อ่านสรุป ตอนที่ 265 ลำดับของข้าเลื่อนขึ้นมาหนึ่งลำดับ จาก ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 265 ลำดับของข้าเลื่อนขึ้นมาหนึ่งลำดับ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 265 ลำดับของข้าเลื่อนขึ้นมาหนึ่งลำดับ
เมื่อเอ่ยออกมาเช่นนี้ได้ ก็แปลว่าเขาเห็นด้วยกับวิธีการของหนิวโหย่วเต้ามาตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นถึงได้ช่วยเก็บเป็นความลับ
ศิษย์พี่ตบไหล่เขา “ข้าเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องอธิบาย”
เถ้าแก่พานทอดถอนใจอีกครั้ง “เรื่องที่พวกเราจัดการไม่ได้ เขากลับจัดการได้ง่ายๆ…อายุยังน้อย แต่กลับมีความสามารถเช่นนี้ มิน่าเล่าถึงลงหลักปักฐานในสองจังหวัดได้!”
ศิษย์พี่พยักหน้ารับ “ข้านอนกลางดินกินกลางทรายมาตลอดทาง ทั้งต้องปกปิดร่องรอยไว้ อีกทั้งต้องพร้อมให้ความช่วยเหลือเขาตลอดเวลา ทำเอาพวกเราลำบากอย่างมากจริงๆ เดินทางมานานก็ยังไม่เห็นสถานการณ์ที่เขาว่าไว้จะปรากฏขึ้นมา เริ่มแรกทุกคนล้วนบ่นกันเล็กน้อย สุดท้ายความจริงก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการคาดการณ์ของเขาถูกต้อง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาค่อนข้างมีความสามารถจริงๆ แล้วก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเรื่องเหนือความคาดหมายบางอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของเขาเช่นกัน นี่มิใช่เรื่องเลวร้ายเลย กลับเป็นเรื่องดี และหวังว่าเขาจะคุมสถานการณ์เช่นนี้ไปได้เรื่อยๆ เรื่องราวเกี่ยวพันถึงชีวิตของเหล่าศิษย์ทั้งบนล่างในสำนักเซียนสถิตของพวกเรา หากว่าทำสำเร็จ การสละชีพของศิษย์น้องเฉวียนก็ไม่นับว่าเสียเปล่าแล้ว!”
ในหมู่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองทั้งสองที่ถูกชายผอมสูงสังหารในทะเลทรายก่อนหน้า มีศิษย์สำนักเซียนสถิตหนึ่งคน
เถ้าแก่พานพยักหน้าเงียบๆ ถอนหายใจเอ่ยไปว่า “ศิษย์พี่ ไปหาเขากันเถอะ เขารอฟังข่าวจากทางพวกเราอยู่”
ทั้งสองออกจากร้านค้า มุ่งตรงไปยังโรงเตี๊ยมทะเลสาบสวรรค์ ยามที่เคาะประตูห้องหนิวโหย่วเต้าแล้วมีคนมาเปิด พวกเขาก็พบว่าหนิวโหย่วเต้าและเฮยหมู่ตานไม่อยู่
เป็นต้วนหู่ที่ต้อนรับพวกเขา บอกว่าหนิวโหย่วเต้าไปกินดื่มสังสรรค์กับลิ่งหูชิวแล้ว ให้พวกเขารอสักครู่
ส่วนเถ้าแก่จั่วของสำนักเมฆาล่องและศิษย์ร่วมสำนักก็ล่วงหน้ามาถึงก่อนแล้ว รออยู่ในห้องเช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายสบตากันแล้วยิ้ม ทราบเรื่องบางอย่างอยู่แก่ใจ การที่มาพบกันที่นี่ในเวลานี้ได้ เห็นได้ชัดว่าทางสำนักเมฆาล่องก็มีความคืบหน้าแล้วเช่นกัน
ต้วนหู่เชิญทั้งสองฝ่ายดื่มชา
พวกเขารออยู่เช่นนี้กว่าครึ่งชั่วยาม หนิวโหย่วเต้าและเฮยหมู่ตานถึงจะกลับมา
“เต้าเหยี่ย!” ทุกคนลุกขึ้นยืนพร้อมกัน ต่างเอ่ยทักอย่างสุภาพ ดูให้ความเคารพขึ้นไม่น้อย
บางสิ่งบางอย่าง ข้อเท็จจริงสำคัญกว่าทุกสิ่ง หากแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาได้ เช่นนั้นก็ย่อมได้รับความเคารพที่สมควรได้กลับมา
เฮยหมู่ตานเลื่อนเก้าอี้มาวางไว้ด้านหลังหนิวโหย่วเต้า หนิวโหย่วเต้าผายมือเชิญให้ทุกคนนั่งลง ส่วนตัวเองก็นั่งลงอย่างเป็นธรรมชาติยิ่ง เคยชินกับการปรนนิบัติของเฮยหมู่ตานแล้ว
“มีความคืบหน้าหรือยัง?” หนิวโหย่วเต้าถาม
“มีขอรับ” เถ้าแก่พานและเถ้าแก่จั่วตอบพร้อมกัน ทั้งสองผงะไปเล็กน้อย สบตากัน จากนั้นต่างฝ่ายต่างผายมือเชิญอีกฝ่าย “ท่านเชิญก่อน ท่านเชิญก่อน…”
“ไม่ต้องรีบ เอาทีละคน” หนิวโหย่วเต้าชี้ไปที่เถ้าแก่พาน “เจ้าเล่าเรื่องคนที่ปลอมตัวเป็นเจ้าคนนั้นมาก่อน”
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงทยอยบอกเล่าข้อมูลออกมา
คนที่ปลอมตัวเป็นเถ้าแก่พานมีชื่อจริงว่าเย่ซานหลาง ส่วนคนที่ได้รับการไต่สวนจากสำนักเมฆาล่องมีนามว่าตานฉางเฉิง ยังมีอีกสองคนที่ตายไปแล้ว ทั้งสี่เป็นลูกน้องของจั๋วเชา ภายนอกแต่ละคนล้วนมีฐานะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนัก ทว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นคนของ ‘หอจันทร์กระจ่าง’ ที่เป็นองค์กรมือสังหารที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในโลกบำเพ็ญเพียร
ทั้งสองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเหตุใดต้องเอาชีวิตหนิวโหย่วเต้า แต่พวกเขาล้วนรับคำสั่งจากจั๋วเชา ส่วนจะเป็นใบสั่งเอาชีวิตจากผู้ใดนั้น ตามกฎขององค์กรแล้ว จั๋วเชาก็ไม่มีทางบอกพวกเขาเช่นกัน พวกเขาเองก็ไปสอบถามไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ทราบ
ส่วนภายใน ‘หอจันทร์กระจ่าง’ มีจำนวนสมาชิกอยู่มากน้อยเท่าไร พวกเขาไม่รู้เลยสักนิด ภายในองค์กรก็ไม่มีทางให้พวกเขาได้ทราบเรื่องนี้
ตอนนี้พวกเขาทราบเพียงว่าจั๋วเชามีลูกน้องอยู่ในมือหกคน รวมจั๋วเชาเข้าไปด้วยเป็นเจ็ดคน ตอนนี้คนที่พลาดท่ามีแค่พวกเขาห้าคน
ตามปกติแล้วพวกเขาทั้งหกล้วนไม่ทราบว่าอีกฝ่ายซ่อนตัวอยู่ที่ใด กระทั่งคนอื่นๆ มีนามว่าอะไรก็ยังไม่ทราบเลย ปกติแล้วจะเรียกขานกันด้วยรหัสประจำตัว แต่ละคนล้วนติดต่อกันผ่านทางจั๋วเชาคนเดียว ตามปกติแล้วได้พบกันน้อยยิ่ง ล้วนต้องมีภารกิจถึงจะมีโอกาสได้พบกัน เมื่อภารกิจสิ้นสุดลง แต่ละคนก็จะแยกย้ายกันไปเงียบๆ ครั้งนี้ก็เป็นเพราะจั๋วเชาเรียกรวมตัว พวกเขาถึงได้มารวมตัวกัน
ประกอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปฏิบัติการครั้งนี้ ข้อมูลที่ทั้งสองฝั่งสารภาพมาส่วนใหญ่ก็มีเพียงเท่านี้ คำสารภาพส่วนใหญ่ของทั้งสองคนตรงกัน
หลังฟังรายงานจากทั้งสองจบ หนิวโหย่วเต้าก็เงียบไปพักใหญ่ สุดท้ายเอ่ยเนิบๆ ขึ้นมาว่า “พูดอีกอย่างก็คือทั้งสองคนทราบถึงข้อมูลภายในของหอจันทร์กระจ่างไม่มากนัก เผลอๆ อาจจะไม่รู้อะไรเลย”
เถ้าแก่พานกล่าวว่า “นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลขอรับ อิทธิพลของหอจันทร์กระจ่างแพร่กระจายอยู่ในทุกแคว้น ทำงานด้านมืดบางอย่างที่เปิดเผยไม่ได้ ย่อมมีกำลังคนไม่น้อยแน่นอน หากไม่เก็บความลับเอาไว้ให้ดี ปล่อยให้ความลับรั่วไหลออกไปง่ายๆ หากใครๆ พากันล่วงรู้ข้อมูลภายในหอจันทร์กระจ่างอย่างทะลุปรุโปร่งได้ องค์กรมือสังหารนี้คงไม่มีทางลึกลับถึงขนาดนี้ได้ขอรับ”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับเงียบๆ ถามอีกครั้ง;jk “เจ็ดคน ถูกจับได้แค่ห้าคน แล้วอีกสองคนทำอะไรอยู่ พวกเขาไม่รู้เลยหรือ?”
เถ้าแก่จั่วตอบว่า “เขาบอกว่าแต่ละคนแบ่งงานกันทำ ตามกฎขององค์กรแล้ว มีแต่ต้องปฏิบัติภารกิจของตนให้สำเร็จ ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปสอบถามคนอื่นหรือสอบถามภารกิจของกันและกัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกสองคนที่เหลือได้มาที่หอไร้ขอบเขตด้วยหรือไม่”
เถ้าแก่พานพยักหน้าเช่นกัน สื่อว่าทางเขาก็ว่ามาเช่นนี้
หนิวโหย่วเต้าเงียบไป เขายังอยากจะสอบถามดูว่าภารกิจมีส่วนเกี่ยวข้องกับลิ่งหูชิวหรือไม่ อย่างเช่นก่อนหน้านี้ที่ลิ่งหูชิวถูกล่อออกไป แต่ตอนนี้ดูแล้วเหมือนจะหมดหนทางตรวจสอบหาคำตอบนี้ได้
ตอนนี้พอมาคิดๆ ดูแล้ว เขานึกเสียดายเล็กน้อยที่สังหารจั๋วเชาไป จั๋วเชาเป็นหัวหน้าของคนพวกนี้ น่าจะรู้ข้อมูลมากกว่าคนเหล่านี้
เขาอยากรู้ว่า ‘ญาติผู้พี่’ ที่เฉินกุยซั่วแจ้งมาในรายงานคนนั้น คนที่เซ่าผิงปอเรียกว่า ‘พี่จ้าว’ คนนั้น เป็นใครกันแน่
อันที่จริงต่อให้เฉินกุยซั่วไม่ได้ส่งจดหมายรายงานฉบับนั้นมา เขาก็ได้ให้ทางซางเฉาจงลอบส่งคนไปตรวจสอบเครือข่ายความสัมพันธ์ของเซ่าผิงปออย่างลับๆ แล้ว
ตามหลักแล้วขอเพียงไม่ล่วงเกินบุคคลระดับสูงในองค์กร หรือคุกคามถึงผลประโยชน์ขององค์กรนี้ องค์กรมือสังหารเช่นนี้ย่อมไม่มีคำว่าความแค้นส่วนตัว
สรุปคือความเข้าใจที่ตนมีต่อองค์กรมือสังหารนี้ยังน้อยเกินไป บางทีอาจมีเพียงเซ่าผิงปอ ญาติผู้พี่คนนั้นและหอจันทร์กระจ่างเท่านั้นที่รู้ความจริงของเรื่องราวนี้ดีที่สุด
เพียงแต่เขาก็พอจะเข้าใจเล็กน้อยแล้ว หากว่าหอจันท์กระจ่างต้องการจัดการตนจริงๆ เช่นนั้นตนก็ไม่สามารถหลบซ่อนตัวได้!
พอเข้าใจในจุดนี้แล้ว หนิวโหย่วเต้าก็แค่นหัวเราะเล็กน้อย “จะมาก็มาเถอะ ข้ารอรับมืออยู่!”
…..
ณ จังหวัดชิงซาน เมืองรอบนอกตัวจังหวัดได้ขยายตัวออกไปอย่างต่อเนื่อง
ณ จวนผู้ว่าการจังหวัด นอกโถงองอาจ เสียงขององครักษ์แว่วขึ้นมา “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”
ซางเฉาจงและหลานรั่วถิงที่กำลังหารืออะไรบางอย่างอยู่หน้าแผนที่เงยหน้ามองไปตามเสียง ก่อนจะเห็นไป๋เหยาที่ยืนอยู่หน้าประตู
โถงองอาจเป็นสถานที่สำคัญสำหรับวางแผนเรื่องกลศึก ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามาทั้งสิ้น แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ในยามนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าองครักษ์ไม่อาจขวางไป๋เหยาไว้ได้
ซางเฉาจงโบกมือ สื่อให้องครักษ์ถอยออกไป ไป๋เหยาเดินเข้ามา เขาและหลานรั่วถิงก็รีบเดินเข้าไปหา ประสานมือทักทาย “ฝ่าซือมีธุระใดหรือ?”
ไป๋เหยาเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ลำดับบนทำเนียบโอสถมีการเปลี่ยนแปลง!”
ซางเฉาจงและหลานรั่วถิงมองหน้ากัน ไม่ค่อยเข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร ทำเนียบโอสถจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่แล้วเกี่ยวอะไรกับพวกข้า เจ้าบุกเข้ามาในสถานที่สำคัญด้านการทหารเพื่อพูดเรื่องนี้น่ะหรือ?
หลานรั่วถิงเอ่ยถาม “หรือว่าลำดับชื่อของฝ่าซือจะเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วย?”
ไป๋เหยาเอ่ยอย่างเฉยเมย “มีความเปลี่ยนแปลงจริงๆ ลำดับของข้าเลื่อนขึ้นมาหนึ่งลำดับ!”
บุกเข้ามาในโถงองอาจเพราะเรื่องนี้หรือ? หลานรั่วถิงและซางเฉาจงพูดไม่ออก รู้สึกว่าคนผู้นี้คงไม่คิดอะไรตื้นๆ เช่นนี้กระมัง เพียงแต่ทั้งสองยังคงประสานมือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยินดีด้วยๆ!”
ไป๋เหยากลับกล่าวว่า “ไม่มีอะไรน่ายินดี ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ลำดับกลับเลื่อนขึ้นมาหนึ่งลำดับ”
………………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า