ตอนที่ 205 ดูหมิ่น
อันที่จริง ในตอนแรกหนิวโหย่วเต้ารู้สึกว่าการไว้ผมยาวเช่นนี้ยุ่งยากนัก เขาถึงได้ผูกผมเป็นหางม้าอย่างง่ายๆ แต่ก็เป็นซางซูชิงที่ทำให้เขารู้สึกว่าการเกล้าผมก็เป็นความผ่อนคลายอย่างหนึ่งเช่นกัน ค่อยๆ ทำให้เขาเคยชินกับการเกล้ามวยผม
“ยังคงเป็นท่านหญิงที่หวีผมได้สบายกว่า” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยชมทั้งที่หลับตาอยู่
ซางซูชิงเม้มปากเล็กน้อย เอ่ยอย่างนุ่มนวล “ผู้ใดทำก็เหมือนกันทั้งนั้น”
หนิวโหย่วเต้าร้อง “หือ” ด้วยน้ำเสียงที่คล้ายจะไม่เห็นด้วย เอ่ยไปว่า “ไม่เหมือนกันหรอกพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ด้วยฐานะของท่านหญิง การที่ให้ท่านมาทำงานของบ่าวไพร่เช่นนี้มันไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร”
ซางซูชิงเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ไม่เป็นไร”
หนิวโหย่วเต้ายิ้มเล็กน้อย ไม่ได้โต้เถียงเรื่องนี้อีก เอ่ยถามว่า “รับประทานมื้อเช้ามาหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”
ซางซูชิงตอบโดยที่มือยังคงหวีผมให้เขาอย่างตั้งใจ “ยังเช้าอยู่ กลับไปค่อยกินก็ยังไม่สาย”
หนิวโหย่วเต้าถาม “ได้กลิ่นหอมไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
ซางซูชิงดมดูเล็กน้อย กวาดตามองไปรอบๆ ก่อนหน้านี้ตอนเดินเข้ามาทางเรือนนี้ นางก็ได้กลิ่นหอมประหลาดสายหนึ่งแล้ว ตอนนี้พอได้ยินเขาเอ่ยถาม จึงเอ่ยถามด้วยความรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “เกี่ยวข้องกับมื้อเช้าหรือ?”
หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมา เมื่อวานตอนที่หยวนกังสำรวจเรือนหลังนี้ เขาพบว่าเจ้าของคฤหาสน์คนเก่าได้ทิ้งสิ่งที่เรียกว่า ‘มู่จื่อ’ ที่คนทางโลกนี้ใช้เป็นกระสายยาไว้ในห้องห้องหนึ่ง ซึ่งความจริงมันคือเมล็ดชาภูเขา นำมาสกัดเป็นน้ำมันได้ เมื่อมีน้ำมันเมล็ดชาก็สามารถทำอาหารได้หลากหลายชนิด หยวนกังย่อมไม่มีทางยอมพลาด ได้สอนสมณะเหล่านั้นแล้วว่าต้องทำอย่างไร กลิ่นหอมนั้นน่าจะมาจากการสกัดน้ำมัน
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เมื่อวานหยวนกังบอกเอาไว้ว่าเช้านี้จะสอนสมณะเหล่านั้นทำปาท่องโก๋เป็นอาหารเช้าสักหน่อย ท่านหญิงอยู่รอชิมด้วยกันสิพ่ะย่ะค่ะ”
“ปาท่องโก๋หรือ?” ซางซูชิแปลกใจ ไม่เคยได้ยินมาก่อน
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ตอนนี้นับว่ามีสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างปลอดภัยแล้ว หยวนกังจึงเริ่มสอนทักษะงานครัวบางอย่างให้สมณะเหล่านั้น…เจ้าหมีคอยฟังอยู่ด้านข้าง จึงขอรับอำนาจจัดการเรื่องอาหารไปทันที ปีศาจอย่างเจ้าหมีค่อนข้างตระหนี่ถี่เหนียว ท่านหญิงเองก็ทราบดี นับจากนี้ไปอาหารจากทางฝั่งกระหม่อมคงจะไม่ใช่สิ่งที่คนนอกนึกจะมากินก็กินได้ง่ายๆ แล้ว ท่านหญิงคอยหวีผมให้กระหม่อมมาโดยตลอด กระหม่อมไม่มีสิ่งใดจะตอบแทน หากว่าไม่รังเกียจ นับจากวันนี้ไปก็มาทานอาหารที่นี่ด้วยกันกับกระหม่อมสิพ่ะย่ะค่ะ”
ซางซูชิงเองก็ยิ้มออกมา ตอบตกลงทันที “ได้!”
เฮยหมู่ตานยกน้ำที่ใช้ล้างหน้าเข้ามา ทางนี้ก็หวีผมเสร็จเรียบร้อยเช่นกัน
เฮยหมู่ตานพินิจดูอย่างจริงจัง จำต้องยอมรับในฝีมือของซางซูชิงเช่นกัน ช่วยหวีผมให้เต้าเหยี่ยได้เรียบร้อยเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีเส้นผมที่ยุ่งเหยิงเลยแม้แต่เส้นเดียว
หลังจากล้างหน้าเสร็จ สตรีทั้งสองก็ออกไปดู ‘ปาท่องโก๋’ ด้วยกัน
ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้า ขณะที่หนิวโหย่วเต้ากำลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ในลานเรือนพลางใคร่ครวญอะไรบางอย่างอยู่ หยวนกังก็เดินเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง
หนิวโหย่วเต้าได้กลิ่นน้ำมันจากตัวเขา ไม่ได้เอ่ยถามเรื่องปาท่องโก๋ แต่กลับถามว่า “นายไม่พอใจเฮยหมู่ตาน?”
หยวนกังส่ายหน้า “เปล่า!”
เขาค่อนข้างปากไม่ตรงกับใจ ความจริงแล้วเขาทนรับพฤติกรรมบางอย่างของเฮยหมู่ตานไม่ได้ รู้สึกว่าค่อนข้างไร้ยางอาย ทว่าเขาก็รู้จักเต้าเหยี่ยดี เต้าเหยี่ยไม่มีทางปฏิเสธคนคนหนึ่งเพียงเพราะจุดบกพร่องของคนคนนั้น เต้าเหยี่ยมองเห็นจุดบกพร่องในตัวคนคนหนึ่ง แล้วก็มองเห็นจุดเด่นในตัวคนคนหนึ่งเช่นกัน หากเป็นคนที่คิดว่าเหมาะสม ต่อให้มีข้อบกพร่องก็ยอมรับได้ เขารู้ว่าเต้าเหยี่ยไม่ถือสาข้อบกพร่องเล็กน้อยของเฮยหมู่ตาน รู้ดีว่าพูดไปก็เปล่าประโยชน์ จึงไม่พูดเสียดีกว่า
หนิวโหย่วเต้าก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก “อีกเดี๋ยวพาลู่เซิ่งจงคนนั้นมาหาฉันด้วย”
หยวนกังพยักหน้ารับ สื่อว่าเข้าใจแล้ว
……
“นางคือท่านหญิงนะ!”
เฮยหมู่ตานที่ถูกขวางไว้หน้าประตูห้องครัวทั้งฉุนทั้งขบขัน นางและซางซูชิงอยากเห็นว่าปาท่องโก๋เป็นอย่างไร ทว่ากลับถูกหยวนฟางขวางไว้หน้าประตูไม่ให้เข้าไป เฮยหมู่ตานทำได้เพียงยกซางซูชิงที่อยู่ข้างๆ มาอ้าง
หยวนฟางประสานมือกล่าวกับซางซูชิงว่า “ท่านหญิง นี่คือสูตรลับเฉพาะ เต้าเหยี่ยรับปากแล้วว่าจะมอบสูตรลับให้วัดหนานซานของอาตมา เป็นลู่ทางหารายได้จุนเจือวัดหนานซานในภายภาคหน้า อีกทั้งเต้าเหยี่ยรับปากแล้วว่าต่อไปเรื่องในห้องครัวจะให้วัดหนานซานของพวกเราเป็นคนรับผิดชอบ ขอท่านหญิงโปรดยกโทษให้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หยวนฟางแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมให้เข้าไป ด้วยกลัวว่าจะถูกคนแอบเรียนรู้สูตรลับ
ซางซูชิงเองก็มิใช่คนหน้าหนา ถูกพูดจนรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา ทำได้เพียงล้มเลิกความคิดที่อยากลองเรียนรู้ดู
เฮยหมู่ตานที่หมุนตัวตามนางจากไปมองหยวนฟางด้วยสายตาดูแคลน เอ่ยทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งว่า “เจ้าหมี ห้องครัวเป็นบ้านเจ้าหรือไง ไยเจ้าไม่แขวนป้ายวัดหนานซานของเจ้าไว้บนประตูครัวเสียเลยเล่า”
หลังจากมองส่งทั้งสองจากไปแล้ว หยวนฟางก็เข้าไปในห้องครัวแล้วหยิบปาท่องโก๋สีเหลืองทองตัวหนึ่งออกมา ใส่ปากเคี้ยวหยับๆ ทั้งนุ่มทั้งกรอบ ยิ่งเคี้ยวยิ่งหอม กินด้วยสีหน้าเอร็ดอร่อย จากนั้นหันกลับไปมองดูวงกบประตูห้องครัว ปากยังคงเคี้ยวหยับๆ เอ่ยพึมพำอย่างใช้ความคิด “วัดหนานซาน…เหมือนจะเหตุผล…”
เขาหยิบปาท่องโก๋อีกสองสามตัวใส่ปากเคี้ยว ปัดมือเล็กน้อย ให้คนไปเรียกหรูหมิงผู้ดูแลเรือนประจิมทิศและหรูฮุ่ยผู้ดูแลเรือนบุริมทิศมา
“เจ้าอาวาส” ทั้งสองพนมมือคำนับ
หยวนฟางชี้ไปที่ห้องครัว เอ่ยว่า “ต่อไปเวลามาทำอาหารที่นี่ จำไว้ว่าต้องให้คนเฝ้าดีๆ อย่าปล่อยให้คนนอกมาขโมยสูตรลับไปได้”
“ขอรับ!” ทั้งสองตอบรับ
หยวนฟางชี้ไปที่วงกบประตูห้องครัวอีกครั้ง “รีบไปทำป้ายวัดหนานซานมา แขวนไว้บนประตู”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า