ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 237

ตอนที่ 237 ผลักภาระ

“ลุงเหมิง ที่ผ่านมาท่านเคยเห็นการฝึกทหารเช่นนี้หรือไม่” ซางเฉาจงเอ่ยถาม

เหมิงซานหมิงส่ายหน้า “ไม่เคยพ่ะย่ะค่ะ”

ซางเฉาจงกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น พวกเราคัดเลือกคนจำนวนหนึ่ง ให้ทางนี้ช่วยฝึกฝนให้เป็นอย่างไร?”

เขาไม่กล้าดูแคลนกลยุทธ์ของทางนี้ รู้สึกว่าทางนี้มักจะมีกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ออกมาอยู่เสมอ

เหมิงซานหมิงกล่าวว่า “ไม่ทราบเช่นกันว่าจะฝึกฝนออกมาเพื่อใช้งานอย่างไร วิธีการฝึกฝนเช่นนี้ ไม่เหมาะกับการต่อสู้แบบประชิดตัวอย่างที่เราเจอในสนามรบ เด็กหนุ่มกลุ่มนี้เคลื่อนไหวงุ่มงาม เพิ่งจะเริ่มฝึก นี่น่าจะเป็นการฝึกขั้นพื้นฐานบางอย่างพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีกลยุทธ์ใดอีก” เพียงมองดูก็เห็นถึงความพิเศษบางอย่างของวิธีการฝึกเช่นนี้

จู่ๆ ซางซูชิงที่กวาดตามองไปรอบๆ อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เสด็จพี่ เต้าเหยี่ยมาแล้ว”

ทั้งหมดหันหลังไปมอง เห็นหนิวโหย่วเต้าเดินนำคนจำนวนหนึ่งเข้ามา

“ท่านอ๋องมาเยือน ไม่ได้ออกมาต้อนรับ เสียมารยาทแล้ว คารวะท่านหลาน คารวะท่านเหมิง” หนิวโหย่วเต้าเดินเข้ามาคำนับทักทาย ส่วนซางซูชิงนั้นข้ามไป นางอยู่ที่นี่ทุกวันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมากพิธี

เมื่อทั้งสองทักทายกันเสร็จเรียบร้อย ซางเฉาจงก็ถามหยวนกังว่า “น้องหยวน นี่เจ้ากำลังฝึกทหารหรือ?”

หยวนกังตอบ “นับว่าใช่พ่ะย่ะค่ะ”

ซางเฉาจงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แนวทางการฝึกฝนเช่นนี้ข้าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ให้ข้าส่งคนส่วนหนึ่งมาเรียนรู้ด้วยได้หรือไม่?”

หยวนกังตอบว่า “ท่านอ๋อง กระหม่อมฝึกไปเล่นๆ เท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับใช้ในกองทัพ ด้านการต่อสู้ในสนามรบยังสู้การฝึกฝนของทางท่านอ๋องไม่ได้ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ท่านเหมิงเป็นผู้เชี่ยวชาญ หากมีโอกาส กระหม่อมก็อยากจะขอเชิญท่านเหมิงมาช่วยชี้แนะเด็กพวกนี้สักหน่อย” ดวงตาเขาฉายแววคาดหวังยิ่ง เนื่องจากเคยได้ยินชื่อเสียงของคนผู้นี้มาแล้ว

ยอดขุนศึกแห่งยุคที่กรำศึกอยู่ในสนามรบมาเป็นเวลายาวนาน หยวนกังไม่กล้าดูแคลน คนประเภทนี้ย่อมมีสิ่งที่แตกต่างไปจากคนอื่น ว่ากันในบางมุมแล้ว เขาไม่คิดว่าประสบการณ์ชีวิตในชาติก่อนของเขาจะนำมาเทียบกับคนผู้นี้ได้

เหมิงซานหมิงพยักหน้าเล็กน้อย “ขอเพียงเจ้าไม่รังเกียจคนพิการอย่างข้า”

หยวนกังประสานหมัดขึ้นมาอย่างที่ยากจะเห็นได้ในเวลาปกติ เอ่ยคำนับขอบคุณ

ทั้งกลุ่มรายล้อมอยู่รอบรถเข็นของเหมิงซานหมิงที่ถูกเข็นอยู่ เดินเล่นไปรอบๆ บริเวณนั้นพลางคุยกันไปด้วย

“ท่านอ๋องมาเยือนมีเรื่องใดจะสั่งการหรือพ่ะย่ะค่ะ?” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถาม

หลานรั่วถิงเอ่ยขึ้นว่า “เต้าเหยี่ย เรื่องเป็นเช่นนี้ หมู่บ้านลับแห่งนั้นท่านก็เคยไปมาแล้ว ท่านกงซุนเถี่ยหนิวได้พาศิษย์กลุ่มหนึ่งออกจากหุบเขามาด้วย ต้องการมาสร้างอาวุธให้แก่ทางท่านอ๋อง ทางเต้าเหยี่ยมีพื้นที่กว้างขวาง ฝ่าซือก็มากมาย สามารถดูแลได้ทั่วถึง ค่อนข้างปลอดภัยกว่า ดังนั้นท่านอ๋องจึงอยากทำการเลือกพื้นที่ในแถบนี้เพื่อตั้งโรงหลอม ไม่ทราบว่าเต้าเหยี่ยคิดเห็นประการใด?”

“ทางข้าไม่มีปัญหา” หนิวโหย่วเต้าตอบรับทันที จากนั้นย้อนถามว่า “ไม่ทราบว่าทางกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญของท่านอ๋องฝึกฝนเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”

หลังจากที่ได้สร้างช่องทางติดต่อกับทางไห่หรูเยวี่ยโดยตรงแล้ว สตรีนางนั้นเอาแต่ถามถึงเรื่องนี้ ต่อให้ไม่ถาม เขาก็ให้ความสนใจเช่นกัน ดูเหมือนจะไม่เห็นความคืบหน้ามากนัก

ซางเฉาจงเอ่ยว่า “กล่าวได้เพียงว่าเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น อยู่ระหว่างคัดสรรกำลังทหารที่เหมาะสม ปัญหาในตอนนี้คือหากจะสร้างทหารม้าจำนวนมาก ก็จำเป็นต้องใช้ม้าศึกจำนวนมากด้วย ซึ่งการจัดซื้อม้าศึกนี่แหละที่เป็นปัญหา เรื่องนี้ทางสำนักหยกสวรรค์ได้ส่งคนไปยังแคว้นฉีที่เป็นแหล่งค้าม้าศึกแล้ว เพียงแต่…” เขาส่ายหน้า

หนิวโหย่วเต้าถาม “เงินไม่พอหรือพ่ะย่ะค่ะ”

หลานรั่วถิงกล่าวว่า “ในด้านนี้ เงินน่ะเป็นเรื่องรอง ไม่ว่าจะสำหรับแคว้นใด ม้าศึกล้วนเป็นทรัพยากรทางการทหารที่สำคัญ ไม่มีแคว้นใดจะอนุญาตให้ส่งออกม้าศึกแก่แคว้นอื่นที่อาจจะรุกรานตนได้ มีการตั้งด่านตรวจตลอดเส้นทาง ปัญหาสำคัญที่สุดคือแคว้นฉีควบคุมการจัดส่งม้าศึกให้แก่แคว้นอื่น ควบคุมอย่างค่อนข้างเข้มงวด ในส่วนนี้ค่อนข้างลำบาก จากข่าวที่ทางสำนักหยกสวรรค์ส่งมา ดูเหมือนจะเผชิญปัญหายุ่งยากไม่น้อย บอกว่าคงจะจัดหาม้ามาให้ไม่ได้ช่วงนี้ ส่วนเรื่องรายละเอียด ทางสำนักหยกสวรรค์ไม่ได้เอ่ยถึง”

“โอ้!” หนิวโหย่วเต้าพยักหน้า เข้าใจแล้ว ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน สำนักหยกสวรรค์อาศัยทางนี้หาเงินได้ไม่น้อย ก็สมควรต้องให้ทางสำนักหยกสวรรค์ได้ทำงานบ้าง

พวกซางเฉาจงยุ่งง่วนกับงานราชการ จังหวัดชิงซานกำลังรอคอยการฟื้นฟูอยู่ มีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ ไม่ได้อยู่ว่างเหมือนหนิวโหย่วเต้า ดังนั้นจึงรั้งอยู่ที่นี่นานไม่ได้ หลังจากพูดคุยกันจบก็ขอตัวลา

ทว่าทางนี้เพิ่งพูดถึงสำนักหยกสวรรค์ไป คนของสำนักหยกสวรรค์ก็มา

เผิงโย่วไจ้มาเยือนด้วยตัวเอง เขามิได้ไปยังตัวเมือง หากแต่ตรงมาที่นี่เลย

เรื่องที่สำนักหยกสวรรค์จะมาที่นี่เป็นเรื่องที่หนิวโหย่วเต้าคาดการณ์ไว้แล้ว เนื่องจากทางนี้ระงับการส่งสุราเอาไว้

บนหน้าผา สองฝ่ายพบหน้ากัน พอเจอหน้าเผิงโย่วไจ้ก็โวยวายทันที “ไอหนุ่ม เรื่องที่ไม่ส่งสุราให้หมายความว่าอย่างไร? คิดจะกลับคำหรือ?”

สุรากำลังขายดี กำไรมหาศาล! หาเงินได้ง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ ทางนี้กลับระงับการจัดส่งสุราให้ เนื่องจากสำนักหยกสวรรค์รับเงินมัดจำมาจากลูกค้าบางส่วนแล้ว หากถึงเวลาแล้วไม่มีสินค้าส่งให้ นั่นเท่ากับล่วงเกินคนไม่ใช่น้อย อีกทั้งคนที่สามารถสั่งซื้อสุราเช่นนี้ได้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาด้วย แบบนั้นจะต้องยุ่งยากแน่

เขารีบพาคนมาแก้ไขปัญหาทันที อาศัยเพียงลูกน้องที่อยู่ทางฝั่งนี้ไม่มีทางรับมือหนิวโหย่วเต้าได้ คนของสามสำนักที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่พวกไร้ฝีมือเช่นกัน

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องสุรา พวกเฟ่ยฉางหลิวที่ยืนอยู่ข้างๆ ล้วนทราบแก่ใจดี รู้ว่าหนิวโหย่วเต้ากำลังยื้อแย่งผลประโยชน์ให้พวกเขาอยู่

“เจ้าสำนักเผิงอย่าเพิ่งโมโห จิบชาระงับโทสะก่อนเถิด” หนิวโหย่วเต้าเชื้อเชิญให้ดื่มชา

“อย่ามาใช้ลูกไม้นี้กับข้า!” เผิงโย่วไจ้โบกมือ “ข้าจะถามเจ้าประโยคเดียว เรื่องที่เจรจากันไว้ยังนับอยู่หรือไม่”

หนิวโหย่วเต้าปรายตามองไป๋เหยาที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยว่า “หรือว่าไป๋เหยามิได้แจ้งเงื่อนไขของข้าต่อทางสำนัก?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า