ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 241

ตอนที่ 241 ตลบหลัง

ก่อนหน้านี้หานปิงแห่งหอหิมะเหมันต์เคยมาเยือนด้วยตัวเอง นางยังคงจำได้อย่างชัดเจน การที่ทำให้หานปิงมาที่นี่ด้วยตัวเองได้ เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้ร้ายแรงเพียงใด

วังสวรรค์หมื่นวิมานไหนเลยจะกล้าเสี่ยงภัยนี้ พวกเขาจะต้องลงมือสังหารพวกนางสองแม่ลูกแน่นอน มีแต่ต้องสังหารบุตรชายนางทิ้งไปเสีย ถึงจะไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าถูกรักษาด้วยผลตะวันชาดอะไรทำนองนั้นหลงเหลืออยู่ และเมื่อสังหารบุตรชายนางไปแล้ว ไหนเลยจะปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ พวกเขาจะต้องฝังความลับลงหลุมไปพร้อมกับนางด้วยอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นบุตรชายที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ตอนนี้ไห่หรูเยวี่ยกลับยิ้มไม่ออกแล้ว นางเดินกลับไปกลับมา เถ้าธุลีของกระดาษที่ถูกเผาไหม้ฟุ้งกระจายขึ้นมาตามชายกระโปรงที่โบกสะบัด

นางกำลังครุ่นคิด นี่เป็นฝีมือผู้ใดกันแน่ ต้องการรักษาให้บุตรชายนาง ทั้งยังไม่ยอมเผยตัว

เป้าหมายแรกที่นางนึกถึงก็คือหนิวโหย่วเต้า ข่าวลือที่ทำให้หานปิงมาเยือนที่นี่นั้นบ่งชี้ไปที่หนิวโหย่วเต้า และหนิวโหย่วเต้าก็เคยไปที่ภูเขาหิมะจริงๆ

หากว่าเป็นหนิวโหย่วเต้าจริงๆ หากว่าหนิวโหย่วเต้าขโมยผลตะวันชาดมาจริงๆ นางกลับนึกภาพไม่ค่อยออกเท่าไร หอหิมะเป็นสถานที่เช่นไร? เจ้านั่นสามารถขโมยผลตะวันชาดมาจากมือของหอหิมะเหมันต์ได้อย่างไร? นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

แต่สงสัยมันก็ส่วนสงสัย นางไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บอกว่าเป็นฝีมือของเขา!

ตอนนี้นางอยากส่งคนไปตามจับตัวหมอหมิงคนนั้นมายิ่งนัก อยากสืบสาวว่าเป็นผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังกันแน่ แต่นางไม่กล้า หากจับตัวหมอหมิงก็เท่ากับเป็นการเปิดโปงความจริงเรื่องการรักษา แบบนั้นจะยุ่งยากและอันตรายเช่นกัน ไม่ว่าทางไหนก็ล้วนแต่ยากลำบากทั้งสิ้น

……

ด้านนอกเมือง ในป่าเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปสิบกว่าลี้ หมอหมิงบังคับม้ามุ่งเข้าสู่ป่า ปลดหีบยาที่สะพายไว้บนหลังออก โยนทิ้งไปบนพื้น กวาดตามองไปรอบๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง คนผู้หนึ่งทะยานออกมาจากส่วนลึกของป่า มิใช่ใครอื่น เป็นต้วนหู่ เขายิ้มแย้มเอ่ยทักทาย “พี่ว่าน”

หมอหมิงกระโดดลงจากหลังม้า ส่ายหน้าเอ่ยว่า “เรื่องนี้อันตรายจริงๆ กว่าจะออกมาได้ทำเอาข้าหวาดเสียวแทบตาย”

ต้วนหู่หัวเราะฮ่าๆ “พี่ว่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต้มตุ๋น ไหนเลยจะกลัวเรื่องแบบนี้ได้”

หมอหมิงหัวเราะหยัน “เจ้ากำลังชมข้าหรือกำลังด่าข้าอยู่กันแน่? มันจะไปเหมือนกันได้อย่างไร? นั่นคือจวนผู้ว่าการมณฑลเชียวนะ ในจวนมียอดฝีมือของวังสวรรค์หมื่นวิมานอยู่มากมาย เรื่องที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ จะนำมาเทียบกับครั้งนี้ได้อย่างไร? เจ้าดูดีหรือยัง ไม่มีใครตามมาใช่ไหม?”

ต้วนหู่ตอบว่า “ดูแล้ว ไม่มีใครสะกดรอยตามมา ท่านวางใจเถอะ ขอเพียงพวกเขาเชื่อว่าท่านเป็นศิษย์ของหมอผี ขอเพียงยาออกฤทธิ์ เช่นนั้นก็จะทำให้พวกเขาตกตะลึงได้ เท่านี้พวกเขาก็ไม่กล้ามาวุ่นวายแล้ว”

หมอหมิงล้วงตั๋วแลกทองมูลค่าหนึ่งหมื่นเหรียญทองสองใบออกมาจากในแขนเสื้อ แบ่งให้ต้วนหู่หนึ่งใบ “ได้มาสองหมื่น ตกลงกันไว้ว่าคนละครึ่ง ข้าใจกว้างใช่ไหมล่ะ?”

ต้วนหู่รับไปตรวจสอบเล็กน้อย ก่อนจะเก็บเข้าอกเสื้อ หัวเราะแหะๆ แล้วเอ่ยไปว่า “เรียบร้อย!”

หมอหมิงลอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ไม่ดูเสียบ้างว่าที่นั่นเป็นสถานที่แบบไหน นั่นคือจวนผู้ว่ามณฑลจินโจวเชียวนะ เรียกแค่สองหมื่นเหรียญทองออกจะดูแคลนกันเกินไปแล้ว!

ทั้งสองตกลงกันไว้ว่าจะเรียกค่ารักษาสองหมื่นเหรียญทอง ตกลงว่าจะแบ่งคนละครึ่ง เขากลับไปหลอกเงินมาหนึ่งแสนเหรียญทอง ตนยักยอกไว้เองแปดหมื่น แบ่งให้ต้วนหู่เพียงหมื่นเดียวเท่านั้น

แต่เขาย่อมต้องหาข้ออ้างเอาไว้ให้ตัวเองแล้ว คนที่ไปเสี่ยงอันตรายคือเขา ดังนั้นเขาย่อมต้องได้มากกว่า

“เอาล่ะ เจ้าเองก็บอกไว้แล้ว ผลตะวันชาดปลอมนั่นสะกดอาการไว้ได้แค่เจ็ดแปดวันเท่านั้น เดี๋ยวพอครบกำหนดแล้วอาการจะต้องกำเริบออกมาแน่ พวกเรารีบหนีกันดีกว่า” หมอหมิงโบกมือ หมายจะขึ้นม้าจากไป

ต้วนหู่กลับรั้งเขาไว้ “ขอเพียงมอบจดหมายให้ไห่หรูเยวี่ย แสร้งนำเรื่องผลตะวันชาดมาข่มขู่นาง นางก็ไม่กล้าทำอะไรวุ่นวายแล้ว ปัญหาสำคัญคือท่านไม่ได้ทำความแตกกระมัง? หากความแตกพวกเราก็ไม่สามารถใช้เส้นทางหลวงได้แล้ว เตรียมหาทางหนีผ่านป่ากันเถอะ”

หมอหมิงเอ่ยว่า “เจ้าวางใจเถอะ ข้าทำตามแผนที่พวกเราวางกันไว้แล้ว ไม่ได้เผยพิรุธอะไรออกไปเลย ในส่วนนี้ข้าค่อนข้างมั่นใจ รีบไปกันเถอะ ไปที่ต่อไป เป้าหมายต่อไปที่เจ้าบอกว่าจะลงมืออยู่ที่ไหน?”

ต้วนหู่ยิ้มออกมา “หากไม่บอกเรื่องเป้าหมายต่อไปให้ท่านฟัง พี่ว่านยังจะกลับมาข้าอีกหรือ? เกรงว่าคงหอบเงินหนีไปคนเดียวแล้ว”

“พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร เห็นข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ?” หมอหมิงแสร้งทำเป็นโกรธ จากนั้นก็ผงะไปเล็กน้อย เอ่ยด้วยความสงสัย “ความหมายของเจ้าคือ ไม่มีเป้าหมายต่อไปอย่างนั้นหรือ?”

ต้วนหู่พยักหน้า “มี อยู่ไม่ไกล เป็นแหล่งรายได้ที่พร้อมให้เอามาเลยล่ะ!”

ดวงตาหมอหมิงเปล่งประกาย “เป็นผู้ใด? ลองว่ามาก่อน ระหว่างทางพวกเราจะได้ค่อยๆ วางแผนกันไป”

ต้วนหู่เอ่ยชัดถ้อยชัดคำ “ไกลสุดขอบฟ้า ใกล้เพียงสายตา”

หมอหมิงจ้องเขม็ง สีหน้าแปรเปลี่ยนในทันใด ตระหนักได้แล้วว่าอีกฝ่ายคิดจะตลบหลังกัน เขาพลันทะยานกาย พุ่งกระโจนออกไปอย่างรวดเร็ว

แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเงาร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นตรงเบื้องหน้า ตวัดมือฟันปราณกระบี่สายหนึ่งออกมา เป็นเหลยจงคัง

หมอหมิงตกใจเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ถึงได้เข้าใจแล้วว่าต้วนหู่มิได้ลงมือคนเดียว หากแต่วางแผนดักรอเขาล่วงหน้าแล้ว

เขาแค้นใจเป็นยิ่งนัก แค้นใจที่ตนโลภมาก หลังจากลงมือในมหานครจินโจวเสร็จเรียบร้อยก็สมควรจะหนีไปคนเดียวเลยถึงจะถูก

แต่จะว่าไปแล้ว หากไม่เป็นเพราะโลภในเงินทอง ตนไหนเลยจะยอมเสี่ยงอันตรายเข้าไปในจวนผู้ว่าการมณฑลได้ นี่เป็นกับดักที่วางแผนมาเป็นอย่างดีชัดๆ!

ต้วนหู่ชักกระบี่ตามเข้าไปโจมตี

ด้านข้างมีเงาร่างอีกร่างหนึ่งพุ่งออกมาร่วมการต่อสู้ด้วย เป็นอู๋ซานเหลี่ยง

เมื่อเห็นว่าเข้าตาจน ยากจะยืนหยัดต้านทานต่อไปได้ หมอหมิงจึงตะโกนขึ้นมาว่า “ทุกท่าน ก็แค่ต้องการเงินกระมัง? ทรัพย์สินทั้งหมดในตัวข้ายกให้พวกท่าน โปรดเมตตาไว้ชีวิตด้วย!”

ต้วนหู่ยิ้มหยัน “พวกเราไม่สนใจเงิน สนใจแต่ชีวิตของเจ้าเท่านั้น!”

หลังติดตามหนิวโหย่วเต้า ลักษณะการพูดก็เปลี่ยนไปหมด หากเปลี่ยนเป็นการตลบหลังเช่นในอดีตล่ะก็ เขาคงบอกไปแล้วว่าเงินก็จะเอา ชีวิตก็เอาอะไรทำนองนั้น ไหนเลยจะพูดจาทำนองว่าไม่สนใจเงินทองได้!

ทั้งสามล้อมโจมตีหมอหมิงอย่างดุเดือด ต้นไม้หักโค่นระเนระนาด สิ่งที่ล้มตามลงไปยังมีร่างของหมอหมิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า