ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 217

ตอนที่ 217 โอกาสที่ไม่อาจพลาดได้

อู่เทียนหนานยิ้มสู้ กวาดตามองรอบข้างอย่าลับๆ ล่อๆ เดินเข้าไปหาสองพี่น้องที่นั่งคู่กันอยู่ข้างโต๊ะน้ำชา ก้มหน้าลงไประหว่างคนทั้งสองแล้วกระซิบกระซาบบอกเล่าอย่างละเอียด

เดิมทีสองพี่น้องรังเกียจท่าทางลับๆ ล่อๆ ของคนผู้นี้ ทว่าสีหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป ค่อยๆ เคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นแววตาของแต่ละคนวูบไหวไปมาไม่นิ่ง

กระทั่งอู่เทียนหนานเล่าจบแล้วยืดตัวขึ้น สองพี่น้อง คนหนึ่งตบโต๊ะลุกขึ้นยืนทันที อีกคนค่อยๆ ลุกขึ้นตาม ดวงตาของทั้งสองเปล่งประกาย

พี่ใหญ่กำลังหลอกใช้หอหิมะเหมันต์อย่างนั้นหรือ? หนำซ้ำหวงเลี่ยเจ้าสำนักเขามหายานยังเอ่ยปากรับรองอีก? ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป อย่าว่าแต่หอหิมะเหมันต์เลย เกรงว่าสำนักเขามหายานคงสังหารพี่ใหญ่ก่อนเพื่อตัดความสัมพันธ์อย่างแน่นอน!

เซ่าอู๋ปอที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดเปิดปากแล้ว กระซิบถามเสียงเบา “นี่เป็นความจริงหรือ?”

อู่เทียนหนานเอ่ยอย่างระมัดระวัง “คุณชายรอง ต่อให้ข้าใจกล้าแค่ไหนก็ไม่กล้าโป้ปดพวกท่านหรอกขอรับ!”

เซ่าฝูปอที่กวาดตามองรอบข้างกระซิบถามเสียงเบาๆ ว่า “เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”

อู่เทียนหนานกล่าวว่า “ข้ามีสหายร่วมบ้านเกิดที่อำเภอผิงชวน เป็นผู้บำเพ็ญเพียรเหมือนกัน เขาทราบสถานการณ์ของโลกบำเพ็ญเพียรพอสมควร ก่อนหน้านี้ไม่นานได้พบพานพูดคุยกัน ตอนที่เอ่ยถึงจวนผู้ว่าการมณฑล เขาจึงถือโอกาสเอ่ยเตือนข้ามาประโยคหนึ่ง เรื่องที่หมายจะเล่นงานหนิวโหย่วเต้าเป็นที่พูดถึงกันไปทั่วหอหิมะเหมันต์แล้วขอรับ หาใช่ความลับอันใดไม่ มีเพียงคนธรรมดาอย่างพวกเราเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่อง”

เซ่าอู๋ปอถาม “สหายร่วมบ้านเกิดคนนั้นของเจ้าอยู่ที่ไหน?”

อู่เทียนหนานกลับมีสัจจะเป็นอย่างยิ่ง ตอบไปว่า “บังเอิญพบกันระหว่างทางขอรับ เขาจากไปแล้ว อีกฝ่ายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรออกท่องไปไม่หยุดนิ่ง ข้าก็ไม่ทราบเช่นกันว่าจะไปตามหาเขาได้ที่ไหน”

อันที่จริงก็มิใช่ว่ามีสัจจะอันใด หากแต่เป็นเพราะกลัวจะทำให้เถาเยี่ยนเอ๋อร์โกรธเข้าเท่านั้น รับปากเอาไว้แล้วว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องสองพี่น้อง แต่เขากลับเชื่อในคำพูดของลู่เซิ่งจงโดยไม่นึกสงสัยเลย

ไม่ได้สนิทสนมกับอีกฝ่ายถึงขนาดนั้น ไหนเลยจะทราบถึงแผนการร้ายที่อยู่เบื้องหลัง คิดเพียงแต่ว่า ‘เถาจวิน’ ไม่จำเป็นต้องหลอกเขาเลย

เซ่าอู๋ปอเอ่ยเสียงขรึม “เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็กๆ หากไม่มีพยาน ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าพูดจริงหรือโกหก” จากนั้นก็เลิกคิ้วพลางเอ่ยว่า “คุณชายใหญ่ส่งเจ้ามาใช่หรือไม่?”

เขาสงสัยเล็กน้อยว่าจะใช่กับดักที่พี่ใหญ่ขุดเอาไว้เพื่อล่อให้พวกเขากระโดดลงไปหรือเปล่า

อู่เทียนหนานร้องไอหยา เอ่ยไปว่า “คุณชายรอง ก็อย่างที่ท่านบอกอย่างไรล่ะขอรับ เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็ก หากข้านำเรื่องนี้มาพูดส่งเดช มิเท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือขอรับ? หากพูดปด ก็เท่ากับว่าข้าชักจูงให้คุณชายทั้งสองเข้าใจผิด ท่านผู้ว่าการมณฑลจะปล่อยข้าไปได้อย่างไร คนแรกที่ซวยย่อมเป็นข้า ข้าไหนเลยจะกล้าขอรับ!”

ดูจากท่าทางของเขาแล้ว คล้ายว่าอยากจะควักหัวใจออกมาพิสูจน์ยืนยันความบริสุทธิ์ของตนใจแทบขาด

เขายอมกัดฟันมา ทั้งที่รู้ดีว่าหากเข้าไปพัวพันในเรื่องนี้ก็เท่ากับเสี่ยงอันตรายเช่นกัน

เหตุผลที่ยอมเสี่ยงเช่นนี้ ก็เพราะเขารู้ดีว่ายิ่งเสี่ยงเท่าไรผลประโยชน์ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ขอเพียงช่วยคุณชายสองท่านนี้โค่นคุณชายใหญ่ได้ อำนาจของคุณชายใหญ่ย่อมตกมาอยู่กับคุณชายทั้งสอง ตัวเขาย่อมต้องได้รับผลประโยชน์ส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน

หลายปีมานี้เขาเฝ้าหาช่องทางมาโดยตลอด สวรรค์ไม่ทอดทิ้งผู้มีจิตใจแน่วแน่ ในที่สุดเขาก็พบกับโอกาสครั้งสำคัญ จะยอมปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร!

เขาต้านทานความเย้ายวนไม่ไหว ปฏิเสธหัวใจตนไม่ได้

สองพี่น้องตระกูลเซ่าสบตากัน คิดๆ ไปก็พบว่าจริงดั่งว่า อีกอย่างพวกเขาก็ทราบถึงความสามารถของพี่ใหญ่ดี หากพี่ใหญ่ต้องการแตกหักกับพวกเขาจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอ้อมค้อมเช่นนี้เลย

หากต้องการจัดการพวกเขาสองคน ในมือพี่ใหญ่มีทรัพยากรและวิธีการอยู่มากมาย จำเป็นต้องลากหอหิมะเหมันต์และสำนักเขามหายานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือ?

ทั้งสองรู้ตัวดีว่าตนเองยังไม่มีค่ามากขนาดนั้น!

สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเขาก็ทราบถึงความขัดแย้งระหว่างเซ่าผิงปอและหนิวโหย่วเต้าเช่นกัน เพียงแต่ไม่รู้เลยว่าเซ่าผิงปอจะใจกล้าถึงเพียงนี้ กระทั่งหอหิมะเหมันต์ก็กล้าวางแผนใช้ประโยชน์

“พี่รอง ท่านว่าอย่างไร” เซ่าฝูปอกระซิบถาม เห็นได้ชัดว่าเกิดความหวั่นไหว

เซ่าอู๋ปอขมวดคิ้วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง มองไปที่อู่เทียนหนานอีกครั้ง เอ่ยว่า “เรื่องนี้ต้องให้พวกเราไตร่ตรองกันสักหน่อย เจ้ากลับไปรอฟังข่าวก่อนเถอะ”

“ขอรับ ข้าจะรอฟังคำสั่งจากคุณชายทั้งสองขอรับ” อู่เทียนหนานพยักหน้ารับ ค้อมกายคำนับลา

หลังจากขอตัวลา เขาก็ออกมาจากจวนผู้ว่าการมณฑล ทว่ายังเดินไปได้ไม่ไกลเท่าไร ขณะที่เพิ่งเดินผ่านตรอกแห่งหนึ่ง จู่ๆ ก็มีคนเดินมาชนเขาตรงริมถนนเล็กน้อย เขาถูกชนจนเดินเซเข้าไปในตรอก

“เดินประสาอะไร ไม่มีตาหรือ…”

อู่เทียนหนานที่ซวนเซจนเกือบจะล้มยังด่าไม่ทันจบ ด้านหลังพลันมีมือข้างหนึ่งยื่นมาปิดปากเขา รัดลำคอเขาเอาไว้

คนที่ชนเขามองซ้ายมองขวาเล็กน้อย เดินเข้ามาในตรอกเช่นกัน ร่วมมือกับอีกสองคนที่กดตัวอู่เทียนหนานไว้ พาตัวอู่เทียนหนานเข้าไปในส่วนลึกของตรอก

“อื้อๆ…” อู่เทียนหนานดิ้นรนพลางร้องอู้อี้

ใครคนหนึ่งกระซิบขึ้นมาว่า “อย่าร้อง คุณชายทั้งสองบอกไว้แล้ว หากต้องการยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมาเป็นความจริง ก็ให้อยู่กับทางนี้แต่โดยดีไปสักระยะก่อน หากยืนยันได้ว่าเป็นความจริง คุณชายทั้งสองย่อมต้องตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน”

อู่เทียนหนานกะพริบตาปริบๆ ปล่อยให้ลากตัวไปอย่างว่าง่าย

……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า