้านหน้า ทว่าหนิวโหย่วเต้าไม่ได้เดินทางเข้าเมือง หากแต่เข้าไปในป่าเขาละแวกนั้น

อาทิตย์อัสดงช่างงดงาม ผืนป่าฉาบย้อมด้วยแสงสีทอง หนิวโหย่วเต้ายืนอยู่บนเนินเขาลูกหนึ่ง ทอดสายตามองออกไป เบื้องหน้าที่อยู่ไกลออกไปคือตัวเมืองของจังหวัดชิงซาน ด้านหลังคือป่าไม้และขุนเขาที่ทอดตัวสูงต่ำ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาเยือนตัวเมืองจังหวัดชิงซาน

ม้าตัวหนึ่งวิ่งห้อไปบนถนนหลวงอยู่ไกลๆ มุ่งตรงไปทางประตูเมือง เป็นต้วนหู่ เขาได้รับคำสั่งให้ไปหาหยวนฟางเพื่อสอบถามสถานการณ์ หากสถานการณ์เหมาะสม ก็ให้หยวนฟางแจ้งต่อซางเฉาจงว่าหนิวโหย่วเต้ากลับมาแล้ว!

หลังรออยู่พักหนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งเดินทางออกมาจากทางประตูเมือง มุ่งตรงมาทางนี้

เมื่อเดินทางมาถึง คนกลุ่มใหญ่ก็เข้ามาในป่าโดยมีต้วนหู่คอยนำทาง ผู้บำเพ็ญเพียรหลายสิบคนเหินทะยานไปบนยอดไม้

ซางเฉาจง ซางซูชิง หลานรั่วถิง หยวนฟาง ไป๋เหยา เฟ่ยฉางหลิวเจ้าสำนักเซียนสถิต เจิ้งจิ่วเซียวเจ้าสำนักเมฆาล่องและเซี่ยฮวาเจ้าสำนักคีรีพิลาส คนกลุ่มใหญ่เดินทางมาถึงบริเวณเชิงเขา

ทุกคนพากันเงยหน้ามองขึ้นไปบนเนินเขา เห็นหนิวโหย่วเต้ายืนค้ำกระบี่หันหลังอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ยามอัสดงที่ส่องประกายลงมา ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยแสงตะวันเลือนสลัว

เมื่อได้เห็นแผ่นหลังที่คุ้นตานี้อีกครั้ง โดยเฉพาะท่ายืนค้ำกระบี่อันคุ้นตานั้น คนรู้จักเก่าอย่างพวกซางเฉาจงดูค่อนข้างตื่นเต้นกันอย่างเห็นได้ชัด

หนิวโหย่วเต้าหันกลับมา มองกลุ่มคนที่อยู่ตรงเชิงเขาพลางยิ้มเล็กน้อย แสงอาทิตย์ยามอัสดงส่องกระทบใบหน้าด้านข้างของเขา ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาดูลึกลับและเยือกเย็น

คนกลุ่มหนึ่งกระโดดลงจากหลังม้า ซางเฉาจงวิ่งพุ่งขึ้นไปบนเนินเขาด้วยความร้อนใจ สีหน้าดูตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

ซางซูชิงเองก็มีสีหน้าตื่นเต้น ภายในดวงตาที่มองไปยังคนที่อยู่บนเนินเขาเปล่งประกายต่างไปจากปกติ แม้แต่หลานรั่วถิงเองก็วิ่งขึ้นไปบนเนินเขาเช่นกัน

หยวนฟางเหินทะยานขึ้นไป ร่อนลงข้างกายหนิวโหย่วเต้า ประสานมือเอ่ยเรียกด้วยความดีใจ “เต้าเหยี่ย!”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าให้ ยกมือปรามคนที่กำลังวิ่งขึ้นมาจากเชิงเขา สื่อว่าไม่ต้องขึ้นมา จากนั้นเคลื่อนกายเหินลงไป

แยกจากกันไปนาน ในที่สุดก็ได้กลับมาพบหน้าสองพี่น้องตระกูลซางอีกครั้ง

“คารวะท่านอ๋อง ท่านหญิง ท่านหลาน” หนิวโหย่วเต้าประสานมือคำนับ

ซางเฉาจงรีบยื่นสองมือไปประคองเอาไว้ กล่าวว่า “เต้าเหยี่ย จะกลับมาไยไม่ส่งคนมาแจ้งข่าวล่วงหน้าสักหน่อยเล่า ข้าจะได้มารอต้อนรับด้วยตัวเอง!”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยยิ้มๆ “เพื่อความปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ ป้องกันไม่ให้คนถ่อยปองร้ายได้!”

พอได้ยินคำว่า ‘ปลอดภัย’ สองพยางค์นี้ ซางเฉาจงก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา และเป็นเพราะเหตุนี่ เขาจึงรู้สึกตื้นตันจนไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรออกมาดี จู่ๆ พลันยกชายเสื้อคลุมขึ้นเล็กน้อย คุกเข่าลงไปกับพื้นข้างหนึ่ง “เต้าเหยี่ย โปรดรับการคารวะจากข้าด้วย!”

“มิบังอาจ!” หนิวโหย่วเต้ารีบพยุงเขาไว้ มองกลุ่มคนที่เดินตามหลังเข้ามา เอ่ยกระซิบไปว่า “ที่นี่มีคนอยู่เยอะ มีอะไรกลับไปแล้วค่อยว่ากันดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”

“ตกลง!” ซางเฉาจงพยักหน้ารับ

ดวงตาของซางซูชิงเต็มไปด้วยความคาดหวัง เตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง จนใจที่หนิวโหย่วเต้าเพียงยิ้มและพยักหน้าให้นางเล็กน้อย เพียงพริบตาความสนใจก็ละไปจากตัวนางเสียแล้ว ทำให้ดวงตาของซางซูชิงทอแววผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นสายตาก็เคลื่อนไปที่เฮยหมู่ตานและเหลยจงคังที่ยืนอยู่ด้านหลังหนิวโหย่วเต้า

เฮยหมู่ตานและเหลยจงคังสบตากันเล็กน้อย ต่างรู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจ ล้วนคิดไม่ถึงเลยว่าเต้าเหยี่ยจะได้รับเกียรติจากยงผิงจวิ้นอ๋องถึงขนาดนี้ ถึงขนาดทำให้ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์คุกเข่าคารวะได้!

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งสองแอบรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนขอเพียงติดตามเต้าเหยี่ย การจะลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ก็คล้ายว่าจะไม่มีปัญหาอันใด อนาคตดูแล้วสดใส!

พวกเฟ่ยฉางหลิวเดินเข้ามา หลังจากประสานมือทักทายกับหนิวโหย่วเต้าแล้ว เซี่ยฮวาก็เอ่ยถามหนิวโหย่วเต้าว่า “เหตุใดถึงเพิ่งกลับมาล่ะ?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “มีปัญหานิดหน่อยน่ะ”

ขณะที่คนอื่นๆ กล่าวทักทายกันอยู่ ไป๋เหยาเฝ้ามองอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าคล้ายจะไร้ความรู้สึก แต่แท้จริงแล้วในใจกลับรู้สึกทอดถอนใจเป็นอย่างยิ่ง เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แม้แต่ท่านเจ้าสำนักก็ยังถูกเขาเกลี้ยกล่อมได้ ปากมักจะเอ่ยถึงบ่อยครั้ง บ่นว่าเหตุใดถึงยังไม่กลับมาเสียที!

อันที่จริงเผิงโย่วไจ้เจ้าสำนักหยกสวรรค์ก็มาแล้วเช่นกัน พักอยู่ในตัวเมืองจังหวัดชิงซานได้ระยะหนึ่งแล้ว กำลังรอหนิวโหย่วเต้ากลับมา เพราะเรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องได้เห็นผลลัพธ์เองกับตาถึงจะสบายใจ นี่เป็นงานใหญ่ที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งของสำนักหยกสวรรค์ จะสะเพร่าไม่ได้เด็ดขาด!

พอได้ยินว่าหนิวโหย่วเต้ากลับมาแล้ว อันที่จริงก็ร้อนใจอยากมาพบ แต่จนใจเพราะเรื่องสถานะ เขาเป็นหน้าเป็นตาของสำนักหยกสวรรค์ ไม่สะดวกมาที่นี่ด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นจะถูกมองว่าลดศักดิ์ฐานะมาต้อนรับ เพราะสำนักหยกสวรรค์มิได้อยู่ระดับเดียวกับสำนักเซียนสถิต

คนของสำนักหยกสวรรค์ที่เดินทางมายังจังหวัดชิงซานไม่ได้มีเพียงเจ้าสำนักเผิงโย่วไจ้เท่านั้น หลังจากสมาชิกระดับสูงของสำนักหยกสวรรค์หารือกันแล้วก็เดินทางมากันไม่น้อย ต่างก็อยากเห็นกับตาตัวเอง แต่จนปัญญาที่ไม่เห็นหนิวโหย่วเต้ากลับมาเสียที ทำเอาสำนักหยกสวรรค์ร้อนใจกันเป็นอย่างยิ่ง กังวลว่าหนิวโหย่วเต้าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างทาง

เมื่อเห็นว่าพอได้เจอหน้าก็พูดคุยกันไม่จบ หลานรั่วถิงจึงเอ่ยสอดขึ้นว่า “ทุกท่าน เต้าเหยี่ยเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกล ให้เขากลับไปพักในเมืองก่อน มีเรื่องใดค่อยว่ากันทีหลังดีหรือไม่?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “หากข้าปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนที่นี่ นั่นจะทำให้ราชสำนักแคว้นเยี่ยนต้องเสียหน้าอย่างมาก เรื่องราวบางอย่างทุกท่านเพียงแค่รู้อยู่แก่ใจก็พอ ไม่ง่ายเลยกว่าเราจะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฉีกหน้าราชสำนักอีก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า