ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 285

ตอนที่ 285 รับคำท้า

ทั้งสามคนที่หันหลังชนกันเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จะเสี่ยงชีวิตขัดขืน? ฝ่าออกไปได้หรือ? กล้าหรือ?

“จื่อชุน ฝากเจ้าด้วยล่ะ” ชายคนหนึ่งวางกระบี่ในมือลง

“จื่อชุน พวกเราเชื่อมั่นในตัวเจ้า” ชายอีกคนก็วางอาวุธลงเช่นกัน จะไม่เชื่อก็ไม่ได้แล้ว ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตกลงยอมเป็นตัวประกันด้วยตัวเอง

เสวียนจื่อชุนมองหนิวโหย่วเต้าด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว กัดฟันยอมรับ ที่ตนรีบร้อนมาหาอีกฝ่ายถึงที่เช่นนี้ ก็เพราะหวังว่าสักวันตนจะได้มีอำนาจเหมือนหนิวโหย่วเต้า สามารถวางตัวสูงส่งเช่นนี้ได้ และสามารถทำตัวกำแหงข่มขู่ผู้คนเช่นนี้ได้มิใช่หรือ?

“ได้!” เสวียนจื่อชุนตะโกน “เอาตามนี้ ข้าตกลง! เช้าวันพรุ่งนี้ สู้กันที่ลานน้ำตกเหินหาวบนเขาทิศเหนือนอกเมือง กล้าไปตามนัดหรือไม่?”

“ตกลงตามนี้!” หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ โบกมือพลางเอ่ยว่า “ปล่อยนางไป!”

คนที่ปิดล้อมอยู่แหวกทางเปิดช่องให้ เสวียนจื่อชุนเดินออกจากวงล้อม หันหลังกลับมาอีกครั้ง ค่อยๆ เดินถอยหลังพร้อมกับมองสหายของตนไปด้วย

กลุ่มคนที่ปิดล้อมอยู่เดินเข้ามาจัดการ ริบอาวุธและลงผนึกทั่วร่างของชายทั้งสอง จับเป็นตัวประกัน

ชายทั้งสองไม่ได้ขัดขืน ในเมื่อตอบตกลงเป็นตัวประกันแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องขัดขืนอีกต่อไป ทั้งสองมองดูเสวียนจื่อชุนที่เดินถอยหลังออกไป

สุดท้าย เสวียนจื่อชุนพลันหันหลังกลับ สาวเท้าเดินจากไป

ลิ่งหูชิ่วและเฟิงเอินไท่สบตากันเล็กน้อย เหตุใดถึงรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่าการท้าสู้ครั้งนี้คล้ายจะเปลี่ยนแปลงไป เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็นเสวียนจื่อชุนมาท้าสู้ แต่ทำไมถึงรู้สึกว่ากลายเป็นหนิวโหย่วเต้าที่บีบให้เสวียนจื่อชุนท้าสู้ไปเสียเล่า

เฟิงเอินไท่เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าตอบรับคนนี้ หลังจากนี้ก็จะมีคนต่อไปอีก เกรงว่าคงมีการท้าสู้เช่นนี้ไม่จบไม่สิ้น!”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ไม่ตอบรับก็จะมีคนมาหาไม่จบไม่สิ้น”

ลิ่งหูชิวกล่าวว่า “เจ้าคงไม่ตอบรับคำท้าสู้เช่นนี้ไปเรื่อยๆ กระมัง?”

“หากแม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ยังจัดการไม่ได้ ข้าก็ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน พลันโบกมือส่งสัญญาณไปทางนอกศาลา หยุดไม่ให้กลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรพาตัวชายสองคนนั้นออกไป

กลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรหยุดเท้ามองดูเขา ไม่ทราบว่ามีคำสั่งใดอีก

ผู้ใดจะทราบว่าหนิวโหย่วเต้ากลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ตัดหัวสองคนนี้ซะ นำไปส่งให้เสวียนจื่อชุนคนนั้นในวันพรุ่ง!”

ทุกคนตะลึงงัน

ชายทั้งสองที่ถูกจับตกตะลึง

ชายคนหนึ่งตะโกนกร้าวขึ้น “หนิวโหย่วเต้า เจ้าคนสับปลับ!”

ชายอีกคนร้องว่า “หนิวโหย่วเต้า ไอ้สารเลวพูดกลับกลอก!”

เพิ่งจะตะโกนออกมาก็ถูกคนลงมือสกัดจุดใบ้เอาไว้ พยายามดิ้นรนขัดขืนไปก็ไร้ประโยชน์ เรียกได้ว่าพยายามกระเสือกกระสนอย่างสุดกำลังโดยแท้จริง

สีหน้าหนิวโหย่วเรียบเฉย ค่อยๆ ยกสุราขึ้นจิบอย่างไม่อนาทรร้อนใจ ไม่มองออกไปด้านนอกอีกเลย

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงแน่ใจในคำสั่งของเขาแล้ว นี่มิใช่การข่มขู่ หากแต่ต้องการสังหารจริงๆ!

ชายทั้งสองคนถูกลากตัวไปที่หน้าแปลงดอกไม้ทันที แสงเยียบเย็นส่องวาบขึ้นสองสาย ดาบถูกยกตวัด โลหิตสดๆ พุ่งกระฉูดใส่แปลงดอกไม้ กิ่งบุปผาที่ถูกโลหิตสาดรดไหวโอนเอน โลหิตสดๆ ไหลหยดย้อย ศีรษะขนาดใหญ่สองหัวร่วงลงบนพื้น

ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่สบตากันเงียบๆ หลงนึกว่าจะจับสองคนนี้ไว้เป็นตัวประกันจริงๆ ผู้ใดจะทราบว่ากลับสั่งตัดหัวพวกเขาทั้งสอง ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะขัดขืนด้วยซ้ำ ถูกจับตัว ตัดหัว ง่ายดายถึงเพียงนี้

ก่อนหน้านี้ยังพูดจาทำนองว่าหากต่อสู้จะทำให้ฝ่าซือที่พิทักษ์เมืองหลวงรู้ตัวได้ แต่นี่ไม่ได้มีการต่อสู้เกิดขึ้นเลย หนิวโหย่วเต้าพูดไม่กี่คำกลับสั่งตัดหัวทั้งสองคนได้อย่างง่ายดาย ไม่มีเสียงอึกทึกวุ่นวายแม้แต่น้อย

วันนี้ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่นับว่าได้รู้ซึ้งความโหดเหี้ยมโดยไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงของคนผู้นี้แล้ว เป็นคนที่สังหารคนได้โดยไม่กะพริบตาโดยแท้ ซ้ำมือยังไม่เปื้อนเลือดเลยด้วยซ้ำ

ล้วนได้เห็นหนิวโหย่วเต้าในอีกมุมหนึ่งแล้ว ดูอายุน้อยอ่อนเยาว์ แต่กลับเหมือนคนที่มือเคยอาบเลือดมาไม่น้อยเลย

เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ ต่างคนต่างเกิดความรู้สึกที่บอกไม่ถูก หนิวโหย่วเต้ามาครั้งนี้คล้ายจะไม่มีความเมตตาอันใดเลย ผู้ใดกล้าหาเรื่องเขา เขาไม่มีทางเกรงใจ ลงมือสังหารทิ้งจนสิ้น!

ลิ่งหูชิวเหลือบมองพื้นด้านนอกที่ถูกเก็บกวาดไปแล้ว เอ่ยเตือนเสียงเรียบ “น้องหลิว เจ้าสังหารพวกเขาสองคน แล้ววันพรุ่งนี้จะอธิบายกับเสวียนจื่อชุนคนนั้นอย่างไรเล่า?”

“ข้าไร้ความบาดหมางกับพวกเขา แต่พวกเขากลับวิ่งมาหาเรื่องข้า กล้าทำก็ต้องเตรียมใจรับผลที่จะตามมาด้วย” หนิวโหย่วเต้าชูจอกเชื้อเชิญพวกเขา เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ต้องอธิบายด้วยหรือ?”

เฮยหมู่ตานมองหนิวโหย่วเต้าอย่างเงียบๆ รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!

ต้วนหู่ออกไปส่งเสวียนจื่อชุน พอกลับมาเห็นภาพเก็บศพทำความสะอาดพื้นที่ก็ตะลึงงันไปเล็กน้อย เพียงแต่ยังคงเร่งเดินเข้ามาในศาลา ยื่นเทียบเชิญฉบับหนึ่งให้อีกครั้ง “เต้าเหยี่ย มีคนมาท้าสู้อีกแล้วขอรับ”

ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่สบตาแล้วส่ายหน้าให้กัน พากันยิ้มเจื่อนออกมา

“ไม่ดูแล้ว” หนิวโหย่วเต้าไม่รับเทียบเชิญ กลับหยิบเทียบเชิญที่อยู่บนโต๊ะยื่นส่งให้ต้วนหู่ “ข้าไม่ได้มีเวลาว่างพอจะมานั่งเล่นกับพวกเขา เอาเทียบเชิญฉบับนี้ไปบอกปัดคนที่อยู่ด้านนอกเสีย หากมีคนมาอีก ก็ให้บอกพวกเขาไปว่าข้ารับคำท้าของเสวียนจื่อชุนแล้ว จะไปสู้กันที่ลานน้ำตกเหินหาวบนภูเขาทิศเหนือนอกเมืองในวันพรุ่งนี้ หากต้องการท้าสู้ต่อ ก็รอให้ข้าสู้กับเสวียนจื่อชุนเสร็จแล้วค่อยว่ากัน บอกพวกเขาว่าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ให้ทยอยมากันทีละคน!”

“ขอรับ!” ต้วนหู่ตอบรับ รับสารท้าสู้ของเสวียนจื่อชุนไป

เฟิงเอินไท่ถาม “เจ้าจะรับคำท้าทุกคนจริงๆ หรือ?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ขอเพียงมีคนกล้ามาท้าสู้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า