อ่านสรุป ตอนที่ 290 ให้เจ้าแสนตัวพอหรือไม่? จาก ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 290 ให้เจ้าแสนตัวพอหรือไม่? คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 290 ให้เจ้าแสนตัวพอหรือไม่?
เฉินเปี๋ยสงสัย ยังคิดจะถามอะไรต่อ
จั่วเต๋อซ่งโบกมือ ไม่ได้เอ่ยอะไรให้มากความอีก ยกมือไพล่หลังเดินจากไป
เมื่อครู่เขาไม่ได้กลัวคำขู่ของหนิวโหย่วเต้าเลย ความจริงแล้วหนิวโหย่วเต้าก็ไม่ได้มีเจตนาจะข่มขู่เขาจริงๆ เช่นกัน แรกเริ่มเขาก็เกือบหลงนึกว่าหนิวโหย่วเต้ากำลังข่มขู่เขา ต่อมาถึงได้พบว่าเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ
ส่วนเหตุผลก็เข้าใจได้ไม่ยาก อีกฝ่ายเพียงอยากให้เขาช่วยถ่ายทอดข้อความให้เท่านั้น อำนาจตัดสินใจอยู่ในมือเขา หลังจากนี้เขาจะถ่ายทอดให้หรือไม่อีกฝ่ายก็ไม่มีทางรู้ได้เช่นกัน
อันที่จริงหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็เป็นคนพูดออกมา เงินทองเป็นของนอกกาย อีกฝ่ายไม่ได้มาเพื่อทวงเงิน หากแต่มาเพราะเขา
การข่มขู่ที่ว่าก็เพียงเพราะไม่อยากให้เขาส่งแขกเร็วขนาดนั้น เป็นเพียงเจตนาจะสร้างช่องจากความขัดแย้ง หวังขยับความสัมพันธ์กับเขาให้แน่นแฟ้นขึ้นอีกหน่อย
การข่มขู่ที่ว่าก็ยิ่งคล้ายว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงความสามารถของตนให้เป็นที่ประจักษ์อยู่ เจ้าก็เห็นแล้วมิใช่หรือว่ากระทั่งจั๋วเชาข้าก็ยังสังหารได้? อีกฝ่ายต้องการใช้จุดนี้มาแสดงให้เห็นว่าตนยังคงมีคุณค่าให้ใช้ประโยชน์ได้อยู่ สุดท้ายอีกฝ่ายก็ไม่ได้เรียกร้องขออะไรเป็นจริงเป็นจังจากเขา แต่กลับมอบคำมั่นสัญญาให้เขา บอกว่าหากถึงยามที่เขาต้องการเรียกใช้หนิวโหย่วเต้า ก็ให้เอ่ยมาได้เต็มที่!
สรุปแล้วเจตนาในการมาของหนิวโหย่วเต้านั้นมีอยู่เรื่องเดียว ก็เหมือนอย่างที่ตัวหนิวโหย่วเต้ากล่าวมา ตัวเขาจั่วเต๋อซ่งไม่สูญเสียอะไร เผลอๆ อาจจะได้ประโยชน์อย่างคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ เช่นนั้นไยถึงไม่ลองดูเล่า?
ใช้วาทศิลป์มาผูกมิตรกับเขา ขณะเดียวกันก็ใช้กำลังจัดการสังหารที่ลานน้ำตกเหินหาว จั่วเต๋อซ่งที่ยกมือไพล่หลังเดินเล่นอยู่พลันสังเกตเห็นความน่าสนใจขึ้นมา หนิวโหย่วเต้าคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ไม่แน่ว่าอาจมีสักวันที่ต้องพึ่งพาเรียกใช้จริงๆ
…..
เสียงฝีเท้าม้าแว่วกุบกับอยู่บนท้องถนน เฟิงเอินไท่ควบม้าเข้ามาใกล้หนิวโหย่วเต้าพลางกระซิบถาม “มาที่จวนเสนาบดีปฏิคมทำไมหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าตอบด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่ไม่สะดวกคุย”
เฟิงเอินไท่มองไปรอบๆ บนถนนมีคนสัญจรขวักไขว่ ไม่สะดวกจะพูดคุยจริงๆ
ลิ่งหูชิวก็มองไปรอบๆ ด้วยเช่นกัน พินิจดูสีหน้าหนิวโหย่วเต้าเป็นครั้งคราว เขาก็อยากทราบเช่นกันว่าหลังจากจั่วเต๋อซ่งให้เขาถอยออกมาแล้ว อีกฝ่ายไปคุยอะไรกับหนิวโหย่วเต้าต่อ
จนปัญญาที่ไม่สะดวกจะถามที่นี่ สิ่งที่ทำให้เขาตงิดใจยิ่งกว่าเดิมคือเขาคิดว่าหนิวโหย่วเต้าไม่แน่ว่าจะยอมบอกตน
เรื่องบางอย่างก็พอจะเข้าใจได้ ตัวเขาเองก็รู้อยู่แก่ใจดี คำว่าพี่น้องร่วมสาบานที่ว่า ทุกคนต่างรู้ดีว่ามีความจริงใจอยู่สักกี่ส่วน หากไม่แสดงความจริงใจให้หนิวโหย่วเต้าไว้วางใจ ก็อย่าหวังเลยว่าหนิวโหย่วเต้าจะบอกความลับอะไรกับเขา
เพียงแต่ครั้งนี้ทำเอาเขาตกใจอย่างมากจริงๆ จู่ๆ หนิวโหย่วเต้าก็ข่มขู่จั่วเต๋อซ่ง ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทันแม้แต่น้อย ทำเอาเขามึนงงไปทันที พบว่าเจ้าน้องชายที่ไม่ได้เรื่องผู้นี้บ้าระห่ำนัก
เพราะว่าในยามนั้นบนร่างของทั้งสองถูกลงผนึกไว้ไม่สามารถใช้พลังได้ หากอีกฝ่ายอยากสังหารพวกเขาก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ โชคดีที่ทั้งคู่มีชีวิตรอดออกมาจากจวนจั่วได้อย่างปลอดภัย
เฮยหมู่ตานก็คอยมองท้ายทอยหนิวโหย่วเต้าเป็นระยะๆ เช่นกัน นางเองก็ไม่ทราบว่าเป้าหมายที่แท้จริงในการมาเยือนจวนจั่วของหนิวโหย่วเต้าคืออะไร อยากรู้เหมือนกันว่าคุยอะไรในจวนจั่วบ้าง
หนิวโหย่วเต้าที่นั่งอยู่บนหลังม้ากลับมีสีหน้าสงบราบเรียบ ประหนี่งว่าไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นเลย สายตาที่มองตรงไปด้านหน้าก็เยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับเขาแล้ว จั่วเต๋อซ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นสำหรับการมาลองหยั่งเชิงตื้นลึกหนาบางในเมืองหลวงแคว้นฉีของเขาเท่านั้น สมองเขาไม่ได้มีปัญหา ไม่มีทางวิ่งมาสร้างศัตรูตัวฉกาจที่จวนจั่วอย่างไร้เหตุผล
ส่วนจั่วเต๋อซ่งจะช่วยถ่ายทอดคำพูดให้เขาหรือไม่นั้นไม่สำคัญเลย จะได้กลายเป็น ‘สหาย’ หรือไม่ ตอนนี้เขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเช่นกัน และไม่ได้หวังจะเรียกร้องให้จั่วเต๋อซ่งแสดงความจริงใจอันใดด้วย เขาแค่อยากหาจุดเริ่มต้นสักอย่างเท่านั้น รอจนเขาแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ หรือพูดอีกอย่างคือแสดงคุณค่าที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว จั่วเต๋อซ่งย่อมเห็นเขาเป็น ‘สหาย’ เอง
อีกทั้งไม่ใช่แค่จั่วเต๋อซ่งเพียงคนเดียว หอสูงหมื่นจั้งสร้างขึ้นจากพื้น ทุกเรื่องล้วนต้องเริ่มจากพื้นฐานก่อน วางรากฐานให้พร้อม รอดูสถานการณ์แล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้ง
…..
ณ เรือนเมฆาขาว แท่นพิณเงียบสงัด ซูจ้าวเท้าตัวกับราวกั้นหันหลังให้แท่นพิณ มองมัจฉาที่แหวกว่ายอยู่ในสระน้ำอย่างเลื่อนลอย
เรื่องที่เกิดขึ้น ณ ลานน้ำตกเหินหาวทำให้จิตใจนางตึงเครียดขึ้นมา คล้ายว่าได้เห็นถึงความร้ายกาจของหนิวโหย่วเต้าแล้ว!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางต่อกรกับหนิวโหย่วเต้า ในการปะทะระหว่างเซ่าผิงปอและหนิวโหย่วเต้า นางเป็นเพียงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างอ้อมๆ เท่านั้น บางเรื่องหากยืนอยู่ในมุมของผู้สังเกตการณ์แล้ว สิ่งที่ได้รับรู้มันไม่ได้ลึกซึ้งขนาดนั้น อย่างน้อยก็ไม่ได้รับรู้ถึงความร้ายกาจของหนิวโหย่วเต้าเท่ากับเซ่าผิงปอ เรื่องที่การดักสังหารที่หอไร้ขอบเขตประสบความล้มเหลวเพียงทำให้นางรู้สึกว่าตนยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของหนิวโหย่วเต้าดีพอ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจั๋วเชาตายได้อย่างไร
แต่ครั้งนี้ต่างกันออกไป หนิวโหย่วเต้าอยู่ในเขตอิทธิพลของนางแล้ว ถูกนางลงมือเล่นงานสั่งสอน
แต่ผลลัพธ์เป็นอย่างไรน่ะหรือ? นางได้เห็นผลลัพธ์มากับตาแล้ว!
คิดจะใช้วิธีนี้จัดการให้หนิวโหย่วเต้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ช่างน่าขันสิ้นดี อีกฝ่ายเพียงจัดการส่งๆ ก็คลี่คลายได้แล้ว
ท้าสู้หรือ? อีกฝ่ายรับคำท้าไว้เสียดิบดี การนัดประลองที่ผู้คนต่างรู้กันทั่ว คิดไม่ถึงว่าหนิวโหย่วเต้ากลับส่งยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งมารุมสังหาร รุมสังหารต่อหน้าคนมากมาย สับเสวียนจื่อชุนที่มาท้าสู้เป็นชิ้นๆ มาก็เร็ว ไปก็เร็ว สังหารเสร็จก็จากไป!
ตอนนี้ด้านนอกกำลังพากันพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่ เสวียนจื่อชุนท้าสู้หนิวโหย่วเต้า ตัวเองไม่เพียงแต่จะตายอย่างน่าอนาถเสียเอง แต่กระทั่งสหายของเสวียนจื่อชุนก็ถูกหนิวโหย่วเต้าสังหารทิ้งเช่นกัน ลงมือโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง!
สิ่งที่นางหวังไว้คือไม่ว่าหนิวโหย่วเต้าจะรับคำท้าหรือไม่ หลังจากนี้ก็จะมีคนไปหาอีกฝ่ายถึงที่ไม่หยุดหย่อน ตามตอแยจนหนิวโหย่วเต้ายากจะรับมือไหวและไม่มีเวลาไปจัดการเรื่องงาน แต่ตอนนี้ คาดว่าคงไม่มีคนกล้าไปหาเรื่องอีกฝ่ายแล้ว หากยังกล้าไปหาหนิวโหย่วเต้าอีก นั่นจะไม่ใช่การท้าสู้แล้ว หากแต่เป็นการเตรียมเปิดศึกกับพวกหนิวโหย่วเต้าแทน!
เสวียนจื่อชุนกลายเป็นไก่ที่ถูกเชือดให้ลิงดู ตายไปโดยไม่มีใครช่วยเรียกร้องความยุติธรรมให้แม้แต่คนเดียว!
ตอนที่นางรอคอยอยู่ที่ลานน้ำตกเหินหาว หนิวโหย่วเต้าไม่ยอมมาเสียที แล้วก็อาจจะไม่ปรากฏตัวด้วย ซึ่งหากเป็นแบบนั้นนางก็รู้สึกยินดีเช่นกัน หลอกคนมากมายขนาดนั้นน่าสนุกมากหรือ?
ผลคือหนิวโหย่วเต้าไม่ปรากฏตัวจริงๆ แต่ยังคงให้ทุกคนได้ชมละครสนุกๆ อยู่ คิดว่าคงไม่มีใครรู้สึกว่าถูกหนิวโหย่วเต้าหลอกแล้ว ในทางกลับกัน พวกเขากลับจะชื่นชมที่หนิวโหย่วเต้าตอบโต้ได้อย่างเหมาะสมด้วยซ้ำ!
ตอนนี้พอสงบสติอารมณ์แล้วทบทวนเรื่องราวทั้งหมดดูอีกครั้ง ใช่ตัวนางวางแผนล่อหนิวโหย่วเต้าให้มาติดกับเสียที่ไหนกัน นี่เท่ากับนางไปช่วยสร้างอิทธิพลให้หนิวโหย่วเต้าต่างหาก หนิวโหย่วเต้าตั้งใจรับคำท้าสู้ครั้งนี้ อาศัยเรื่องนี้ประกาศศักดาต่อหน้าคนมากมาย เพื่อบอกว่าข้ามาแล้ว!
แล้วก็คล้ายจะกำลังประกาศต่อตัวนางที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังว่าเข้ามาได้เลย!
เฮ่าชิงชิงเห็นก็ดีใจ ชูมือร้องเรียกแต่ไกล “หนิวโหย่วเต้า ข้าเอง ยังจำข้าได้หรือเปล่า?”
หนิวโหย่วเต้าผงะไปเล็กน้อย จากนั้นก็จดจำพวกเผยเหนียงจื่อได้อย่างรวดเร็ว อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ก่อนหน้านี้เพิ่งไปคุยเรื่องทวงหนี้กับจั่วเต๋อซ่งมา ไม่คิดเลยว่าลูกหนี้จะเป็นฝ่ายมาหาถึงที่เสียเอง
เฟิงเอินไท่มองสตรีที่แต่งกายเหมือนบุรุษนางนั้น เอ่ยถามหนิวโหย่วเต้า “ผู้ใดกัน?”
หนิวโหย่วเต้าตอบสั้นๆ “องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นฉี”
ลิ่งหูชิวพูดไม่ออก ค่อยๆ หันไปมองเขา เจ้านี่รู้จักองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นฉีจริงๆ หรือนี่!
เฟิงเอินไท่ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เจ้ารู้จักองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นฉีอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าตกตะลึงเช่นกัน องค์หญิงเป็นฝ่ายมาหาถึงที่พัก มีสายสัมพันธ์เช่นนี้ เรื่องซื้อม้าศึกยิ่งจัดการได้ราบรื่นขึ้นหรือเปล่า?
เมื่อทั้งกลุ่มมาถึงหน้าประตูก็ลงจากม้า หนิวโหย่วเต้าประสานมือเอ่ยทักทายพวกเผยเหนียงจื่อด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่าน ไม่ได้พบกันเสียนาน!”
“น้องหนิว!” เผยเหนียงจื่อเอ่ยทักทาย คนที่เคยรู้จักกันมาก่อนล้วนแย้มยิ้มประสานมือคำนับกลับ
ฮูเหยียนเวยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครามองพินิจหนิวโหย่วเต้าตั้งแต่หัวจรดเท้า เอ่ยพึมพำอยู่ในใจ อ่อนวัยถึงเพียงนี้เชียว!
เฮ่าชิงชิงชิงเอ่ยขึ้นว่า “พวกเราไปรอชมการต่อสู้ที่ลานน้ำตกเหินหาว เจ้ากลับไม่ปรากฏตัว วิ่งแจ้นไปไหนมา?”
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะพลางตอบไปว่า “มีธุระเล็กน้อย ไปจัดการธุระมา”
เฮ่าชิงชิงตบอกกล่าวไป “มาถึงที่นี่แล้ว จะจัดการธุระใดก็มาหาข้าสิ ข้าช่วยจัดการให้เจ้าได้แน่!” ว่าพลางปรายตามองฮูเหยียนเวยเล็กน้อย
หนิวโหย่วเต้าจึงเย้านางเล่น “อยากได้ม้าศึกจำนวนหนึ่ง ท่านช่วยข้าได้หรือเปล่า?”
เฮ่าชิงชิงเชิดหน้า “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ อยากได้เท่าไรล่ะ? ให้เจ้าแสนตัวพอหรือไม่? ”
หนิวโหย่วเต้าตะลึงไปทันที เขาแค่พูดเล่น ไม่คิดเลยว่าจะได้คำตอบเช่นนี้ จริงหรือเปล่าเนี่ย?
แสนตัวหรือ? ดวงตาเฟิงเอินไท่พลันสาดประกาย ไม่คิดเลยว่าสายสัมพันธ์ของหนิวโหย่วเต้าจะแน่นแฟ้นเช่นนี้ ดูเหมือนที่ทางสำนักบอกว่าให้เจ้านี่มาลองจัดการดู คล้ายจะไม่ได้ทำไปโดยไร้สาเหตุเสียแล้ว
สีหน้าของพวกเผยเหนียงจื่อคร่ำเคร่งลงในทันใด พูดจาเหลวไหลอะไรกัน เรื่องม้าศึกเกี่ยวพันถึงนโยบายของแว่นแคว้น องค์หญิงอย่างเจ้าไหนเลยจะเข้าไปยุ่งได้ ซ้ำยังบอกจะให้ทีเดียวแสนตัว ใจกว้างเสียจริง เจ้าคิดว่าให้อะไรอยู่?
แสนตัวหรือ? ฮูเหยียนเวยก็ตกตะลึงไปเช่นกัน ต่อให้เป็นคุณชายเสเพลก็ทราบดีว่าม้าศึกแสนตัวมีค่ามากแค่ไหน เขามองเฮ่าชิงชิงด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ในใจตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าถึงตีให้ตาย เขาก็ไม่มีทางแต่งกับสตรีนางนี้เด็ดขาด!
………………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า