ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 242

ตอนที่ 242 โอ๊ย

สองสามวันต่อมา คณะเดินทางจากมณฑลจินโจวที่นำโดยไห่หรูเยวี่ยเดินทางมาถึง มุ่งตรงเข้าสู่จังหวัดชิงซาน

เมื่อไม่ได้เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการ ย่อมโมโหใส่อารมณ์กับซางเฉาจงอย่างเลี่ยงไม่ได้ จึงบอกให้ซางเฉาจงเร่งดำเนินการโดยเร็ว แล้วก็ทำได้เพียงเท่านี้

อันที่จริงสำหรับตัวไห่หรูเยวี่ยแล้ว เมื่ออาการป่วยของบุตรชายหายดีแล้ว เรื่องที่ว่ากององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญจะจัดตั้งได้สำเร็จหรือไม่ก็ลดความสำคัญลงไปมาก เพียงแต่วังสวรรค์หมื่นวิมานค่อนข้างคาดหวังกับเรื่องนี้ นางจึงนำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง วังสวรรค์หมื่นวิมานจึงอนุญาตให้นางเดินทางมาที่นี่ทันที

แล้วก็เป็นอย่างที่หนิวโหย่วเต้าคาดการณ์ไว้ พอไม่ได้เห็นในสิ่งที่ต้องการจะเห็น กำหนดการเดินทางในวันถัดมาของไห่หรูเยวี่ยจึงมุ่งหน้ามายังหุบเขาที่อยู่นอกเมืองแห่งนี้

รุ่งเช้าวันต่อมา หนิวโหย่วเต้าที่ล้างหน้าผัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่มารอต้อนรับที่ปากทางเข้าหุบเขาด้วยตัวเอง

คณะเดินทางของไห่หรูเยวี่ยลงจากหลังม้า ทางนี้อนุญาตให้ไห่หรูเยวี่ยพาผู้ติดตามเข้ามาได้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนที่เหลือถูกขวางให้อยู่ด้านนอก

“องค์หญิงใหญ่กำลังมองอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ยามที่เดินเข้าสู่หุบเขาพร้อมกัน หนิวโหย่วเต้าเห็นสายตานางกวาดมองดูลูกน้องของเขาไม่หยุด จึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

ไห่หรูเยวี่ยกล่าวว่า “หรือเจ้าไม่อนุญาตให้ชมทิวทัศน์ขุนเขาที่นี่?”

นางกำลังมองหาคน ดูว่าที่นี่มีหมอหมิงคนนั้นหรือไม่ หากว่ามี ข้อสงสัยทุกอย่างย่อมได้รับการคลี่คลาย

นางเชื่อว่าหากเรื่องนั้นเป็นฝีมือหนิวโหย่วเต้าจริงๆ เขาก็ไม่มีทางส่งคนไปจัดการส่งเดช หากแต่ต้องส่งคนที่หนิวโหย่วเต้าไว้วางใจไปจัดการแน่นอน

“มิบังอาจ! เชิญองค์หญิงใหญ่ตามสบายพ่ะย่ะค่ะ” หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ กำลังมองหาคนอยู่ชัดๆ ใช่กำลังชมทิวทัศน์อะไรเสียที่ไหน

ระหว่างที่เดินทางไปยังที่พักของหนิวโหย่วเต้า ไห่หรูเยวี่ยให้คนอื่นๆ ถอยออกไป ไม่ให้ตามมา

สีหน้าของหลีอู๋ฮวาที่ติดตามมาคุ้มกันดูไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก เขาก็ไม่สะดวกจะว่าอะไรเช่นกัน

เมื่อขึ้นมาถึงหน้าผาตรงไหล่เขา มองเห็นกระท่อมหลังหนึ่ง ไห่หรูเยวี่ยเอ่ยด้วยความแปลกใจ “เจ้าทำงานรับใช้ซางเฉาจงถึงขนาดนั้น แต่ได้อยู่ในสถานที่ซอมซ่อเช่นนี้หรือ?”

ประโยคต่อไปที่เตรียมจะพูดคือ ลองพิจารณาย้ายฝั่งมาอยู่กับทางข้าไหม?

หนิวโหย่วเต้าชี้ไปยังยอดเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “มีที่พักชั้นดีเช่นกัน อยู่ระหว่างก่อสร้าง ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ คาดว่าคงไม่อาจย้ายเข้าไปภายในปีนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ไห่หรูเยวี่ยมองตามนิ้วที่ชี้ออกไป มองเห็นโครงสร้างของอาคารสิ่งปลูกสร้างอยู่รางๆ คนงานเดินขึ้นเดินลงอยู่บนเขา จึงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก

หนิวโหย่วเต้าผายมือเชิญให้นางนั่งลงตรงโต๊ะหินที่อยู่ด้านนอกกระท่อม เฮยหมู่ตานยกชามาให้

“พวกเราจะคุยกันตามลำพัง” ไห่หรูเยวี่ยเหลือบมองเฮยหมู่ตาน เอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชา

หนิวโหย่วเต้าโบกมือส่งสัญญาณให้เฮยหมู่ตานถอยออกไป ยกการินน้ำชาให้นาง เอ่ยคำพูดประโยคหนึ่งที่ฟังดูคล้ายเป็นการไถ่ถามเรื่อยเปื่อย “บุตรชายขององค์หญิงสบายดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

เปลือกตาไห่หรูเยวี่ยกระตุกเล็กน้อย นางไม่รู้จะเริ่มเอ่ยถึงเรื่องนั้นอย่างไรอยู่พอดี เพราะหากมิใช่ฝีมือของคนผู้นี้ล่ะก็ การที่นางพูดเรื่องนี้ออกไปก็จะเท่ากับเป็นการส่งมอบจุดอ่อนของตนให้อีกฝ่าย

นางเดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อสืบหาความจริงเรื่องนั้น นั่นมิใช่เรื่องเล็กๆ เลย ทำให้นางรู้สึกราวกับมีก้างปลาติดอยู่ในคอ กระสับกระส่ายทั้งวันทั้งคืน ในใจยากจะสงบได้ มักจะรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ตลอดเวลา มิเช่นนั้นคงไม่รีบร้อนเดินทางมาเช่นนี้

ด้วยเหตุนี้ นางจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทางวังสวรรค์หมื่นวิมานช่วยปกปิดความลับ ช่วยปกปิดเรื่องที่อาการป่วยของบุตรชายนางหายดีแล้ว

ทำอย่างที่เขียนไว้บนกระดาษแผ่นนั้นจริงๆ อย่าได้แพร่งพราย จงปกปิดเสีย!

ความรู้สึกที่เหมือนถูกคนอื่นจูงจมูกเช่นนี้ช่างน่าอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง

นางค่อยๆ ยกชาขึ้นมา แค่นเสียงเหอะคราหนึ่ง เอ่ยว่า “ได้รับคำอวยพรจากเจ้า จึงสบายดีมาก!” เอ่ยวาจาสื่อความนัย

หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมา จากนั้นถอนใจพลางกล่าว “เรื่องผลตะวันชาด กระหม่อมขออภัยเป็นอย่างยิ่ง แต่กระหม่อมพยายามขอกับทางหอหิมะเหมันต์อย่างเต็มที่แล้วจริงๆ คาดว่าองค์หญิงคงได้ยินเรื่องราวมาบ้างแล้ว เกือบจะเกิดเรื่องขึ้น คว้าน้ำเหลวกลับมา จึงไม่มีหน้าจะไปพบองค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”

“พรืด…แค่กๆ…” ไห่หรูเยวี่ยสำลักน้ำชาจนไอโขลกๆ ขึ้นมา นางคิดจะถามเรื่องนี้อยู่พอดี ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันเอ่ยปาก คนผู้นี้ก็ชิงปฏิเสธเสียแล้ว

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยอย่างแปลกใจ “องค์หญิงใหญ่ค่อยๆ จิบก็ได้พ่ะย่ะค่ะ หากรู้สึกว่าชานี้รสชาติดี ทางกระหม่อมพอจะมีอยู่บ้าง ประเดี๋ยวให้องค์หญิงนำกลับไปด้วยก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ไห่หรูเยวี่ยวางถ้วยชาลง หยิบผ้าเช็ดหน้าจากในแขนเสื้อออกมาเช็ดปาก หลังจากลมหายใจคงที่แล้ว นางจ้องมองเขา จ้องมองอยู่ครู่ใหญ่

อีกฝ่ายปฏิเสธเรื่องนี้ออกมาตรงๆ นี่กลับยิ่งทำให้นางรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีก ทันทีที่เปิดปากก็ถามถึงสุขภาพของบุตรชายนาง จากนั้นก็ปฏิเสธเรื่องผลตะวันชาด ความเชื่อมโยงนี้ จะไม่ให้นางสงสัยก็คงเป็นไปได้ยากแล้ว

หนิวโหย่วเต้าลูบใบหน้าตัวเอง “น่ามองหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ไห่หรูเยวี่ยพยักหน้า “น่ามองยิ่งนัก เหตุใดเจ้าไม่มาติดตามข้าเล่า มาเป็นคนโปรดของข้า”

หนิวโหย่วเต้ามองนางด้วยรอยยิ้มละไม ทราบดีว่าวาจาของอีกฝ่ายดูคล้ายจะล้อเล่น แต่ก็มิใช่การล้อเล่น

หลังจากได้เรียนรู้ธรรมเนียมในวังของโลกทางนี้แล้ว เขาถึงได้รู้ว่าบรรดาองค์หญิงในแคว้นต่างๆ หลังจากออกเรือนไปแล้ว หลายคนยากจะอดทนต่อความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวได้ การชุบเลี้ยงชายบำเรอสักคนไว้คอยให้ความสำราญจึงนับเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง เป็นความลับที่ทราบโดยทั่วกัน ว่ากันว่าองค์หญิงบางคนมีชายบำเรอคนโปรดมากกว่าหนึ่งคนด้วยซ้ำ

ในสถานการณ์ทั่วไป บุรุษที่จะมีชาติตระกูลและอำนาจสูงส่งทัดเทียมกับองค์หญิงได้นั้นมีอยู่ไม่มากนัก ขนาดสามีก็ยังต้องคอยสังเกตสีหน้าภรรยา ไหนเลยจะกล้าควบคุมได้ ประกอบกับไม่ต้องทุกข์ร้อนเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ อีกทั้งอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ กินอิ่มนอนอุ่นย่อมต้องหมกมุ่นตัณหาเป็นเรื่องปกติ บุรุษรอบตัวที่พร้อมจะคลอเคลียประจบเอาใจก็มีอยู่มากมาย ยั่วเย้าปลุกอารมณ์ พัวพันเคล้าคลอเป็นเรื่องปกติยิ่ง

ขอเพียงไม่ออกนอกหน้าจนเกินงาม ก็ไม่มีใครจะว่าอะไร

แต่แน่นอน หากออกเรือนไปกับสามีที่มีอำนาจอยู่ในมือก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ย่อมต้องสำรวมกันสักหน่อย

แต่ในเวลานี้ตระกูลเซียวอยู่ในการควบคุมของนาง ซ้ำยังไม่มีอะไรมาผูกมัด ประกอบกับเป็นหม้าย การที่พูดเรื่องนี้ออกมาตรงๆ จึงไม่นับว่าแปลกอะไร

“อายุข้ายังน้อย ไม่เหมาะหรอกพ่ะย่ะค่ะ” หนิวโหย่วเต้ากล่าวติดตลก

ไห่หรูเยวี่ยอับอายจนโมโหขึ้นมาเล็กน้อย นางคิดว่าตนก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีแล้ว ทว่าอีกฝ่ายกลับพูดออกมาตรงๆ ว่านางอายุมากเกินไป

นางเบือนหน้าไปด้าน แค่นเสียงเหอะทีหนึ่ง จากนั้นวกกลับเข้าประเด็นหลักอีกครั้ง “ขอบใจที่เจ้าส่งคนไปให้ทางข้าเมื่อหลายวันก่อน”

หนิวโหย่วเต้าแสดงสีหน้ามึนงง “ส่งคนไป? ส่งผู้ใดไปหรือ? กระหม่อมไม่ได้ส่งใครไปนะพ่ะย่ะค่ะ!”

ไห่หรูเยวี่ยกัดฟันกรอด เอ่ยด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน “เจ้าอย่าแสร้งทำเป็นเลอะเลือนเลย นอกจากเจ้าแล้วยังจะมีใครอีก”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวอย่างแปลกใจ “องค์หญิงใหญ่ ยิ่งฟังกระหม่อมก็ยิ่งงุนงง สรุปแล้วเป็นเรื่องใดกันแน่พ่ะย่ะค่ะ?”

ไห่หรูเยวี่ยจ้องมองเขา นี่จะให้นางเอ่ยออกไปได้อย่างไร ก็อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ หากว่าเรื่องนี้มิใช่ฝีมือของคนผู้นี้จริงๆ เช่นนั้นการพูดออกไปก็จะกลายเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเอง

“สรุปแล้วเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?” ไห่หรูเยวี่ยถามอย่างชิงชัง

หนิวโหย่วเต้าประหลาดใจเป็นอย่างมาก “กระหม่อมไม่ได้ทำอะไรเลยพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงใหญ่ พระองค์กำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่พ่ะย่ะค่ะ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า