ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 225

ตอนที่ 225 บัณฑิต

เซ่าซานเสิ่งแอบทอดถอนใจ คุณชายใหญ่วิตกกังวลถึงขนาดนี้ ดูเหมือนจะหวั่นเกรงคนผู้นั้นอย่างมากจริงๆ ตัวอยู่ในคุกใต้ดินของจวนผู้ว่าการมณฑล อยู่ภายใต้การคุ้มครองของยอดฝีมือมากมาย แต่ก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย

แต่เขาก็พอจะเข้าใจได้ ศัตรูทั้งหมดที่เคยเผชิญหน้ามาไม่เคยมีใครทำให้คุณชายใหญ่เสียเปรียบขนาดนี้มาก่อน!

“คุณชายใหญ่วางใจเถิดขอรับ พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น ข้าก็รีบติดต่อไปหาคุณหนูซูแต่แรกแล้ว เดี๋ยวพอคุณหนูซูทราบว่าคุณชายใหญ่เกิดเรื่อง นางจะต้องรีบมาในทันทีแน่นอนขอรับ” เซ่าซานเสิ่งกล่าวปลอบใจอีกประโยคหนึ่ง จากนั้นผายมือเชิญ “คุณชายใหญ่ ต้องกินให้อิ่มถึงจะมีแรงนะขอรับ”

เมื่อได้ยินว่าติดต่อไปหาซูจ้าวแต่แรกแล้ว เซ่าผิงปอก็สบายใจขึ้นเล็กน้อย ถือตะเกียบค่อยๆ คีบกิน

เพียงแต่ รอยฝ่ามือที่เซ่าเติงอวิ๋นทิ้งไว้บนใบหน้าทั้งสองข้างของเขายังคงสะดุดตาอยู่

สังหารแม่เลี้ยง สังหารน้องชายร่วมสายเลือด บทลงโทษนี้นับว่าเบาจนไม่อาจเบาไปมากกว่านี้ได้แล้ว

……

รัตติกาลมาเยือน ชายที่ดื่มจนเมามายสองคนกอดคอกัน ก้าวเดินซวนเซ

ระหว่างทาง ชายคนหนึ่งใช้มือยันกำแพงไว้ ส่วนอีกคนเอ่ยถามทั้งที่เมามายจนส่ายโงนเงน “หลี่ซยง เป็นอะไรไป? เมาแล้วหรือ?”

ชายที่ใช้มือยันกำแพงก้มหน้าพลางโบกมือ “อั้นไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวขอปลดทุกข์หน่อย ท่านไปก่อนเลย ข้ารู้สถานที่แล้ว จะตามไปทีหลัง”

“วะฮ่าๆ เช่นนั้นท่านก็เร็วหน่อยล่ะ” ชายอีกคนพูดจาอ้อแอ้พลางหัวเราะฮ่าๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

กระทั่งชายคนนั้นเดินไปไกลแล้ว ชายที่ดื่มจนเมามายอีกคนที่ซุกตัวอยู่ในมุมกำแพงก็ยืดตัวขึ้นมา ผูกสายรัดกางเกง ก้าวออกมาจากมุมกำแพง มองไปทางเงาร่างที่เดินซวนเซออกไปไกลแล้ว ดวงตากลับมามีสติแจ่มใสอีกครั้ง ไหนเลยจะมีเศษเสี้ยวความเมามายหลงเหลืออยู่ เขาคือลู่เซิ่งจงที่ปลอมตัวมา

เขาหันหลังเร่งฝีเท้าจากไป หายตัวไปท่ามกลางความมืดมิด ล่วงหน้ามายังละแวกบ้านของเป้าหมายที่มาสังเกตการณ์ไว้ก่อนหน้าแล้ว ซ่อนตัวอยู่บนคาคบไม้ต้นหนึ่ง สังเกตการณ์จากมุมสูง

ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายที่ดื่มจนเมามายคนก่อนหน้านี้เดินซวนเซเข้ามา หยุดอยู่นอกเรือนเล็กหลังหนึ่ง ยกมือทุบประตูพลางตะโกนเรียก “ถานซยง ถานซยง…”

จากนั้นไม่นาน ประตูเรือนเล็กเปิดออก ชายหนุ่มรูปงามที่แต่งกายคล้ายบัณฑิตคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ในมือยังถือม้วนตำราอยู่ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เขากำลังท่องตำราอยู่

เมื่อเห็นชายที่ดื่มจนเมามายตรงหน้าประตู เขาก็กล่าวด้วยความแปลกใจว่า “ถังซยง เหตุใดท่านถึงดื่มจนกลายเป็นแบบนี้?”

“ได้รู้จักสหายใหม่คนหนึ่ง อีกเดี๋ยวจะแนะนำให้ท่านรู้จัก” ชายที่ดื่มจนเมามายหัวเราะร่า ยกเท้าข้ามธรณีประตู เดินเข้าไปโดยไม่ได้รับเชิญ

“ถังซยง…” บัณฑิตหนุ่มดูค่อนข้างจนปัญญา ดื่มจนเมาเช่นนี้แล้วยังมาที่บ้านเขาอีก ทำเอาเขารู้สึกหมดคำพูด

บัณฑิตหนุ่มเดินออกไปมองด้านนอก ไม่เห็นคนที่อีกฝ่ายบอกว่าจะแนะนำให้รู้จักเลย จึงส่ายหน้าแล้วเดินกลับเข้ามา ปิดประตูเสีย

ทันทีที่เกิดภาพเหตุการณ์เคาะประตูก่อนหน้านี้ขึ้น ลู่เซิ่งจงที่แอบสังเกตการณ์จากมุมสูงก็ทำการมองสำรวจรอบด้านอย่างระวัดระวัง ดูว่ามีผู้ใดลอบสะกดรอยตามบัณฑิตคนนี้อยู่หรือไม่

เหตุใดถึงให้ความสนใจบัณฑิตคนนี้ถึงขนาดนี้น่ะหรือ? เป็นเพราะว่าตอนที่อู่เทียนหนานและเถาเยี่ยนเอ๋อร์พูดคุยกันถึงเรื่องกลอนและภาพวาด เพื่อที่จะอวดอ้างว่าตนคุ้นเคยกับบทกลอนแล้ว อู่เทียนหนานเคยเอ่ยถึงเรื่องเรื่องหนึ่งขึ้นมา เขาบอกว่าเซ่าหลิ่วเอ๋อร์ที่เป็นน้องสาวของเซ่าผิงปอเคยจัดตั้งชุมนุมกวีขึ้นมา ตอนนั้นเขาก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของชุมนุมกวีเช่นกัน

เขาเอ่ยขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ บอกว่าในชุมชนกวีมีคนผู้หนึ่งที่มีนามว่าถานเย่าเสี่ยนค่อนข้างสนิทสนมกับน้องสาวของเซ่าผิงปอ

แต่เขาเอ่ยถึงเพียงเล็กน้อยก็รีบหุบปากลงทันที ไม่ยอมกล่าวถึงอีก ไม่ว่าจะถามอย่างไรก็ไม่ยอมเล่าต่อ

ลู่เซิ่งจงเคยเป็น ‘มือสังหาร’ มาก่อน แรกเริ่มเคยคิดหาทางลอบสังหารหนิวโหย่วเต้า การที่เขาทำให้หนิวโหย่วเต้ามองเห็นคุณค่าได้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นมือสังหารที่เก่งกาจคนหนึ่ง

ในฐานะมือสังหารผู้เก่งกาจคนหนึ่งแล้ว เขาย่อมต้องมีประสาทสัมผัสที่เฉียบไว ตระหนักได้ว่าในวาจาของอู่เทียนหนานแฝงความนัยไว้อยู่

ทว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกในเวลานั้นคือทำภารกิจที่หนิวโหย่วเต้ามอบหมายให้สำเร็จลุล่วงก่อน ไม่สมควรกระทำการอื่นใดที่จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาจึงไม่ได้ไปสืบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซ่าหลิ่วเอ๋อร์ต่อ เพียงเพิ่มชื่อถานเย่าเสี่ยนไว้ด้านหลังชื่อเซ่าหลิ่วเอ๋อร์ที่อยู่บนผังความสัมพันธ์คนรอบตัวของเซ่าผิงปอเท่านั้น

ครั้งนี้เมื่อกลับมารับภารกิจต่ออีกครั้ง เมื่อครุ่นคิดถึงผังความสัมพันธ์ของเซ่าผิงปอแล้ว เขาพบว่าหาเป้าหมายลงมือได้ยากนัก!

ด้วยเหตุนี้เขาจึงหันมาสนใจถานเย่าเสี่ยนอีกครั้ง เตรียมจะไปสืบดูก่อนว่าคนผู้นี้เป็นใครมาจากไหน ดูว่าจะพบจุดอ่อนหรือไม่

แม้นหนิวโหย่วเต้าจะบอกว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เซ่าผิงปอเปราะบางที่สุด แต่ถึงอย่างไรมณฑลเป่ยโจวแห่งนี้ก็เป็นถิ่นของเซ่าผิงปอ ทำให้เขาจำเป็นต้องระมัดระวังตัว

โดยเฉพาะเมื่อทราบว่าเซ่าผิงปอรอดชีวิตจากหายนะนั้นมาได้ ทั้งยังรอดชีวิตมาได้ด้วยวิธีการโหดเหี้ยมที่น่าเหลือเชื่อเช่นนั้น นี่ทำให้เขาเข้าใจคำพูดของหนิวโหย่วเต้าได้อย่างลึกซึ้งแล้ว เซ่าผิงปอคนนี้อันตรายอย่างมากจริงๆ!

เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งต้องระมัดระวังตัว

หลังจากหาตัวถานเย่าเสี่ยนคนนี้พบ เขาเคยมาสำรวจละแวกบ้านของถานเย่าเสี่ยนแล้ว ทราบว่าถานเย่าเสี่ยนอาศัยอยู่เพียงลำพัง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่กล้าเข้าไปหาตรงๆ

จากภายนอกเห็นได้ชัดว่าถานเย่าเสี่ยนนั้นเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ได้ยินว่าเดิมทีเป็นบัณฑิตสอนหนังสือ แต่กลับมีความสัมพันธ์อันดีกับธิดาของจวนผู้ว่าการมณฑลได้ หากยังไม่ทราบถึงรายละเอียดที่แน่ชัด ลู่เซิ่งจงก็จำเป็นต้องระวังตัวไว้เอาไว้ก่อน

ด้วยเหตุนี้เขาจึงหลีกเลี่ยงที่จะใกล้ชิดกับเป้าหมายหลักอีกครั้ง เริ่มลงมือจากคนรอบข้างที่ค่อนข้างปลอดภัยก่อน เขาแอบสืบมาเล็กน้อย พบตัวสหายคนหนึ่งของถานเย่าเสี่ยน จึงคิดหาทางผูกมิตรทำความรู้จักกับอีกฝ่าย ร่ำสุรากันเฮฮา อาศัยช่วงเมามายหลอกล่อให้คนผู้นี้มาหาถานเย่าเสี่ยนในยามวิกาล

การที่ให้คนผู้นี้มาหาถานเย่าเสี่ยนย่อมมิใช่จุดประสงค์ของเขา หากแต่เป็นเพราะเขาต้องการอาศัยจังหวะนี้สังเกตการณ์ดูเล็กน้อย ดูว่าถานเย่าเสี่ยนเป็นเพียงคนธรรมดาจริงหรือไม่ รอบข้างมีคนคอยสะกดรอยตามหรือไม่ โดยเฉพาะพวกผู้บำเพ็ญเพียร

มาตรว่าหนิวโหย่วเต้าจะบอกว่าตอนนี้เซ่าผิงปออ่อนแอ หรือแม้แต่ชายที่ดื่มจนเมามายผู้นั้นก็บอกว่าถานเย่าเสี่ยนเป็นคนธรรมดา ถึงกระนั้นเขาก็ยังระมัดรักษาตัวเป็นอย่างมาก

หลังสังเกตการณ์อยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีความผิดปกติใดๆ ลู่เซิ่งจงถึงได้เบาใจลง ไถลตัวลงมาจากยอดไม้ อาศัยเงามืดของมุมกำแพงดอดจากไปอย่างเงียบเชียบ

เมื่อกลับมาอีกครั้ง เขาปรากฏตัวขึ้นในตรอกสายนี้อย่างสง่าผ่าเผย ในมือถือห่อสุราอาหารมาด้วย

ก่อนหน้านี้บอกชายที่ดื่มจนเมามายผู้นั้นไว้ว่าจะตามมาทีหลัง เขาใช้เวลาสังเกตการณ์นานถึงเพียงนั้น เสียเวลาไปไม่น้อย เขาจึงไปซื้อสุราอาหารเพื่อเอามาใช้เป็นข้ออ้าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า