ตอน ตอนที่ 286 ราชบุตรเขยที่องค์ฮ่องเต้หมายตา จาก ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 286 ราชบุตรเขยที่องค์ฮ่องเต้หมายตา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 286 ราชบุตรเขยที่องค์ฮ่องเต้หมายตา
หากว่าหนิวโหย่วเต้าอยู่ที่นี่ เขาจะต้องจำทั้งสองคนที่กำลังสนทนากันอยู่นี้ได้แน่ เป็นสตรีสองคนที่บังเอิญพบระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปยังภูเขาหิมะในครานั้น ภายหลังได้โดยสารวิหคยักษ์จากไป เฮ่าชิงชิงคือสตรีที่แต่งกายเป็นบุรุษ ส่วนหญิงวัยกลางคนชุดขาวคือเผยเหนียงจื่อ
เผยเหนียงจื่อยังคงเหมือนเดิม แต่เฮ่าชิงชิงเปลี่ยนไปมาก สวมชุดชนเผ่าพื้นเมือง เส้นผมที่แผ่สยายราวกับม่านน้ำตกถูกถักเป็นเปียเส้นเล็กๆ ทั่วศีรษะ ทำให้บุคลิกของนางมีความป่าเถื่อนและเอาแต่ใจเพิ่มขึ้นมา แต่ยังคงงดงามเป็นอย่างมาก บุคลิกเองก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน
อีกทั้งเฮ่าชิงชิงก็เป็นหนึ่งในองค์หญิงแห่งแคว้นฉี ถึงแม้จะเป็นธิดาขององค์ฮ่องเต้แคว้นฉีเช่นเดียวกับองค์หญิงพระองค์อื่น แต่ชาติกำเนิดของนางสูงส่งกว่าองค์หญิงทั่วไป มารดาของนางคือฮองเฮาแคว้นฉีองค์ปัจจุบัน ในบรรดาบุตรที่ประสูติจากองค์ฮองเฮา มีนางเป็นธิดาเพียงหนึ่งเดียว จะได้รับความรักใคร่เอ็นดูมากเพียงใด เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว
พอได้ฟังวาจานี้ เผยเหนียงจื่อเหลือบมองผู้บำเพ็ญเพียรหญิงที่ไล่ตามมาหยุดยืนอยู่ข้างกายเฮ่าชิงชิงด้วยแววตาเย็นชา อีกฝ่ายก้มหน้าลงเล็กน้อย มีสีหน้าหวาดกลัว
องค์หญิงชอบฟังเรื่องเล่าจากนอกวัง เมื่อครู่นางเพียงเอ่ยถึงเรื่องบางอย่างที่นอกวังโจษจันกันอยู่ให้องค์หญิงฟัง ผู้ใดจะทราบว่าองค์หญิงกลับตื่นตัวเป็นอย่างยิ่ง หลังจากถามซักไซ้อยู่หลายประโยคก็นั่งไม่ติด ร่ำร้องจะออกจากวัง
เรื่องบางอย่างนางไม่ทราบความ แต่เผยเหนียงจื่อกลับทราบดี โบกมือให้นางถอยออกไป คว้าข้อมือเฮ่าชิงชิงไว้ ลากนางกลับเข้าไปในเรือน
“ซานเหนียง เจ้าปล่อยข้านะ!” เฮ่าชิงชิงพยายามดิ้นรนขัดขืน
หลังจากลากนางกลับมาในตำหนักแล้ว เผยเหนียงจื่อถึงได้ปล่อยแขนนาง “องค์หญิง เลิกโวยวายได้แล้วเพคะ”
เฮ่าชิงชิงถลึงตาใส่พลางเอ่ยว่า “ซานเหนียง หนิวโหย่วเต้ามาที่เมืองหลวงแคว้นฉีใช่หรือไม่?”
เผยเหนียงจื่อกล่าวว่า “มาแล้วอย่างไรเพคะ เกี่ยวอะไรกับพระองค์เพคะ?”
เฮ่าชิงชิงถาม “หยวนกังมาด้วยไหม?”
“……” เผยเหนียงจื่อหมดคำพูด รู้อยู่แล้วว่าสาวน้อยตัวแสบคนนี้พะวงถึงสิ่งใด นี่มันเรื่องเหลวไหลอันใดกัน องค์หญิงใหญ่ผู้สูงศักดิ์แห่งแคว้นฉีได้พบชายแปลกหน้าคนหนึ่งเป็นครั้งแรก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากไหน แต่กลับไปแสดงความรักต่ออีกฝ่ายอย่างโจ่งแจ้ง นอกจากองค์หญิงคนนี้แล้ว คาดว่าใต้หล้านี้คงไม่มีสตรีคนใดก่อเรื่องเหลวไหลเช่นนี้เป็นคนที่สองแน่
โชคดีที่ตอนนั้นคนนอกไม่ทราบถึงฐานะขององค์หญิงผู้นี้ มิเช่นนั้นแคว้นฉีคงได้อับอายขายหน้าเป็นแน่ นางกลับมาก็คงไม่สามารถอธิบายได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจติดต่อไปหากองหนุน พาตัวอีกฝ่ายกลับมาเสีย หากปล่อยไว้เกรงว่าคงได้เกิดเรื่องแน่
“หม่อมฉันขอแนะนำให้พระองค์ตัดใจเสียเพคะ เรื่องระหว่างพระองค์กับหยวนกังคนนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ พระองค์น่าจะจำคำพูดของฮองเฮาได้นะเพคะ?”
“เฮ้อ จู้จี้จริงๆ ข้าแค่ถามเจ้าว่าหยวนกังมาด้วยหรือไม่?”
“ไม่มาเพคะ!”
“จริงหรือ?”
“หม่อมฉันจำเป็นต้องโกหกพระองค์ด้วยหรือเพคะ?”
“ได้ยินว่ามีคนมากมายต้องการท้าหนิวโหย่วเต้าสู้ อีกอย่างหนิวโหย่วเต้าก็รับคำท้าแล้ว พรุ่งนี้เช้าจะสู้กันที่ลานน้ำตกเหินหาวบนภูเขาทิศเหนือนอกเมือง เป็นความจริงหรือไม่?”
“จริงแล้วจะทำไมเพคะ? เกี่ยวอะไรกับพระองค์ด้วย?”
“ข้าอยากไปดู เรื่องน่าสนใจเช่นนี้เจ้าไม่อยากดูหรือ? คนผู้นั้นชั่วร้ายนัก ข้าอยากเห็นเขาถูกคนอื่นทุบตีจนลงไปนอนกองกับพื้นมานานแล้ว!”
“ไม่ได้เพคะ!”
“หยวนกังไม่ได้มาด้วยเสียหน่อย เจ้าจะกลัวอะไร? อีกอย่าง อยู่ในเมืองหลวง ข้าจะก่อเรื่องใดขึ้นมาได้? วางใจเถอะ ไม่เกิดเรื่องแน่”
“พระองค์มาคุยเรื่องพวกนี้กับหม่อมฉันไปก็ไม่มีประโยชน์ จะได้ออกจากวังหรือไม่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหม่อมฉันเพคะ”
“ก็ได้ ข้าจะไปทูลขอเสด็จแม่ แค่เดินเที่ยวเล่นในเมืองหลวง เสด็จแม่ต้องอนุญาตแน่นอน!”
“……”
“….”
วันต่อมา ด้านนอกประตูข้างริมกำแพงวังหลวงที่สูงใหญ่ รถม้าที่ดูธรรมดาจำนวนสามคันจอดรออยู่
เฮ่าชิงชิงที่สวมชุดลำลอง แต่งกายเป็นบุรุษอีกครั้ง เดินอาดๆ ออกมาจากประตู เผยเหนียงจื่อ หลิวเฟิงไห่และไฉเฟยที่มีฐานะเป็นองครักษ์คุ้มกันนางก็ตามมาด้วย
เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์อันซับซ้อนภายในเมืองหลวง โดยเฉพาะครั้งนี้ที่ไม่รู้เลยว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง องครักษ์จึงไม่ได้มีแค่สามคน ยังมีผู้บำเพ็ญเพียรอีกหกคนติดตามออกมาจากวังด้วย
ฝ่าซือติดตามทั้งเก้าคนล้วนแปลงโฉมปลอมตัวเช่นเดียวกับเฮ่าชิงชิง
เฮ่าชิงชิงกับเผยเหนียงจื่อ หลิวเฟิงไห่และไฉเฟยโดยสารอยู่ในรถม้าคันเดียวกัน ส่วนอีกหกคนแบ่งไปนั่งในรถม้าสองคันหลัง คันละสามคน
รถม้าเคลื่อนที่ออกไป เดินทางได้ไม่นานนัก เฮ่าชิงชิงที่อยู่ในรถม้าก็หมดความอดทน “ทำไมถึงช้าขนาดนี้ เร็วหน่อยสิ เร็วเข้า ไปช้าคงไม่เหลือที่ดีๆ แน่…”
ลานน้ำตกเหินหาวบนเขาทิศเหนือ สถานที่ก็เหมือนกับชื่อของมัน มีธารน้ำตกใหญ่อลังการสายหนึ่งไหลสาดลงมาจากบนภูเขา ตระการตาน่าตะลึง
ด้านบนธารน้ำตกมีพื้นหินราบเรียบกว้างใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง เป็นที่มาของชื่อลานน้ำตกเหินหาวนี้
รอบข้างมีคนมารวมตัวกันไม่น้อยแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนไม่เผยหน้าค่าตา ต่างเงยหน้ามองฟ้าอยู่เป็นระยะ มีหลายคนที่เอียงหัวกระซิบกระซาบกันอยู่
บนหน้าผาที่อยู่สูงขึ้นไปเล็กน้อยซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะจะชมการต่อสู้ที่สุดแห่งหนึ่ง ฮูเหยียนเวยก็อยู่ที่นี่ด้วย กลุ่มคนที่ยืนอยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นคนที่ค่อนข้างมีตำแหน่งฐานะทั้งสิ้น
“ตะวันสายโด่งแล้ว เหตุใดคนยังไม่มาอีก?”
ฮูเหยียนเวยเอ่ยพึมพำ สองมือทุบบั้นเอวเป็นครั้งคราว คล้ายว่ายืนไม่ค่อยสบายเท่าไร สิ่งสำคัญคือแผลที่บั้นท้ายยังไม่หายดี
“เอ๋…” จู่ๆ เฮ่าชิงชิงคล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงอุทานอย่างดีใจขึ้นมา นางชี้ไปที่ฮูเหยียนเวย หัวเราะชอบใจเป็นอย่างมาก “ร้องไห้อย่างนั้นหรือ! ฮูเหยียนเวย แค่ถีบเบาๆ แค่นี้ เหยียบมดยังไม่ตายเลยด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะร้องไห้ เจ้ายังเป็นบุรุษอยู่หรือเปล่า?”
คนทั้งกลุ่มมองไปทางฮูเหยียนเวยพร้อมกัน เห็นเพียงว่ามีหยาดน้ำตาคลออยู่ในดวงตาฮูเหยียนเวยจริงๆ คนที่ไม่ทราบว่าเขามีแผลที่บั้นท้ายต่างค่อนข้างแปลกใจ
“พระองค์…” ฮูเหยียนเวยมือหนึ่งกุมบั้นท้าย อีกมือชี้หน้าเฮ่าชิงชิงด้วยสีหน้าโกรธเคือง
เขาพูดอะไรไม่ออก คับข้องใจแต่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยได้ ไม่มีทางบอกออกไปได้ว่าเขาถูกท่านพ่อสั่งโบย อีกทั้งอีกฝ่ายก็เป็นองค์หญิง ตนไม่อาจตอบโต้กลับได้
เขาก็เคยได้ยินมาเช่นกัน องค์ฮ่องเต้มีความคิดจะให้องค์หญิงจอมแก่นคนนี้แต่งเข้าตระกูลฮูเหยียน ต้องการสมรสเกี่ยวดองกับตระกูลฮูเหยียน เพียงแต่ท่าทีของท่านพ่อค่อนข้างเป็นกลาง ดูคล้ายจะไม่อยากเกี่ยวดองกับราชวงศ์ ไม่อยากเข้าสู่วังวนความขัดแย้งในราชวงศ์ ส่วนตัวเขาก็ยิ่งไม่อยากกลายเป็นราชบุตรเขยที่ไม่สามารถเชิดหน้าอย่างมีเกียรติได้ ประกอบกับนิสัยดื้อรั้นของเฮ่าชิงชิง เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเดียดฉันท์เฮ่าชิงชิงยิ่งนัก สตรีประเภทนี้หากแต่งเข้าบ้านตน ตนจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือ?
เหิงเทียนต้วนไม่มองเลยด้วยซ้ำ พลันยักมือขึ้น กดมือฮูเหยียนเวยที่ชี้หน้าเฮ่าชิงชิงลงเสีย
เผยเหนียงจื่อก็ปรามเฮ่าชิงชิงเช่นกัน สื่อให้นางอยู่เงียบๆ บ้าง
อันที่จริงในใจของสองศิษย์พี่น้องล้วนทราบดี เกรงว่าเรื่องบางเรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลฮูเหยียนนึกจะปฏิเสธก็ปฏิเสธได้ องค์ฮ่องเต้ต้องการวิวาห์เกี่ยวดองกับตระกูลฮูเหยียนให้ได้ เพียงแต่จากการบอกปัดอย่างละมุนละม่อมของฮูเหยียนอู๋เฮิ่น ทำให้ยากจะบังคับได้ จึงรอโอกาสที่เหมาะสมมาโดยตลอดเท่านั้น
องค์หญิงท่านนี้ครองความโสดไม่ออกเรือนมาจนถึงอายุขนาดนี้ได้ ว่ากันตามตรงก็คือเตรียมจะให้แต่งเข้าตระกูลฮูเหยียนนั่นเอง เกรงว่าอริคู่นี้คงจะกลายเป็นสามีภรรยากันในไม่ช้าก็เร็ว!
สาเหตุก็เข้าใจได้ไม่ยาก ตระกูลฮูเหยียนกุมอำนาจบัญชาการกองทหารม้าที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นฉี และถึงขั้นที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าเอาไว้ ส่วนฮูเหยียนอู๋เฮิ่นก็เป็นขวัญกำลังใจของกองทัพ มิใช่คนที่ผู้ใดจะมาแทนที่ได้ หากกำจัดฮูเหยียนอู๋เฮิ่นทิ้ง กองทัพไร้ซึ่งขวัญกำลังใจ ด้วยผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เกรงว่ากองทหารม้าอันดับหนึ่งในใต้หล้าคงจะต้องล่มสลายเป็นแน่ เรื่องที่เกี่ยวพันถึงความมั่นคงของแคว้นฉี ไม่อาจบุ่มบ่ามได้!
ขอถามหน่อยเถิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ องค์ฮ่องเต้จะล้มเลิกความคิดที่จะการเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลฮูเหยียนได้อย่างไร การวิวาห์เกี่ยวดองต้องเกิดขึ้นแน่นอน!
บุตรชายคนโตและบุตรชายคนรองของตระกูลฮูเหยียนแต่งงานไปนานแล้ว องค์ฮ่องเต้ย่อมต้องหมายตาฮูเหยียนเวยไว้
ด้านฮูเหยียนเวยก็นับว่าอายุไม่น้อยแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แต่งภรรยา ไม่ใช่เพราะเขาขาดคุณสมบัติอันใด หากแต่เป็นเพราะคนส่วนใหญ่ต่างทราบดี ราชบุตรเขยที่องค์ฮ่องเต้หมายตา ผู้ใดจะกล้าแย่งชิงเล่า?
ถึงทั้งสองจะไม่ถูกชะตากันก็ไม่มีประโยชน์ ฮูเหยียนเวยจะไปเที่ยวเตร่ขลุกอยู่ในหอคณิกาเป็นประจำก็ไม่มีประโยชน์ องค์ฮ่องเต้ไม่มีทางถือสาเรื่องนี้ เมื่อมองจากภาพรวมแล้ว ไม่ช้าก็เร็วอริคู่นี้จะต้องเกี่ยวดองกันอย่างไม่อาจขัดขืนได้
การปรากฏตัวของเฮ่าชิงชิงทำให้ฮูเหยียนเวยหมดอารมณ์สนุก หงุดหงิดจนไม่อยากอยู่ต่อแล้ว เอ่ยอย่างอารมณ์เสียว่า “สรุปแล้วหนิวโหย่วเต้าคนนั้นจะมาหรือไม่มากันแน่?”
เฮ่าชิงชิงที่กวาดตามองไปรอบๆ ก็เอ่ยตอบไปทันทีว่า “น่าจะไม่มา”
ฮูเหยียนเวยหันไปมอง “พระองค์รู้ได้อย่างไรว่าเขาจะไม่มา? ทำเหมือนพระองค์รู้จักเขาดีอย่างนั้นแหละพ่ะย่ะค่ะ”
เฮ่าชิงชิงยิ้มออกมาอีกครั้ง พยักพเยิดหน้าใส่เขาอย่างท้าทาย เอ่ยด้วยความเย่อหยิ่งว่า “ใครมันจะเป็นพวกขี้แพ้สายตาคับแคบเช่นเจ้าเล่า เจ้าน่ะ นอกจากสตรีชั้นต่ำในหอคณิกาเหล่านั้นแล้วยังรู้จักผู้ใดบ้าง? ถูกต้อง เจ้าฟังข้าให้ดีๆ นะ หนิวโหย่วคนนี้ข้ารู้จักเขาจริงๆ ซ้ำยังเคยกินอาหารร่วมโต๊ะกับเขามาแล้วด้วย เจ้าเชื่อหรือเปล่าล่ะ?”
…………………………………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า