ตอนที่ 202 กระดากใจเล็กน้อย
ของขวัญชิ้นใหญ่หรือ? เฮยหมู่ตานไม่ทราบเรื่อง ค่อนข้างงุนงง
พวกซางเฉาจงตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ ตอนนั้นก่อนที่หนิวโหย่วเต้าจะไปเก็บตัวบำเพ็ญเพียรเหมือนจะเคยพูดเช่นนี้จริงๆ ยามนี้พอนึกถึงขึ้นมาได้ ต่างตกตะลึงกันถ้วนหน้า
หลานรั่วถิงเอ่ยถามด้วยความตกใจระคนสงสัย “เต้าเหยี่ย หรือว่าเรื่องที่เจ้าสำนักทั้งสามมาเยือนด้วยตัวเองคือของขวัญที่เต้าเหยี่ยกล่าวถึงในครานั้น?”
หนิวโหย่วเต้าถามยิ้มๆ ว่า “หรือท่านหลานยังรังเกียจว่าการที่สามสำนักเข้ามาเสริมกำลังช่วยท่านอ๋องชิงมณฑลหนานโจวเป็นของขวัญที่เล็กน้อยเกินไปอยู่?”
“ไม่ๆๆ! เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ นี่เป็นของขวัญชิ้นใหญ่!” หลานรั่วถิงรีบโบกมือปฏิเสธ ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไรไปชั่วขณะหนึ่ง รีบเอ่ยชี้แจงว่า “ข้าเพียงแต่คิดว่า…หรือเต้าเหยี่ยจะวางแผนเอาไว้ถึงขั้นนี้ตั้งแต่แรกแล้ว?”
หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า “สถานการณ์เปลี่ยนแปลง ของขวัญที่เอ่ยถึงในตอนนั้นมิใช่เรื่องนี้ จึงได้แต่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ เอาเป็นว่าไม่แย่ไปกว่าที่คิดไว้ตอนแรกแน่นอน”
หลานรั่วถิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก นึกว่าเขาวางแผนเตรียมการให้มีวันนี้ไว้ตั้งแต่แรก เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง อย่างนั้นทักษะการวางกลยุทธ์ของคนผู้นี้ก็น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว
สองพี่น้องตระกูลซางเองก็โล่งอกเช่นกัน เมื่อครู่ก็พลอยตกใจไปด้วยเหมือนกัน
แม้จะรู้สึกโล่งอก แต่ความรู้สึกทอดถอนใจที่อยู่ภายในใจก็ยังไม่สามารถอธิบายได้อยู่ดี
หลอกแต่งงานกับเฟิ่งรั่วหนาน ยืมกำลังทหารจากจังหวัดกว่างอี้ ตั้งตัวในอำเภอชางหลู เกลี้ยกล่อมไห่หรูเยวี่ย ยึดจังหวัดชิงซาน ยามนี้ยังชักจูงสี่สำนักให้มาช่วยเหลือในแผนการยึดมณฑลหนานโจวอีก แผนการที่เชื่อมโยงกันเป็นทอดๆ เช่นนี้ ชวนให้คนรู้สึกอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
พวกเขาจำต้องยอมรับว่าหนิวโหย่วเต้าเพียงคนเดียวสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของพวกเขาไปได้อย่างสิ้นเชิง พอนึกถึงตอนที่สองพี่น้องเตรียมหนีออกทะเลผ่านทางอุโมงค์ลับ นึกถึงตอนที่หนีออกมาจากเมืองหลวงเยี่ยงสุนัขจนตรอก ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าจะมีวันนี้ได้?
ตอนแรกต้องไปหยิบยืมกำลังทหารมาจากเฟิ่งหลิงปอ แต่ตอนนี้กลับได้กำลังทหารที่เฟิงหลิงปอทุ่มเทกายใจฝึกฝนเลี้ยงดูมาเป็นเวลานานหลายปีโดยไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ แล้วแบบนี้จะไม่ให้พวกเขารู้สึกทอดถอนใจได้อย่างไร?
พวกเขาคาดว่าทางสำนักหยกสวรรค์คงไม่รีบร้อนบอกเรื่องนี้กับเฟิ่งหลิงปอแน่ หากว่าเฟิ่งหลิงปอทราบเรื่องนี้เข้า ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร?
ซางซูชิงอดมองไปทางหยวนกังที่ยืนอยู่ด้านหลังหนิวโหย่วเต้าอีกครั้งไม่ได้ ยังคงจดจำถ้อยคำที่หยวนกังเคยกล่าวกับนางที่วัดหนานซานได้ ทุกถ้อยคำล้วนยังก้องอยู่ในหู ‘กระหม่อมรู้ว่าพวกพระองค์สองพี่น้องคิดอย่างไร พวกพระองค์คิดว่าสภาวะของเต้าเหยี่ยไม่สูงพอ นั่นเป็นเพราะพวกพระองค์มีตาแต่ไร้แวว สำหรับสถานการณ์ของพวกพระองค์ในเวลานี้ ตัวเต้าเหยี่ยมีค่าต่อพวกพระองค์ยิ่งกว่าสภาวะของเขาเสียอีก พวกพระองค์รั้งตัวไว้ผิดคนเสียแล้ว!’
ยามนี้พอนึกย้อนถึงวาจานี้ นางเข้าใจแล้วจริงๆ ว่าถ้อยคำที่หยวนกังผู้เงียบขรึมเอ่ยออกมาในครานั้นมันลึกซึ้งล้ำค่าเพียงใด!
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้พิสูจน์ทุกๆ คำพูดของหยวนกังในตอนนั้นแล้ว สุดท้ายแล้วคนที่รู้จักเต้าเหยี่ยอย่างแท้จริงยังคงเป็นหยวนกัง เห็นได้ชัดว่ายามนั้นหยวนกังมีเจตนาชี้ทางสว่างให้พวกนางด้วยใจจริง!
ตอนนี้พอย้อนนึกดูแล้ว ซางซูชิงยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ่อยครั้ง ช่างโชคดีเหลือเกิน หากตอนนั้นปล่อยให้เต้าเหยี่ยหลุดมือไป พวกนางสองพี่น้องไหนเลยจะมีวันนี้ได้? อย่างน้อยไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่มีทางจะตั้งตัวขึ้นมาได้เร็วขนาดนี้ นับตั้งแต่ที่หนีออกมาจากเมืองหลวงเพิ่งจะผ่านไปได้ครึ่งปีเท่านั้นเอง!
ซางเฉาจงวางเรื่องของขวัญเอาไว้ก่อน เอ่ยสอบถามความเห็นว่า “เต้าเหยี่ย ทางไห่หรูเยวี่ยเร่งรัดทางนี้มาหลายครั้งแล้ว”
หนิวโหย่วเต้าถาม “เร่งรัดอะไรพ่ะย่ะค่ะ?”
ซางเฉาจงกล่าวว่า “นางร้อนใจอยากเห็นผลสำเร็จของกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญโดยเร็ว ข้าก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของนางเช่นกัน นางกังวลว่าหากบุตรชายเป็นอะไรไป หากไม่เหลือสายเลือดตระกูลเซียวอยู่แล้ว ทางวังสวรรค์หมื่นวิมานอาจจะลงมือทำเรื่องที่เหนือความคาดหมายกับนางได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุนี้จึงร้อนใจอยากเห็นทางนี้พัฒนากองกำลังที่สามารถให้การสนับสนุนนางได้ ความรู้สึกนางน่ะข้าเข้าใจอยู่ ทว่าเรื่องนี้ไหนเลยจะรีบร้อนได้ การฝึกฝนกำลังทหารมิใช่เรื่องที่กระทำได้ในชั่วข้ามคืน หากแต่ยังมีข้อจำกัดเงื่อนไขอีกมากมาย ในเมื่อเป็นกองทหารม้า ม้าศึกจำนวนมากย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจขาดได้ เพียงแค่เรื่องนี้ก็ยากจะทำให้สำเร็จได้ในระยะเวลาสั้นๆ แล้ว”
หนิวโหย่วเต้าใคร่ครวญดูเล็กน้อย เอ่ยไปว่า “ตอนนี้เงื่อนไขต่างๆ ของพวกเรายังไม่พร้อม ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องสนใจนาง จัดการเรื่องราวไปตามจังหวะที่ตัวเองสามารถควบคุมได้ก็พอพ่ะย่ะค่ะ”
หลานรั่วถิงเอ่ยแทรกขึ้นมาประโยคหนึ่ง “เต้าเหยี่ยคิดจะสละทางไห่หรูเยวี่ยทิ้งแล้วหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้าเล็กน้อย “เมื่อดูจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว ผู้ใดปกครองมณฑลจินโจวล้วนไม่เป็นประโยชน์ต่อท่านอ๋องเท่าไห่หรูเยวี่ย เอาเป็นว่าท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องนี้ ท่านอ๋องเพียงตั้งใจจัดการเรื่องของตนไปก็พอ ทางไห่หรูเยวี่ยยกให้เป็นหน้าที่กระหม่อม กระหม่อมมีวิธีเกลี้ยกล่อมนางพ่ะย่ะค่ะ”
พอได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ ทั้งสามก็รู้สึกว่าปัญหายุ่งยากนี้ไม่ใช่ปัญหายุ่งยากอีกต่อไปแล้ว
จากนั้นก็พูดคุยกันต่ออีกพักใหญ่ ส่วนใหญ่แล้วเป็นการหารือเรื่องแผนการขั้นต่อไป หนิวโหย่วเต้าเอ่ยกำชับซางเฉาจงไปหลายอย่าง ซางเฉาจงพยักหน้ารับเป็นระยะ จดจำคำพูดของหนิวโหย่วเต้าเอาไว้
ทั้งสามทราบดีว่าหนิวโหย่วเต้าเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล จึงมิได้รบกวนนานเกินไปนัก พูดคุยกันอีกพักหนึ่งก็ขอตัวลา!
หนิวโหย่วเต้าออกไปส่งพวกเขาด้วยตัวเอง แม้นพวกซางเฉาจงพยายามบอกว่าไม่จำเป็นต้องออกมาส่ง แต่หนิวโหย่วเต้ายังคงรักษากฎเกณฑ์มารยาทบางอย่างไว้ เดินไปส่งพวกซางเฉาจงจนออกจากประตูใหญ่ ด้วยเพราะไม่อยากให้พวกซางเฉาจงคิดว่าเขามีความดีความชอบจึงลำพองตัว
เขาทุ่มเทความคิดจิตใจไปมากมายขนาดนี้ เสี่ยงภัยอันตรายไปมากมายเพื่อช่วยสนับสนุนซางเฉาจง ไม่อยากให้เกิดเรื่องผิดใจอะไรกัน อีกทั้งเดินไปส่งตามมารยาทแค่ไม่กี่ก้าวก็ไม่ใช่เรื่องเสียเวลาอันใด
หลังจากมองส่งทั้งสามจากไปแล้ว หนิวโหย่วเต้าหันหลังเดินกลับมา พลางเอ่ยกำชับคนรอบข้างเสียงเบาๆ ว่า “เก็บเรื่องบนภูเขาหิมะเป็นความลับ ห้ามแพร่งพรายต่อผู้ใดเด็ดขาด”
เฮยหมู่ตานพยักหน้ารับ “เจ้าค่ะ!”
หยวนฟางแปลกใจ เรื่องภูเขาหิมะอะไร?
หยวนกังนิ่งเงียบ เขารู้ดี ดูเหมือนเต้าเหยี่ยจะไม่ต้องการให้สองพี่น้องตระกูลซางรู้เรื่องนั้น ช่วยเหลือก็ส่วนช่วยเหลือ สุดท้ายเต้าเหยี่ยก็ยังต้องเหลือทางรอดเอาไว้ให้ตัวเองอยู่!
เฮยหมู่ตานลองสอบถามดู “เต้าเหยี่ย หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว อาบน้ำพักผ่อนไหมเจ้าคะ”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ กระทั่งเฮยหมู่ตานออกไปเตรียมการแล้ว หนิวโหย่วเต้าจึงถามหยวนฟางขึ้นมาว่า “เจ้าหมี ลู่เซิ่งจงคนนั้นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
หยวนฟางหัวเราะอย่างชั่วร้าย เอ่ยตอบว่า “มีชีวิตอยู่ดีขอรับ จับขังไว้ตลอด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า