ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 240

ตอนที่ 240 แนวทางฟื้นฟูบำรุงร่างกาย

ไห่หรูเยวี่ยสบายใจขึ้นเล็กน้อย “เขาเป็นแบบนี้…”

หลีอู๋ฮวาชี้กระถางไฟที่อยู่ภายในห้อง “ของพวกนี้ไม่ต้องใช้แล้ว เอาออกไปให้หมด เปิดหน้าต่างระบายอากาศ แล้วก็ไม่ต้องให้เขาใส่เสื้อผ้าหนาๆ แบบนี้อีก ร้อนเกินไปร่างกายของเขาจะรับไม่ไหว”

เมื่อได้รับคำสั่งจากเขา เหล่าบ่าวรับใช้รีบจัดการอย่างรวดเร็ว กระถางไฟถูกยกออกไป หน้าต่างถูกเปิดออก เสื้อผ้าที่เซียวเทียนเจิ้นสวมใส่ถูกถอดออกทีละชั้นๆ

ถอดออกจนเหลือเพียงเสื้อชั้นเดียว แต่เซียวเทียนเจิ้นยังคงตะโกนว่าร้อนอยู่

“จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ไห่หรูเยวี่ยอดกังวลไม่ได้

หลีอู๋ฮวาจับชีพจรเซียวเทียนเจิ้นอีกครั้ง สังเกตอาการอย่างละเอียดอยู่พักใหญ่ พบว่ารูขุมขนบนตัวเซียวเทียนเจิ้นที่ปิดสนิทมาเป็นเวลานานหลายปีได้เปิดออกแล้ว ระบายไอร้อนออกมา

หลังจากปล่อยมือแล้วก็บอกว่า “น่าจะไม่เป็นอะไร ตอนนี้ยาที่เขากินเข้าไปกำลังออกฤทธิ์อย่างเต็มที่ ดูอาการแล้ว หากผ่านคืนนี้ไปก็น่าจะทุเลาลงแล้ว”

ไห่หรูเยวี่ยไม่วางใจ สั่งให้คนไปเชิญหมอหมิงคนนั้นมา หลังจากหมอหมิงตรวจอาการให้เซียวเทียนเจิ้นแล้ว คำตอบที่ได้ก็ไม่ต่างจากหลีอู๋ฮวาเลย สั่งให้คนคอยป้อนน้ำให้เซียวเทียนเจิ้นดื่มเป็นระยะๆ ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว

ทั้งสองล้วนบอกว่าไม่เป็นอะไร นี่ทำให้ไห่หรูเยวี่ยเบาใจลงไม่น้อย

กระทั่งหมอหมิงออกไปแล้ว ไห่หรูเยวี่ยจึงถามหลีอู๋ฮวาอีกครั้ง “แบบนี้ก็แสดงว่ายาของเขาได้ผลจริงๆ น่ะหรือ?”

หลีอู๋ฮวาไม่กล้ายืนยัน “ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ รอดูอาการหลังจากนี้แล้วค่อยว่ากัน เจ้ายังมีภาระงานต้องสะสางจัดการ อยู่เฝ้าที่นี่ตลอดไม่ได้ สมควรทำอะไรก็ไปทำเถอะ ส่วนทางนี้ข้าจะให้ศิษย์ในสำนักคอยจับตาดูอาการของเขาเอาไว้”

ช่วงกลางดึก หลีอู๋ฮวามาตรวจอาการให้เซียวเทียนเจิ้นอีกครั้ง ก่อนจะต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าปราณหยินที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนในเส้นลมปราณของเซียวเทียนเจิ้นคล้ายว่าจะสลายหายไปแล้ว เส้นลมปราณที่เรียวเล็กและเปราะบางนั้นปรากฏสัญญาณของการฟื้นฟูขึ้นมารางๆ

“หมอหมิงคนนั้นเข้ามาตรวจบ้างหรือไม่?” หลีอู๋ฮวาปล่อยแขนเซียวเทียนเจิ้น ยืนขึ้นแล้วเอ่ยถาม

ศิษย์ที่คอยเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดตอบว่า “ไม่ได้มาขอรับ”

หลีอู๋ฮวาพึมพำอยู่ภายในใจ คนผู้นั้นชะล่าใจจริงๆ ให้ยาเสร็จก็แทบจะไม่สนใจเลย นี่เป็นเพราะมั่นใจในยาของตน หรือเป็นเพราะมั่นใจในฝีมือการรักษาของตนกันแน่?

แล้วก็เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ รุ่งเช้าวันต่อมา ในที่สุดอุณหภูมิในร่างกายของเซียวเทียนเจิ้นก็กลับมาเป็นปกติ ในที่สุดเซียวเทียนเจิ้นที่อ่อนแรงเป็นอย่างมากก็ผล็อยหลับไป

ในช่วงสาย หมอหมิงแวะมาดูอาการให้เซียวเทียนเจิ้น ไห่หรูเยวี่ยที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถามว่า “ท่านหมอหมิง เป็นอย่างไรบ้าง?”

หมอหมิงกล่าวว่า “ร่างกายเขาอ่อนล้า ปล่อยเขานอนไปเถอะ เอาไว้เขาตื่นขึ้นมาแล้วค่อยเรียกข้า ข้าจะให้ยาเขาอีกครั้ง”

“ได้” ไห่หรูเยวี่ยพยักหน้า

กระทั่งหมอหมิงเดินออกไปแล้ว หลีอู๋ฮวาก็เข้ามาตรวจอาการเซียวเทียนเจิ้นอีกรอบ หลังจากตรวจเสร็จก็เดินออกไปเงียบๆ

ไห่หรูเยวี่ยตามออกไป เอ่ยถาม “ผู้อาวุโส เป็นอย่างไรบ้าง?”

หลีอู๋ฮวายกมือไพล่หลังยืนมองท้องฟ้าอยู่ใต้ชายคา เอ่ยอย่างใช้ความคิด “วิชาแพทย์ของคนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ โรคประหลาดที่เสาะแสวงหาหมอที่มีชื่อเสียงทั่วหล้ามาก็ยังรักษาไม่ได้ แต่พอถึงมือเขากลับทุเลาทันที ฝีมือเลิศล้ำระดับนี้ อาจจะเป็นศิษย์ของหมอผีจริงๆ ก็ได้”

“จริงหรือ?” ดวงตาไห่หรูเยวี่ยเปล่งประกาย

หลีอู๋ฮวาพยักหน้าเล็กน้อย

…..

พอตกดึก ในที่สุดเซียวเทียนเจิ้นที่นอนหลับยาวจนฟ้ามืดก็ตื่นขึ้นมา ทางนี้รีบไปเชิญหมอหมิงมาทันที

เขาเปิดหีบยา หยิบขวดโหลต่างๆ ออกมา ผสมน้ำยาสีดำทะมึนออกมาชามหนึ่ง

เซียวเทียนเจิ้นได้กลิ่นแปลกๆ เช่นนั้นก็ไม่อยากดื่มแล้ว ฝืนข่มใจดื่มเข้าไปอึกหนึ่งก็อยากอาเจียน เบือนหน้าหนีทันที

ไห่หรูเยวี่ยดุเขาทันที “ยาดีย่อมขม ต่อให้รสชาติแย่แค่ไหนก็ต้องดื่มเข้าไป!”

สำหรับนางแล้ว ความหวังมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ตอนนี้ต่อให้หมอหมิงคนนี้สั่งให้บุตรชายกินอาจม นางก็จะปฏิบัติตามอย่างไม่ลังเลเลย

ตัวเซียวเทียนเจิ้นเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าตนดื่มยาชามนั้นเข้าไปได้อย่างไร อยากอาเจียนออกมาอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ด้านข้างใช้พลังช่วยสะกดไว้ให้เขา

ช่วงเย็นของวันถัดมา หมอหมิงผสมน้ำยาสีแดงดุจโลหิตชามหนึ่งให้อีกครั้ง

ครั้งนี้ถึงหน้าตาจะไม่น่าดู แต่ดื่มแล้วรสชาติกลับดียิ่ง มีรสหวาน เซียวเทียนเจิ้นดื่มอึกๆ รวดเดียวจนหมด

หลังจากเห็นกับตาว่าเขาดื่มลงไปแล้ว หมอหมิงก็เก็บหีบยา สะพายขึ้นหลัง เอ่ยกับไห่หรูเยวี่ยว่า “ข้าควรไปได้แล้ว”

“เอ่อ…” ไห่หรูเยวี่ยชี้บุตรชายตน คล้ายกำลังถามว่า แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วหรือ?

หมอหมิงกล่าวว่า “ต้นตอของโรคถูกกำจัดแล้ว ไม่มีทางเกิดปัญหาร้ายแรงอีก เพียงแต่หลายปีมานี้ร่างกายของเขาเจริญเติบโตผิดปกติไปเล็กน้อย ถึงแม้จะกำจัดต้นตอของโรคไปแล้ว แต่สุขภาพกลับยังอ่อนแออยู่ ครึ่งปีนี้ต้องใส่ใจบำรุงฟื้นฟู ข้าเห็นว่าทางเจ้ามีผู้บำเพ็ญเพียรอยู่ไม่น้อย ในจุดนี้ข้าคงไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว พวกเขาย่อมรู้ดีว่าต้องจัดการอย่างไร”

ไห่หรูเยวี่ยกล่าวว่า “นี่ก็เย็นมากแล้ว ไยท่านหมอต้องรีบร้อนจากไปในยามนี้เล่า มิสู้รอให้ผ่านคืนนี้ไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

เพราะว่าเงินหนึ่งแสนเหรียญทองนั้นไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ นางยังคิดจะรั้งตัวอีกฝ่ายให้อยู่ตรวจอาการบุตรชายนานอีกหน่อยแล้วค่อยว่ากัน

หมอหมิงส่ายหน้า “เสียเวลาอยู่ที่นี่มาไม่น้อยแล้ว ข้ายังมีธุระอีก” กล่าวจบก็เดินอาดๆ ออกไป ท่าทางไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา

คนในจวนตั้งแต่บนจรดล่าง รวมถึงหลีอู๋ฮวา ต่างไม่มีใครกล้าบังคับรั้งตัวเขาไว้

เหตุผลก็ง่ายดายยิ่ง หากเป็นศิษย์หมอผีจริงๆ อย่าว่าแต่ตัวหลีอู๋ฮวาที่ล่วงเกินไม่ได้เลย กระทั่งวังสวรรค์หมื่นวิมานก็ล่วงเกินไม่ได้เช่นกัน

ศิษย์หมอผีอันใด ไหนเลยจะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ พบโดยบังเอิญอย่างนั้นหรือ? แรกเริ่มหลีอู๋ฮวานั้นไม่เชื่อ แต่ตอนนี้เขาไม่เชื่อก็คงไม่ได้แล้ว เขาได้เห็นผลลัพธ์ในการรักษาลิขิตหยินกลืนชีพจรมากับตาแล้ว นี่มิใช่เรื่องที่จะเสแสร้งปั้นแต่งได้

ตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าหมอหมิงผู้นี้ แม้แต่ตัวหลีอู๋ฮวาเองก็ต้องให้ความเคารพอยู่หลายส่วน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า