ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 236

ตอนที่ 236 ในภูเขา

จักรวาลเคลื่อนย้าย ไร้จุดเริ่มต้นและไร้จุดจบ สรรพสิ่งแปรผัน ตัวข้ามิวางวาย!

ความจริงเคล็ดเคลื่อนย้ายมหาจักรวาลนั้นเป็นเคล็ดวิชาสูงสุดของ ‘เคล็ดวิชามหาจักรวาล’ และคำพูดประโยคนี้ก็เป็นคำพูดท่อนสุดท้ายของเคล็ดวิชาขั้นสูงสุด แล้วก็เป็นประโยคที่อยู่ในย่อหน้าสุดท้ายของ ‘เคล็ดวิชามหาจักรวาล’ เรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักของ ‘เคล็ดวิชามหาจักรวาล’ ทั้งหมดเลยก็ว่าได้

แรกเริ่ม หนิวโหย่วเต้าไม่เข้าใจว่าประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร แต่เมื่อเขาค่อยๆ ฝึกฝนขัดเกลาไปตามขั้นตอน ในที่สุดก็ตระหนักรู้ขึ้นมา

ความหมายคร่าวๆ คือไม่ว่าจักรวาลฟ้าดินจะเคลื่อนย้ายไปอย่างไร ผู้ที่สามารถยืนหยัดอยู่ตรงกลางได้อย่างแท้จริงจะไม่ถูกจำกัดด้วยจุดเริ่มต้นและจุดจบ ไม่ว่าสรรพสิ่งรอบข้างจะยิ่งใหญ่หรือว่าเปราะบางแค่ไหน ข้าก็จะอยู่ตรงนี้!

หลังจากหนิวโหย่วเต้าเข้าใจในจุดนี้ เขาก็พบว่ามันน่าสนใจยิ่งนัก พบว่าหัวใจของ ‘เคล็ดวิชามหาจักรวาล’ คือวิถีแห่งความสมดุล เคล็ดวิชาสูงสูดมิใช่การโจมตี หากแต่เป็นการป้องกัน!

สรุปแล้วไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หนิวโหย่วเต้าก็เข้าใจแล้วว่าตนยังอยู่ห่างไกลจากสภาวะขั้น ‘จักรวาลเคลื่อนย้าย ไร้จุดเริ่มต้นและไร้จุดจบ สรรพสิ่งแปรผัน ตัวข้ามิวางวาย’ อยู่อีกมากนัก

เมื่อเห็นเฮยหมู่ตานมีท่าทีสงสัย หนิวโหย่วเต้ายิ้มเล็กน้อย โบกมือพลางเอ่ยว่า “เสร็จแล้ว เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ ข้าจะอยู่เงียบๆ คนเดียวสักพัก”

“เจ้าค่ะ!” เฮยหมู่ตานรับคำแล้วจากไป ขณะที่เดินไปก็หันกลับมามองเป็นระยะๆ

หนิวโหย่วเต้านั่งทำสมาธิอยู่ที่เดิม ทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้อย่างเงียบๆ

ขณะที่กำลังทำความเข้าใจอยู่ หยวนฟางเหินกายเข้ามา ตะโกนเรียก “เต้าเหยี่ย!”

หนิวโหย่วเต้าได้สติกลับมา หันไปมองเขาแวบหนึ่ง ทราบว่าหากไม่มีธุระอะไร อีกฝ่ายไม่มีทางมารบกวน จึงรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ

หยวนฟางเองก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก กล่าวเพียงว่า “ข่าวจากเป่ยโจวขอรับ” จากนั้นนั่งลงด้านข้าง ยื่นจดหมายลับฉบับหนึ่งที่ถอดความเรียบร้อยแล้วให้หนิวโหย่วเต้า

หนิวโหย่วเต้ารับไปอ่าน คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย “ลู่เซิ่งจงถูกจับได้แล้วอย่างนั้นหรือ?”

หยวนฟางเอ่ยอย่างมีน้ำโห “ทั้งยังทรยศแล้วด้วยขอรับ ข้าคิดอยู่แต่แรกแล้วเชียวว่าคนผู้นี้พึ่งพาไม่ได้”

หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า “ปีศาจอย่างเจ้าเนี่ยนะ รู้จักใจกว้างบ้างเถอะ เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องไปคิดเล็กคิดน้อยกับเขาเลย เรื่องที่เขาหักหลังข้าไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ได้รับผลประโยชน์อันใดจากข้า อีกทั้งเขาเองก็ไม่มีเหตุผลต้องไปตายเพื่อข้า กระทั่งมดปลวกก็ยังรักชีวิตของมัน การที่เขาปกป้องตัวเองก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ สิ่งที่ข้าแปลกใจคือคนผู้นี้รักชีวิตตัวเอง ดังนั้นเขาถึงปกป้องตัวเองอย่างรัดกุม แล้วพลาดท่าถูกจับเช่นนี้ได้อย่างไร? เซ่าหลิวเอ๋อร์และถานเย่าเสี่ยนก็ถูกพาตัวมาแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะปล่อยให้คนธรรมดาสองคนหนีรอดไปได้ ซ้ำตัวเขาเองก็ยังถูกอีกฝ่ายจับตัวไปได้ง่ายๆ อีก เรื่องนี้จะต้องมีตัวแปรบางอย่างที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงแน่นอน”

หยวนฟางเอ่ยว่า “โชคดีที่เว่ยตัวได้รับข่าวและสามารถตัดขาดเบาะแสได้ทันท่วงที มิเช่นนั้นเว่ยตัวคงเดือดร้อนแน่”

หนิวโหย่วเต้ากลับเอ่ยพึมพำกับตัวเองว่า “เรื่องนี้มีเหตุมาจากถังอี๋ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว สำนักเขามหายานจะยังให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์อยู่ในมณฑลเป่ยโจวต่อไปหรือเปล่า…

ดวงตาหยวนฟางกลอกไปมาเล็กน้อย ลองเอ่ยถามด้วยท่าทีชั่วร้าย “ได้ยินว่าเซ่าผิงปอกำลังตามเกี้ยวพาผู้หญิงคนนั้นอยู่…เต้าเหยี่ย ท่านตั้งใจจะทำให้สำนักเขามหายานไล่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ออกจากเป่ยโจวหรือขอรับ?”

หนิวโหย่วเต้าหันกลับมา ปรายตามองอย่างเย็นชา “ตบปากตัวเองซะ!”

เพียะ! หยวนฟางตบปากตัวเองเบาๆ ทันที หัวเราะแหะๆ พลางเอ่ยว่า “ข้าพูดเหลวไหลไปเอง ข้าพูดเหลวไหลเองขอรับ”

“วันๆ เอาแต่คิดเรื่องพิเรนทร์ ถ้ามีเวลามานั่งคิดเรื่องพวกนี้ก็เอาไปทุ่มเทให้กับการบำเพ็ญเพียรเพื่อยกระดับสภาวะของตัวเองซะ ยามนี้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่บำเพ็ญเพียรถึงขนาดนี้ให้เจ้าแล้ว คนอื่นชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่แน่ว่าจะมีได้ แต่วันทั้งวันเจ้ามัวทำอะไรอยู่?”

“เข้าใจแล้วขอรับ ข้าก็ขยันบำเพ็ญเพียรอยู่นะขอรับ ระยะนี้สภาวะก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยด้วย คาดว่าอีกไม่นานก็น่าจะทะลวงสู่ระดับสร้างฐานได้แล้วขอรับ”

หนิวโหย่วเต้ารู้ว่าการบำเพ็ญเพียรของเขาในตอนนี้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว สำหรับเรื่องนี้ หนิวโหย่วเต้าเองก็ค่อนข้างประหลาดใจอยู่เช่นกัน พบว่าวิชาบำเพ็ญเพียรที่เจ้าปีศาจตัวนี้คิดขึ้นมาได้เองจากการฟังธรรมอยู่ในวัดหนานซานมาเป็นเวลานานหลายปีนั้นไม่ธรรมดาเลย ที่ผ่านมาไม่เคยใช้ทรัพยากรบำเพ็ญเลยจึงมองไม่ออก ยามนี้หลังจากมีทรัพยากรบำเพ็ญเพียรแล้ว สภาวะของเขาเรียกได้ว่าพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดเลยจริงๆ

เขาเคยสอบถามดู เจ้าปีศาจตัวนี้เองก็อธิบายไม่ได้เช่นกัน คิดไปคิดมาก็ให้คำอธิบายตามที่ตัวเขายึดมั่นศรัทธามาโดยตลอด นั่นคือพุทธองค์คุ้มครอง!

นี่ทำเอาหนิวโหย่วเต้าไม่รู้จะพูดอย่างไร ปีศาจตัวนี้ถูกสาวกของพุทธองค์เก็บกลับมาจากบนเขา ซ้ำยังสดับฟังธรรมเทศนาจนเข้าสู่วิถีบำเพ็ญเพียรได้ แล้วนี่จะไม่ให้เรียกว่าพุทธองค์คุ้มครองได้อย่างไร?

แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ หนิวโหย่วเต้าก็กลัวว่าเขาจะเหลิง จึงต้องปรามเขาไว้บ้าง “ให้มันน้อยๆ หน่อย เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าเอาเวลาไปคัดคัมภีร์สวดมนต์กับสมณะพวกนั้นมากกว่าที่ใช้บำเพ็ญเพียรเสียอีก”

หยวนฟางก้มหน้าเขี่ยก้อนกรวดบนพื้นเล่น เอ่ยว่า “ท่องคัมภีร์แล้วทำให้บำเพ็ญเพียรได้เร็วขึ้นนะขอรับ!”

สำหรับศรัทธาส่วนบุคคลของเขา หนิวโหย่วเต้าก็ไม่สามารถไปตำหนิติติงอะไรได้ โต้แย้งไปก็คุยกันไม่รู้เรื่อง จึงเปลี่ยนประเด็นว่า “ไปแจ้งคนของทั้งสามสำนักซะ เรียกตัวคนที่ไปรอรับอยู่ที่แคว้นซ่งกลับมา”

ก่อนที่ลู่เซิ่งจงจะลงมือในมณฑลเป่ยโจว เขาเคยแจ้งข่าวให้ทางนี้ไปรอรับ ทางนี้จึงส่งคนของสามสำนักไป

ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่จำเป็นต้องรอรับแล้ว ทำได้เพียงสั่งให้คนที่กำลังเดินทางไปวกกลับมา

“ขอรับ!” หยวนฟางลุกขึ้นแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

หนิวโหย่วเต้าเองก็ลุกขึ้น ออกจากหุบเขาด้วยเช่นกัน ยามที่เดินผ่านเชิงเขาแห่งหนึ่ง มองเห็นว่าบนทุ่งราบด้านล่างภูเขามีเด็กหนุ่มในชุดสีเทาแบบเดียวกันสองร้อยกว่าคนกำลังยืนเรียงแถวอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์อันร้อนแรง

หยวนกังยืนมือไพล่หลัง มองดูอยู่ด้านหน้า เฟิง หลิน หั่วและซานกำลังช่วยปรับท่ายืนให้เหล่าเด็กหนุ่ม

หยวนเฟิงบังเอิญมองเห็นหนิวโหย่วเต้าที่ยืนอยู่บนไหล่เขา จึงวิ่งเข้าไปหาหยวนกังพร้อมชี้ไปทางด้านหลังเขา ไม่รู้ว่าพูดอะไรบ้าง หยวนกังหันกลับไปมอง เห็นว่าเป็นหนิวโหย่วเต้า จึงหันหลังเดินเข้าไปหาทันที

“เต้าเหยี่ย!” หยวนกังเดินเข้ามาหาพลางเอ่ยเรียก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า