ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 223

ตอนที่ 223 เรื่องฉาวโฉ่ในบ้านไม่อาจแพร่งพรายออกไปได้

ภายในคุก เงาไฟจากกระถางไฟวูบไหว ทำให้ห้องลงทัณฑ์ดูน่าประหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมาหลายส่วน

ศีรษะของอู่เทียนหนานที่ถูกมัดไว้บนเครื่องทรมานห้อยตกลง ลมหายใจดูรวยริน โลหิตเปรอะเปื้อนเต็มตัว เสื้อผ้าหรูหราขาดวิ่นจนมองเห็นบาดแผลอาบเลือด

เขาถูกสอบปากคำ ถูกทรมานอย่างทารุณ

ทันทีที่สองพี่น้องเซ่าอู๋ปอและเซ่าฝูปอสิ้นท่า ลูกน้องของทั้งสองมีใครบ้าง ทางจวนท่องคลื่นทราบกระจ่างยิ่ง เพียงไม่นานก็จับตัวคนที่นำอู่เทียนหนานไปซ่อนตัวไว้ออกมาได้

ในสถานการณ์ที่เซ่าผิงปอเกือบต้องจบชีวิตลงเช่นนี้ เมื่อตกอยู่ในกำมือของจวนท่องคลื่นแล้ว ถ้ายังมีจุดจบที่ดีได้ก็แปลกแล้ว

แอ๊ด! เสียงเปิดประตูเหล็กที่ดังเสียดหูแว่วขึ้น เซ่าซานเสิ่งเดินเข้ามา

หลังแน่ใจแล้วว่าตอนนี้เซ่าผิงปอยังคงปลอดภัย ในที่สุดเขาก็มีกะจิตกะใจมาจัดการเรื่องอื่นแล้ว

หัวหน้าที่รับผิดชอบการสอบสวนของทางด้านนี้หันไปมอง เมื่อเห็นว่าคนผู้นี้มาแล้ว เขาก็เข้าไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว ประสานมือคารวะ “ซานเหยี่ย!”

เซ่าซานเสิ่งเหลือบมองคนที่อยู่บนเครื่องทรมานทางด้านใน ขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เหตุใดถึงยังไม่มีคำตอบให้ข้าอีก เกิดอะไรขึ้น?”

หัวหน้าตอบอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ซานเหยี่ย มีเรื่องเหนือความคาดหมายนิดหน่อยขอรับ ไอ้คนเหยาะแหยะที่ดูสำอางคนนี้ไม่ได้ใจเสาะอย่างที่ท่านบอกเลยขอรับ ไม่ยอมคายอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว ปากแข็งเป็นอย่างยิ่ง ถึงตายก็ไม่ยอมสารภาพ”

“โอ้?” เซ่าซานเสิ่งก็แปลกใจเช่นกัน คุณชายเจ้าสำอางคนหนึ่งกลับหัวแข็งถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงว่าจะทนรับการทรมานของที่นี่ไหวด้วย?

เขารู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ จึงเดินอาดๆ เข้าไปด้านใน เดินไปหยุดหน้าเครื่องทรมาน มองอู่เทียนหนานที่อยู่ในสภาพน่าสังเวช จากนั้นยื่นมือไปตรวจดูบาดแผลเขาเล็กน้อย ถูกต้อง ทรมานอย่างโหดเหี้ยมแล้วจริงๆ

ดวงตาของเซ่าซานเสิ่งฉายแววประหลาดใจขึ้นมาอย่างแท้จริง ไม่สนใจความสกปรก ยื่นมือไปเชยคางอู่เทียนหนานขึ้นมา บีบแก้มอู่เทียนพลิกซ้ายพลิกขวามองสำรวจดู กำลังสังเกตคนผู้นี้ให้ถี่ถ้วน

หัวหน้าคนนั้นทราบว่าเขาสงสัยอะไรอยู่ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าทางนี้ไม่ได้ไร้ความสามารถ จึงประสานมือพลางกล่าวว่า “ซานเหยี่ย โปรดถอยออกมาสักครู่ขอรับ”

เซ่าซานเสิ่งหันไปมองเขาเล็กน้อย ปล่อยมือจากอู่เทียนหนานแล้วถอยหลังออกไป

หัวหน้าคนนั้นโบกมือสั่งการลูกน้องทันที “ไปเอาอุปกรณ์มา”

มีคนหิ้วถึงน้ำเกลือเดินเข้ามาจากด้านข้างทันที ใช้กระบวยตักน้ำเกลือสาดใส่อู่เทียนหนานดังซ่าๆ

ทันทีที่น้ำเกลือสัมผัสกับบาดแผลที่กระจายอยู่ทั่วร่าง อู่เทียนหนานที่สะลึมสะลืออยู่พลันสะดุ้งขึ้นมาทันที ได้สติกลับมา ตรวนเหล็กที่ผูกมัดเขาไว้สั่นไหวขึ้นมาดังกราวๆ พร้อมกับร่างที่พยายามดีดดิ้นของเขา มีเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดแว่วออกมาจากปาก กันฟันแน่น

หัวหน้าคนนั้นตวาดใส่ “จะพูดหรือไม่พูด?”

อู่เทียนหนานที่ร่างกายหดเกร็งค่อยๆ ผ่อนคลายลง หายใจหอบหนักๆ พลางตอบว่า “ข้าบอกไปแล้วไง ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น พวกเจ้าจับผิดคนแล้ว”

เขารู้แต่แรกแล้วว่าการเข้ามาพัวพันกับเรื่องประเภทนี้มีอันตรายแฝงอยู่ เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าอันตรายมันจะมาถึงเร็วขนาดนี้

เหตุผลที่เขาไม่ยอมพูด เป็นเพราะเขายังมีความหวังอยู่ ขอเพียงยืนหยัดไว้จนเซ่าผิงปอจบสิ้น เขาก็ยังมีโอกาสได้ก้าวหน้า ยิ่งเขายืนหยัดได้หนักแน่น คุณชายสองและคุณชายสามก็ยิ่งไม่มีทางเอาเปรียบเขา

เมื่อใจยังมีความหวัง ร่างกายก็ย่อมต้องอดทนได้มากกว่าปกติ

อีกเหตุผลหนึ่งคือเขายังอาลัยอาวรณ์ถึงเถาเยี่ยนเอ๋อร์อยู่ ไม่อยากชักนำความเดือดร้อนไปให้เถาเยี่ยนเอ๋อร์

“ยังจะกล้าปากแข็งอีก!” หัวหน้าเอ่ยเยาะหยัน หันหลังเดินเข้าไปใกล้กระถางไฟ ชักแท่งเหล็กที่ถูกเผาจนแดงออกมาแท่งหนึ่ง เดินอาดๆ เข้ามา คิดจะนาบลงบนร่างอู่เทียนหนาน

อู่เทียนหนานหลับตาลงด้วยความทุกข์ทรมาน เตรียมใจรับความเจ็บปวดเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็ถูกทรมานแบบนี้มาแล้ว

เซ่าซานเสิ่งที่อยู่ด้านข้างยื่นมือไปขวางหัวหน้าคนนั้นเอาไว้ คล้ายว่ามองออกถึงอะไรบางอย่าง โบกมือส่งสัญญาณเล็กน้อย “ปล่อยเขาลงมา แล้วพาเขาตามข้ามา” พูดจบก็หันหลังเดินออกไป

ทางนี้ปฏิบัติตามทันที พาตัวอู่เทียนหนานออกจากคุก

รถม้าคันหนึ่งจอดอยู่นอกคุก พาตัวอู่เทียนหนานมาส่งยังโถงแห่งหนึ่งภายในจวนผู้ว่าการมณฑล

ในห้องโถงมีศพวางอยู่สามร่าง เป็นศพของพวกอนุหร่วนสามแม่ลูก

เซ่าซานเสิ่งโบกมือส่งสัญญาณ ให้คนลากอู่เทียนหนานเข้ามา ให้อู่เทียนหนานได้เห็นชัดๆ

เมื่อได้เห็นศพของพวกอนุหร่วนสามแม่ลูก คนแรกที่ตกใจคือหัวหน้าที่ทำการสืบสวนคนนั้น

การตายของสามแม่ลูกถูกจวนผู้ว่าการมณฑลปิดข่าวไว้ ดังนั้นเขาจึงยังไม่ทราบ

ฝ่ายอู่เทียนหนานเมื่อได้เห็นสองพี่น้องตระกูลเซ่าในสภาพตายตาไม่หลับ ใบหน้าเขียวคล้ำ ก็เรียกได้ว่าตกตะลึงตาค้าง พึมพำกับตัวเอง “ทำไมเป็นแบบนี้…ทำไมเป็นแบบนี้…”

เขาคิดไม่ถึงว่าการต่อสู้ระหว่างสามพี่น้องตระกูลเซ่าจะโหดร้ายขนาดนี้ ตอนกลางวันยังเห็นพวกเขาดีๆ อยู่เลย ไฉนยามนี้กลายเป็นศพไปได้?

ความหวังสุดท้ายพังทลายลง ความมุ่งมั่นของเขาสลายไปในชั่วพริบตา ตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างสมบูรณ์

เซ่าซานเสิ่งปรายตามองด้วยสายตาเยียบเย็น “เจ้านับเป็นตัวอะไรกัน กล้าเข้ามาพัวพันกับเรื่องเช่นนี้อย่างนั้นหรือ? ข้าไม่รู้ว่าเจ้าได้เตรียมการสั่งเสียเอาไว้แล้วหรือยัง หากว่ายัง ทางอำเภอผิงชวนน่าจะจับกุมทั้งครอบครัวของเจ้าเอาไว้แล้ว ให้ความร่วมมือแต่โดยดีซะ บางทีข้าอาจจะเมตตาละเว้นเจ้า แล้วก็ละเว้นครอบครัวของเจ้า หาไม่แล้ว ทั้งตระกูลของเจ้าจะได้ตามไปอยู่เป็นเพื่อนพวกเขา” เขาพยักพเยิดหน้าไปทางศพของพวกอนุหร่วนสามแม่ลูก

“ซานเหยี่ยไว้ชีวิตด้วย ข้ายอม…ข้ายอมแล้วขอรับ…” อู่เทียนหนานสารภาพทันที สุดท้ายแล้วเถาเยี่ยนเอ๋อร์สุดที่รักก็ถูกโยนออกไปจากสมองเขาเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า