ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 275

ตอนที่ 275 ยังต้องเตรียมบ้าอะไรอีก!

“ถึงอยากอำพรางก็คงอำพรางไม่อยู่หรอกขอรับ” กงซุนปู้ส่ายหน้า

หนิวโหย่วเต้าถาม “เพราะอะไร”

กงซุนปู้กล่าวว่า “จากที่ไปสืบมาตามคำสั่งท่าน เราไม่เคยพบเบาะแสเลย อีกทั้งท่านยืนยันว่าอีกฝ่ายจะต้องใช้เรือขนส่งผ่านทางทะเลแน่นอน ศิษย์ในสำนักไปสอบถามชาวประมงที่มีประสบการณ์ออกทะเลหาปลามาอย่างละเอียดแล้ว สอบถามชาวประมงตามชายฝั่งทะเลมาไม่น้อย เนื่องจากแคว้นฉีห้ามส่งออกม้าศึกโดยพลการ ดังนั้นจึงไม่เคยได้ยินว่ามีเรือสำหรับขนส่งม้าโดยเฉพาะเลย”

หนิวโหย่วเต้าถาม “ไม่มีเรือสำหรับขนม้าโดยเฉพาะ แล้วเรือขนส่งสินค้าใช้ไม่ได้หรือ?”

กงซุนปู้ส่ายหน้า “ทางเราก็ถามแบบนี้เช่นกัน จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าที่มีประสบการณ์ เรือขนส่งสินค้าทั่วไปไม่สามารถขนส่งม้าได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะบรรทุกไม่ได้ เพียงแต่ม้าส่วนใหญ่เคยชินกับการอยู่บนบก ไม่คุ้นเคยกับการอยู่บนเรือแล้วลอยไปลอยมาอยู่ในทะเล แบบนั้นจะทำให้ม้าไม่สบายเอาได้ และถ้าอยู่กันเป็นฝูงก็จะเกิดปัญหาขึ้น ดังนั้นต้องแยกให้ม้าอยู่เดี่ยวๆ ได้รับการดูแลจากคนเลี้ยงม้าที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญ หากจะขนส่งเป็นจำนวนมากล่ะก็ จำเป็นต้องดัดแปลงสภาพภายในเรือสินค้าก่อนถึงจะนำมาใช้ได้”

“อีกทั้งคนของพวกเราก็ตรวจสอบเรือต้องสงสัยบางส่วนตามชายฝั่งแล้ว ไม่ปรากฏเรือที่ทำการดัดแปลงสภาพภายในเลย หากเป็นไปตามที่เต้าเหยี่ยบอก เช่นนั้นเกรงว่าคงไม่ได้ใช้เรือจำนวนน้อยๆ หากแต่ต้องใช้เรือจำนวนมาก คงไม่สามารถต่อเรือขึ้นมาใหม่เป็นจำนวนมากเพื่อม้าเหล่านี้โดยเฉพาะได้กระมัง? หากจะต่อเรือใหญ่สักลำที่สามารถออกทะเลได้ เช่นนั้นก็ต้องใช้ช่างต่อเรือที่เชี่ยวชาญ การจะต่อเรือสักลำก็ใช่ว่าจะทำขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ ได้ ดังนั้นการจะสร้างเรือขึ้นมาใหม่เป็นจำนวนมากยิ่งเป็นไปได้ยากเข้าไปใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่พบเห็นเรือใหม่ประเภทนี้เลยขอรับ”

“หลังจากคนของทางเราออกตรวจตราตามแนวชายฝั่งไปรอบหนึ่ง ตัดตำแหน่งที่เรือเหล่านั้นไม่สามารถเทียบท่าได้ออกไป ตรงพื้นที่ทั้งหมดที่เรือจะเข้าเทียบท่าได้ พวกเราได้ส่งคนไปลาดตระเวนตามพื้นที่ทุกวัน ในกรณีที่มีคนไม่เพียงพอ หากเรือมีจำนวนน้อยก็อาจจะมีตรวจสอบตกหล่นไปบ้าง แต่ในกรณีที่มีเรือเป็นจำนวนมาก อย่างน้อยก็ต้องสังเกตเห็นกันบ้างถึงจะถูก ดังนั้นสำหรับตอนนี้ ยังไม่พบเรือตามที่เต้าเหยี่ยบอกไว้เลยขอรับ”

“เต้าเหยี่ย หรือข่าวของท่านจะผิดพลาดขอรับ?”

หนิวโหย่วเต้าใคร่ครวญเงียบๆ ถึงแม้ซางเฉาจงจะต้องการก่อตั้งกองทหารม้าพิเศษขึ้น แต่พื้นที่ของมณฑลเป่ยโจวกว้างใหญ่ถึงเพียงนั้น จำนวนม้าศึกที่ต้องการอย่างไรก็ต้องมากกว่าที่ซางเฉาจงต้องการหรือเปล่า ในเมื่อเซ่าผิงปอมีช่องทางหาม้ามาได้ เขาก็ไม่มีทางมักน้อยอยู่แล้ว ด้วยความทะเยอทะยานของคนผู้นั้น คาดว่าอย่างน้อยก็ต้องเป็นหลักหมื่นตัวขึ้นไปถึงจะถูก

หลังใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งก็เอ่ยถาม “กงซุน ข้าไม่เคยเห็นเรือเดินสมุทรของแคว้นต่างๆ เลย เจ้าช่วยประเมินให้ข้าหน่อยว่าม้าศึกหนึ่งหมื่นตัวต้องใช้เรือมากเท่าไรถึงจะบรรทุกได้หมด”

ขณะที่กงซุนปู้กำลังครุ่นคิดอยู่ กลับเป็นเฮยหมู่ตานที่เอ่ยแทรกขึ้นมา “เต้าเหยี่ย แต่ก่อนผู้บำเพ็ญไร้สำนักอย่างพวกเรามักจะเดินทางออกทะเลไปหาสมุนไพรวิญญาณอยู่บ่อยครั้ง เดินทางในทะเลอยู่หลายครั้ง พอจะเข้าใจเรื่องเรือพอสมควรเจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้าร้องโอ้ หันไปมองนาง “อย่างนั้นเจ้าลองว่ามาซิ”

เฮยหมู่ตานกล่าวว่า “หากว่าหนึ่งหมื่นตัวล่ะก็…เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเป็นเรือใหญ่หรือเรือเล็ก หากเป็นเรือเล็ก เดินทางไกลในท้องทะเลจะอันตรายอย่างมาก สภาพอากาศในท้องทะเลเปลี่ยนแปลงบ่อย หากพบคลื่นมรสุมเข้า เรือเล็กจะพลิกคว่ำได้ง่าย อีกทั้งม้าก็ไม่ใช่สินค้า ไม่สามารถวางเรียงซ้อนกันได้ จำเป็นต้องมีพื้นที่ว่างเพียงพอ เรือเล็กเองก็บรรทุกได้ไม่กี่ตัวเท่านั้น ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้เรือเล็กขนส่งม้าศึกเจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้า “มีเหตุผล! แล้วเรือใหญ่บรรทุกได้มากแค่ไหน?”

เฮยหมู่ตานตอบว่า “ข้าเคยเห็นเรือเดินสมุทรแบบที่ใหญ่ที่สุดแบบนั้นมาแล้วเจ้าค่ะ คาดว่าน่าจะบรรทุกม้าสองร้อยตัวในครั้งเดียวได้ไม่มีปัญหา เพียงแต่ในแต่ละแคว้นน่าจะมีเรือประเภทนี้อยู่ไม่มาก ดังนั้นหากต้องการขนส่งม้าศึกเป็นหมื่นตัวล่ะก็ ความเป็นไปได้ที่มากที่สุดก็น่าจะเป็นเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกม้าได้หลักร้อยตัวขึ้นไป จะบอกว่าในแต่ละแคว้นมีเรือประเภทนี้อยู่เยอะมันก็ไม่เยอะ แต่มันก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้ามองไปที่กงซุนปู้เพื่อขอคำยืนยัน กงซุนปู้พยักหน้า เอ่ย “น้องหมู่ตานกล่าวถูกต้องแล้ว เป็นอย่างที่นางว่ามาจริงๆ ขอรับ แต่ก่อนข้าออกทะเลไม่บ่อย ประสบการณ์ในด้านนี้ของข้าสู้น้องหมู่ตานไม่ได้เลย”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยความลังเล “พูดอีกอย่างก็คือต้องเป็นเรือใหญ่แบบนั้นอย่างน้อยร้อยลำถึงจะใช้การได้”

“ใช่เจ้าค่ะ!” เฮยหมู่ตานพยักหน้าพลางเอ่ย “อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีหนึ่งร้อยลำเจ้าค่ะ ขนส่งสิ่งมีชีวิตจำนวนมากขนาดนี้เดินทางไกลผ่านทางทะเลนั้นมิใช่เรื่องง่ายเลย อาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดต่างๆ ขึ้นได้ จำเป็นต้องเตรียมการให้รอบคอบ มิเช่นนั้นเกรงว่าหลังจากไปถึงจุดหมายปลายทางแล้วคงเหลือรอดอยู่เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น หากว่ารวมเสบียงเลี้ยงม้าระหว่างทางด้วย เช่นนั้นจะต้องมีมากกว่าร้อยลำแน่นอน ข้าคิดว่าหากต้องขนส่งม้าศึกจำนวนมากขนาดนี้ พวกเขาคงไม่มีทางแวะเทียบฝั่งเป็นระยะๆ กระมังเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เรือใหญ่ประเภทนี้จำนวนร้อยลำขึ้นไป สร้างยากลำบากมากหรือ? พวกเจ้าว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะแอบสร้างขึ้นอย่างลับๆ ในสถานที่ไหนสักแห่ง?”

“เป็นไปไม่ได้!” เฮยหมู่ตานและกงซุนปู้ปฏิเสธขึ้นมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน

หนิวโหย่วเต้ากวาดตามองทั้งสองคน เอ่ยถาม “เพราะอะไร?”

เฮยหมู่ตานเอ่ยว่า “อย่างที่พี่กงซุนกล่าวไปก่อนหน้านี้ การจะต่อเรือใหญ่สำหรับออกทะเลนั้นไม่ใช่สิ่งที่ช่างต่อเรือธรรมดาจะสร้างได้ นั่นมิใช่สิ่งที่เรือประมงที่ต่อโดยช่างฝีมือธรรมดาที่พบเห็นตามทะเลสาบทั่วไปจะเทียบได้เลย คนที่สามารถต่อเรือประเภทนี้ขึ้นได้ ต้องเป็นช่างต่อเรือเดินสมุทรที่มีประสบการณ์ในแถบพื้นที่ชายฝั่งทะเลเจ้าค่ะ”

“อีกทั้งสำหรับชาวบ้านธรรมดาแล้ว มหาสมุทรที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตายังคงน่าหวาดกลัวอยู่บ้างไม่มากก็น้อย นอกจากพ่อค้าที่พร้อมเสี่ยงอันตรายเพื่อเงินเหล่านั้นแล้ว คนส่วนใหญ่ยังคงมุ่งเน้นไปที่การขนส่งทางบกมากกว่า ชาวบ้านตามแนวชายฝั่งที่เลี้ยงชีพด้วยการหาปลาก็ไม่จำเป็นต้องใช้เรือใหญ่ขนาดนี้เลย อีกทั้งซื้อไม่ไหวด้วย หรือต่อให้ซื้อไหว การจะบังคับเรือใหญ่ประเภทนี้ก็ต้องใช้ลูกเรืออย่างน้อยๆ เป็นจำนวนสิบยี่สิบคนแล้ว นี่จะต้องออกไปหาปลาไกลแค่ไหนกัน? หากเดินเรือไปไกล พอจับปลาได้กว่าจะขนกลับมาก็คงเน่าแล้ว ในเมื่อทำการประมงในน่านน้ำใกล้ๆ จำเป็นต้องใช้เรือใหญ่ขนาดนี้ด้วยหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า