ตอนที่ 235 ซัดฝ่ามือใส่ข้า
ทันทีที่ทางนี้ปล่อยตัวเขา ลู่เซิ่งจงรีบล้วงมือเข้าปากเพื่อให้อาเจียน คิดจะสำรอกเอาสิ่งที่กินเข้าไปออกมา
ด้านข้างมีคนคว้าข้อมือเขาแล้วบิดไปด้านข้าง ไม่ให้เขาล้วงคอ
ลู่เซิ่งจงจ้องมองซูจ้าวที่ยิ้มละไมอยู่ ถามด้วยความหวาดกลัวว่า “เจ้าให้ข้ากินอะไร?”
ซูจ้าวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นั่นเป็นของดี ราคาแพงลิ่ว คนธรรมดาไม่มีโอกาสได้ใช้ นับว่าเจ้าได้กำไรแล้ว”
“สรุปแล้วให้ข้ากินอะไรเข้าไปกันแน่?” ลู่เซิ่งจงดูตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด เขาพอจะเดาได้ว่าต้องมิใช่ของดีอันใดแน่นอน
ซูจ้าวตอบไม่ตรงคำถาม “คุณชายใหญ่ไม่ผิดคำพูดแน่นอน อีกครึ่งชั่วยามให้หลัง จะอยู่หรือไปก็แล้วแต่เจ้า”
สีหน้าของลู่เซิ่งจงดูซับซ้อน ทั้งตื่นตระหนกและหวาดกลัวปะปนกันไป
……
รุ่งสางวันต่อมา ภายในจวนท่องคลื่น ใต้ชายคา ซูจ้าวเหม่อมองแสงอรุณที่ส่องรำไรอยู่ตรงปลายขอบฟ้า
“ทางนั้นยังไม่มีความเคลื่อนไหวอีกหรือ?” ซูจ้าวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใสกระจ่าง นางเฝ้ารออยู่ที่นี่มาทั้งคืน
ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างตอบว่า “เสี่ยวเอ้อคนนั้นใส่จดหมายลับเข้าไปในศาลบูชาของโรงย้อมผ้าแห่งหนึ่ง จากนั้นก็กลับไปที่เหลาสุรา มีคนคอยจับตามองทั้งสองด้านขอรับ จากนั้นก็ไม่เห็นเสี่ยวเอ้อคนนั้นมีความเคลื่อนไหวอันใดอีก จดหมายลับก็ยังอยู่ในศาลบูชา ไม่เห็นมีผู้ใดมารับไปขอรับ”
ซูจ้าวเอ่ยเสียงขรึม “แบบนี้ไม่ปกติ การส่งข่าวสารไปมาเช่นนี้ หากไม่จัดการในทันทีล่ะก็ นั่นมิเท่ากับทำให้งานผิดพลาดหรอกหรือ ไม่มีเหตุผลที่จนถึงตอนนี้แล้วยังไม่มีคนไปรับ หรือว่าข่าวที่ลู่เซิ่งจงถูกจับได้จะเล็ดรอดออกไปแล้ว? หรือว่าลู่เซิ่งจงจะเล่นลูกไม้ไม่ซื่ออันใด?”
ผู้ชายว่า “ลู่เซิ่งจงน่าจะรู้ผลลัพธ์ของการเล่นลูกไม้ดี ยิ่งไปกว่านั้นคือเขากินยาของพวกเราเข้าไปแล้ว เขาเล่นลูกไม้อันใดหรือไม่ อีกไม่นานก็น่าจะมีคำตอบ แต่ข้ากลับสงสัยว่าจะมีคนแพร่งพรายข้อมูลออกไป ในเหตุการณ์ตอนนั้นก็มีคนอยู่เพียงเท่านั้น ทางฝั่งของพวกเราน่าจะไม่มีปัญหาอะไร หรือจะเป็นคนของทางคุณชายใหญ่ที่แพร่งพรายออกไป หรือจะเป็นคุณหนูใหญ่ผู้นั้นที่แพร่งพรายออกไป?”
ซูจ้าวขมวดคิ้ว “เดี๋ยวข้าจะลองไปถามดู”
ผู้ชายเอ่ยอีกว่า “ถึงรอต่อไปก็คล้ายจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ตามความเห็นของข้า ไปจับเสี่ยวเอ้อคนนั้นมาสอบสวนตรงๆ เถอะขอรับ”
“อืม!” ซูจ้าวพยักหน้า ทันใดนั้นพลันมีเสียง “อ๊ากๆ” เสมือนสัตว์ร้ายกำลังส่งเสียงคำรามแว่วออกมาจากเรือนด้านข้าง ตามมาด้วยเสียงทำลายข้าวของ
“หึหึ!” ซูจ้าวแค่นหัวเราะออกมา รีบเดินเข้าไปยังเรือนที่อยู่ติดกัน
ประตูห้องห้องหนึ่งถูกชนจนพังเสียหาย ภายในลานเรือน ลู่เซิงจงตีอกชกหัวกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้น สีหน้าเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส บางครั้งก็เอาศีรษะโขกพื้น หน้าผากกระแทกจนได้เลือด บาดแผลด้านหลังที่ถูกวิหคขยุ้มฉีกเปิดออก โลหิตไหลซึมออกมาอีกครั้ง แดงฉานเต็มพื้น
เมื่อเห็นซูจ้าวที่เดินเข้ามา เขาจึงรีบตะเกียกตะกายคลานเข้าไปหา กอดเท้าข้างหนึ่งของซูจ้าวเอาไว้ ครวญครางด้วยความทรมาน “ยาถอนพิษ ขอยาถอนพิษ ขอยาถอนพิษให้ข้า”
เห็นได้ชัดว่าเขาเดาออกแล้วว่าเป็นผลมาจากยาที่เขากินเข้าไปเมื่อคืนเม็ดนั้น
ซูจ้าวหลุบตามองเขาจากด้านบน เอ่ยว่า “ทางข้าสะกดรอยไปตามที่เจ้าบอกแล้ว ทว่าระหว่างทางกลับไม่มีใครมารับข่าวไป หมายความว่าอย่างไร?”
ลู่เซิ่งจงส่ายหน้าไปมาแรงๆ “ข้าไม่รู้”
ซูจ้าวกล่าวว่า “ไม่รู้? เช่นนั้นเจ้าก็ค่อยๆ ดื่มด่ำกับความทรมานนี้ไปแล้วกัน” นางสลัดเขาออกไป หันหลังเตรียมเดินออกไป
“อย่า!” ลู่เซิ่งจงตะโกนเสียงดัง รีบคลานเข้ามาอีกครั้ง รั้งเท้านางไว้ เอ่ยเสียงสั่นด้วยความเจ็บปวด “ข้าไม่รู้จริงๆ!”
ซูจ้าวหลุบตามอง “เช่นนั้นก็รอให้เจ้ารู้แล้วค่อยว่ากัน!”
ลู่เซิ่งจงยื่นมือข้างหนึ่งออกไป อ้อนวอนด้วยความทรมาน “ยาถอนพิษ ให้ข้า ให้ข้า…”
ซูจ้าวไม่ขยับเขยื้อน ปล่อยให้เขาทรมานต่อไป
ลู่เซิ่งจงคล้ายจะทนรับความทรมานนี้ไม่ไหวแล้ว จู่ๆ พลันใช้ศีรษะโขกพื้นอย่างต่อเนื่อง โขกจนดังตุบๆ สุดท้ายจู่ๆ ก็อ้าปากออก กัดไปยังเท้าน้อยๆ ของซูจ้าว
ซูจ้าวสะบัดเท้าเตะ เตะเขาจนลอยละลิ่วออกไป
“อ๊าก…” ลู่เซิ่งจงที่ร่วงลงบนพื้นร้องครวญครางโหยหวนไม่หยุด ระหว่างที่กลิ้งเกลือกจู่ๆ ก็อ้าปากกัดแขนตัวเอง ฉีกกระชากจนเนื้อหลุดออกมาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะกลืนเนื้อตัวเองเข้าไป ภาพนี้น่าอนาถจนทนมองไม่ไหว
เมื่อเห็นภาพนี้ ซูจ้าวถึงได้ตวัดนิ้วคีบโอสถสีดำเม็ดหนึ่งออกมา “เขาน่าจะไม่ได้โกหก ป้อนยาให้เขา!”
บุรุษที่อยู่ด้านข้างรับยาไป ก่อนจะปราดเข้าไป ยกเท้าเหยียบอกลู่เซิ่งจง บีบกรามของลู่เซิ่งจง งอนิ้วดีดโอสถลงไปในลำคอของเขา
หลังผ่านไปสักพักหนึ่ง ลู่เซิ่งจงที่คล้ายกลายเป็นบ้าถึงจะค่อยๆ สงบลง อ้าปากหอบหายใจ
บุรุษที่เหยียบอกเขาอยู่ถึงได้คลายเท้าออกแล้วเดินกลับมา
“เจ้าไปจัดการงานของเจ้าเถอะ” ซูจ้าวเอ่ยสั่งการ บุรุษคนนั้นประสานมือคำนับ หันหลังเดินจากไปโดยเร็ว
ลู่เซิ่งจงที่ค่อยๆ คลานลุกขึ้นมากุมบาดแผลบนแขนที่มีเลือดไหลนอง เดินโซเซเข้ามา เปล่งเสียงที่คล้ายว่ากระทั่งวิญญาณก็กำลังสั่นสะเทือนไปด้วยออกมา “เจ้าให้ข้ากินอะไรเข้าไปกันแน่?”
“รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไยต้องถามให้มากความ ข้าให้เจ้ากินยาระงับพิษแล้ว น่าจะสะกดไม่ให้พิษกำเริบขึ้นมาได้สามเดือน”
“สามเดือนหรือ? แล้วหลังจากสามเดือนล่ะ?”
“ค่อยกินยาระงับอีกครั้ง สะกดไว้อีกสามเดือน วนเวียนไปเช่นนี้” ซูจ้าวเอ่ยทิ้งท้ายอย่างเฉยชา เดินจากไปอย่างไม่เร่งร้อน
ลู่เซิ่งจงพลันซวนเซ ทรุดฮวบลงไปกับพื้น เผยรอยยิ้มน่าสังเวชออกมา เสียงหัวเราะดังขึ้นไม่หยุด
……
ภายในคุกใต้ดินของจวนผู้ว่าการมณฑล เซ่าซานเสิ่งนำทางซูจ้าวที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีดำมีหมวกปิดบังใบหน้าเข้ามาอีกครั้ง
เซ่าผิงปอที่อยู่ในคุกหันกลับมามอง
ประตูคุกเปิดออก ผู้คุมต่างถอยออกไป
“หลิวเอ๋อร์ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ซูจ้าวที่เดินเข้าไปในห้องขังเลิกหมวกออกพลางเอ่ยถาม
เซ่าผิงปอหลับตาลงครู่หนึ่ง จากนั้นลืมตาขึ้นอีกครั้ง “ว่าเรื่องของทางฝั่งท่านก่อนเถอะ สืบพบหรือยัง?”
“ไม่พบ เบาะแสขาดหายไประหว่างทาง…” ซูจ้าวเล่าสถานการณ์ทั้งหมดออกมา
เซ่าผิงปอขมวดคิ้ว “หรือว่าลู่เซิ่งจงจะเล่นลูกไม้?”
“ตรวจสอบดูแล้ว ทางเขาไม่มีปัญหา” ซูจ้าวส่ายหน้าเล็กน้อย
เซ่าผิงปอถาม “หรือว่าจะมีคนเผยข่าวที่ลู่เซิ่งจงถูกจับแล้ว? คนที่ท่านพามาด้วยคงไม่มีปัญหากระมัง?”
ซูจ้าวตอบว่า “คนที่ข้าพามาในครั้งนี้ไม่รู้จักหนิวโหย่วเต้าเลย หนิวโหย่วเต้าเองก็ไม่รู้จักพวกเขาเช่นกัน สมาคมของข้าเจ้ายังไม่รู้จักอีกหรือ? จะมีปัญหาอะไรได้? ข้ากลับสงสัยทางฝั่งเจ้านั่นแหละ ซ่งซูคนนั้นกับเฉินอะไรนั่นคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “หากมีปัญหา ข้าก็คงจะไม่รับตัวพวกเขาไว้เช่นกัน ทางข้าเคยสืบประวัติแล้ว ปมแค้นระหว่างพวกเขาทั้งสองกับหนิวโหย่วเต้าชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีทางเป็นคนของหนิวโหย่วเต้าไปได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า