ตอนที่ 30 เขาบอกว่าพวกเราเป็นสวะ – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า
ตอนนี้ของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 30 เขาบอกว่าพวกเราเป็นสวะ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 30 เขาบอกว่าพวกเราเป็นสวะ
แม้ว่าอาการสำลักจะถูกยับยั้งลงอย่างรวดเร็ว แต่อาการไอของเขากลับดูรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ไอจนทำให้คนรู้สึกเหมือนว่าปอดจะหลุดออกมาด้วย
หนิวโหย่วเต้าไอพลางชี้เข้าหาตัวเอง โบกมือให้คนทั้งหลาย สื่อว่าตนไม่ไหวแล้ว อยู่ร่วมวงต่อไม่ได้ ลุกออกไปทันที จากไปพร้อมกับอาการไอ
ไปเช่นนี้เลยหรือ? คนทั้งสามสบตากัน ต่างพูดอะไรไม่ออก
ซางซูชิงนิ่งเงียบ เมื่อได้ยินหยวนกังกล่าวเช่นนั้น เดิมนางคิดจะขอให้หนิวโหย่วเต้าบรรเลงพร้อมขับขานกลอนบทนั้นให้ฟัง ผลคือเขาไม่ให้โอกาสนางได้อ้าปากเลยด้วยซ้ำ
หยวนกังมองดูเห็นแผ่นหลังของหนิวโหย่วเต้าที่เดินจากไป มุมปากกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าเต้าเหยี่ยเป็นคนแบบไหน นี่คือการใช้อาการไอเป็นข้ออ้างปลีกตัว เขายังนึกว่าจะได้เอาคืนเต้าเหยี่ยสักหน แต่ผลคือเต้าเหยี่ยก็คือเต้าเหยี่ย ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร ฉวยโอกาสเอาตัวรอดไปเช่นนี้ หนีไปเสียแล้ว!
สุดท้ายก็ล่อให้ติดกับไม่ได้ เล่นบทร้ายไปโดยเปล่าประโยชน์เสียแล้ว หยวนกังเองก็พูดอะไรไม่ออก จึงไม่พูดอะไรอีก แล้วก็ไม่กล่าวอำลาคนทั้งสามด้วย ทำตัวราวกับเป็นคนแปลกหน้า ถือกระบี่หันหลังสืบเท้าจากไป
จากนั้นพวกซางเฉาจงทั้งสามก็ได้สติกลับมาเช่นกัน หนิวโหย่วเต้าฉวยโอกาสเผ่นหนีไปแล้ว!
พวกเขามองดูสุราอาหารบนโต๊ะที่ถูกหนิวโหย่วเต้าพ่นสุราใส่ ไม่สามารถทานต่อไปได้อีก หลานรั่วถิงส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “จริงอยู่ที่เป็นกลอนดี แต่ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่พูดจริง!”
ซางเฉาจงหัวเราะหยัน “ยังต้องพูดอีกหรือว่าคำพูดใครน่าเชื่อถือกว่ากัน?”
ซางซูชิงก้าวเดินแช่มช้อย หันหลังเดินไปหยุดอยู่ที่ราวกั้น ทอดสายตามองสายนทีใต้แสงจันทร์ เอื้อนเอ่ยเนิบช้าว่า “ธาราไหลเชี่ยวสู่บูรพา เสมือนดั่งเหล่าผู้กล้าลาจากหาย เฝ้าถกเถียงชอบชั่วมิวางวาย สุดท้ายล้วนว่างเปล่าไม่จีรัง มีเพียงขุนเขาคีรียังคงอยู่ สุริยงคอยเปล่งแสงมิแปรผัน…เพียงหนึ่งคีรียังคงอยู่ สุริยงคอยเปล่งแสงมิแปรผัน…ยามสร่างรู้เพียงนั่งยลดอกไม้ ครั้นเมามายหวนเอนกายใต้บุปผา! บทหนึ่งห้าวหาญแฝงประสบการณ์โชกโชน บทหนึ่งเอ่ยถึงความสุขที่แท้จริงในชีวิตคนเรา แต่กลอนทั้งสองบทล้วนแฝงเร้นเจตนาเมินเฉยต่อลาภยศชื่อเสียงบนโลก เป็นไปได้ว่าจะมาจากคนคนเดียวกัน! เพียงแต่เขายังคงไม่ยอมเปิดใจ จงใจรักษาระยะห่างกับพวกเรา เสด็จพี่ เกรงว่าพวกเราคงจะรั้งตัวคนผู้นี้ไว้ไม่อยู่เสียแล้ว เกรงว่าไม่ช้าก็เร็วคงแยกทางจากพวกเราไป!”
ใบหน้าซางเฉาจงฉายแววไม่สบอารมณ์ “ติดตามพวกเราไปก็มีแต่อันตราย เพื่อรักษาตัวให้อยู่รอด การที่เขาทำเช่นนี้ก็นับเป็นเรื่องที่สมควร!”
หลานรั่วถิงถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแต่ อย่างน้อยการที่อีกฝ่ายอยากจากเราไปก็ได้พิสูจน์ให้เห็นเรื่องหนึ่ง นั่นคือเขามิได้ถูกภายนอกส่งตัวมาด้วยแผนร้าย!”
ภายในกระโจม หนิวโหย่วเต้านั่งขัดสมาธิทำสมาธิอยู่บนพรมสักหลาด
ม่านกระโจมเปิดออก หยวนกังเดินเข้ามา เอ่ยถามอย่างเรียบเฉยประโยคหนึ่ง “มื้อดึกอร่อยไหม?”
“มีอะไรให้อร่อยกันล่ะ นอกจากนึ่ง ต้ม ย่าง ก็มีแต่นึ่ง ต้ม ย่าง กรรมวิธีปรุงอาหารของที่นี่น้อยเกินไป รอให้ตั้งหลักได้แล้ว เราต้องจัดการเรื่องนี้!” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หนิวโหย่วเต้าก็ลืมตาขึ้นพลางเหลือบมอง เอ่ยด้วยความหงุดหงิดว่า “เจ้าลิง นายใช้ได้เลยนี่ ไปหนุนหลังคนนอกเสียได้!”
คุณยังมีหน้ามาพูดอีกหรือ? หยวนกังมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม คร้านจะเถียงเรื่องเหลวไหลเรื่องนั้นกับเขา กระบี่พร้อมฝักกระบี่ถูกปักลงตรงด้านหน้าเขา จากนั้นหันหลังไปนั่งลงบนพรมสักหลาดที่ปูไว้ตรงข้ามกัน “เต้าเหยี่ย วัดหนานซานอยู่ไม่ไกลแล้ว คุณแน่ใจใช่ไหมว่ามีคนรอโจมตีคุณอยู่ที่วัดหนานซาน?”
หนิวโหย่วเต้าเองก็โยนเรื่องเมื่อครู่ออกไปจากสมองทันที ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน เรื่องเล็กน้อยเมื่อครู่นั้นไม่นับเป็นปัญหาอะไรสำหรับพวกเขาเลย หลังจากใคร่ครวญดูเล็กน้อยจึงกล่าวว่า “ถ้าถูฮั่นไม่เตือน ฉันก็คงคิดไม่ถึง ในเมื่อถูฮั่นเตือน แถมยังมีจดหมายปลอมฉบับนั้น เกรงว่ามันก็น่าจะเป็นไปได้สูง ถ้าจะลงมือกับฉันที่วัดหนานซาน มันก็มีความเป็นไปได้แค่สองกรณีเท่านั้น นั่นคือคนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ซ่อนตัวเพื่อลงมือฆ่าฉันที่วัดหนานซาน หรือไม่ก็มีคนอื่นดักลงมือฆ่าฉันที่วัดหนานซาน”
หยวนกังถามตรงๆ “คุณคิดจะจัดการยังไง?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ก่อนอื่น ฉันยังไม่เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ ฉันยังไม่อยากตาย วิธีจัดการที่คิดเอาไว้ ทางที่ดีที่สุดคือทำให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์เข้าใจผิดว่าจัดการฉันได้แล้ว แบบนั้นก็จะได้ตัดความเป็นไปได้ที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์จะตามราวีฉันไม่เลิกทิ้งไป แล้วพวกเราก็จะได้หนีไปได้ ทำให้พวกเรามีเวลาได้พัฒนาความสามารถของตัวเอง แบบนี้ต่อให้ในอนาคตสำนักสวรรค์พิสุทธิ์จะพบว่าพวกเรายังมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็มีความสามารถเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขาอีก นี่คือวิธีที่ปลอดภัยที่สุด ไม่อย่างนั้นถ้าถูกยอดฝีมือของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ตามราวี เกรงว่าน่าจะอันตรายอย่างมาก พวกเราที่ไม่คุ้นเคยกับวิถีชีวิตที่นี่จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันไม่กล้าไปจากคนกลุ่มนี้ ต่อให้ซางเฉาจงจะไม่ได้เรื่องอย่างไร แต่เขาก็ถือเป็นท่านอ๋องคนหนึ่ง ถ้าไม่มีคนใหญ่คนโตออกคำสั่ง สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ก็ไม่กล้าลงมือกับขบวนของซางเฉาจงอย่างเปิดเผยหรอก!”
ทั้งสองคนทำงานด้วยกันมาหลายปี รู้ใจกันยิ่งนัก พอพูดถึงตรงนี้ หยวนกังก็พอเข้าใจแล้วว่าหนิวโหย่วเต้าคิดจะทำอะไร จึงเอ่ยถามว่า “พลัมสิ้นแทนท้อ[1]?”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าเอ่ยว่า “เมื่อมีความเป็นไปได้อยู่สองกรณี ก็จะเท่ากับว่ามีผลลัพธ์อยู่สองกรณีเช่นกัน ถ้าหากเป็นคนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์มาโจมตีฉัน มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่อีกฝ่ายจะรู้จักฉัน แผนพลัมสิ้นแทนท้อก็จะใช้ไม่ได้ผล หลังจากนี้ก็คงจะยังไล่ตามฉันไปอีกแน่ แต่ถ้าไม่ใช่คนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ เช่นนั้นเราก็จะสามารถหลอกอีกฝ่ายได้!”
หยวนกังถามสั้นๆ “รายละเอียดแผนล่ะ?”
หนิวโหย่วเต้าตอบ “ในทหารจำนวนห้าร้อยคนนี้ เราต้องตามหาคนที่มีเค้าโครงใกล้เคียงกับฉันมาสักคนให้ได้ นายจัดการแปลงโฉมให้เขาสักหน่อย จากนั้นส่งไปที่วัดหนานซาน ถ้าไม่ใช่คนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ พอเจอคนส่งจดหมายที่สวมรอยเป็นฉันก็จะต้องลงมือแน่ ทันทีที่ทหารคนนั้นตาย มือสังหารก็จะคิดว่าตัวเองลงมือสำเร็จแล้ว คนของซางเฉาจงเองก็จะต้องไปตามหาคนของตัวเอง พวกเราก็จะฉวยโอกาสนี้หลบหนีไป แต่ถ้าเป็นคนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ พวกเขาก็ไม่มีทางลงมือแหวกหญ้าให้งูตื่น ถ้านายเห็นคนปลอดภัยกลับมา ก็ให้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือทันที ดึงดูดกองทหารของซางเฉาจงให้ยกพลไปช่วยเหลือ หนึ่งก็เพื่อพยายามทำให้คนของซางเฉาจงพัวพันคนร้ายเอาไว้ สองคือเพื่อใช้ดึงดูดความสนใจของคนร้าย อย่างน้อยก็ต้องห้ามให้คนร้ายรู้ว่าพวกเรามุ่งหน้าไปทางไหน พวกเราจะได้ฉวยโอกาสนี้หลบหนีไป! สรุปคือไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบไหน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องตามพี่ชายน้องสาวคู่นี้ไปเสี่ยงอันตราย หลังสร้างเรื่องก็หนีได้ทันที!”
หยวนกังพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้ว เรื่องนี้ผมจัดการเอง คุณไปคุมพวกซางเฉาจงเถอะ!”
หนิวโหย่วเต้าถอนหายใจเอ่ยรำพึง “เมื่อกี้ฉันก็คิดจะคุมเชิงพวกเขาไม่ใช่เหรอ แล้วนายล่ะก่อเรื่องอะไรขึ้นมา?”
หยวนกังเบือนหน้าหนี เอนกายลงบนพรมสักหลาดหลับตาพักผ่อน ทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น…
……..
รุ่งเช้าวันต่อมา หยวนกังไปหาบน้ำ ช่วยเตรียมน้ำที่จำเป็นต้องใช้หลังตื่นนอนไว้ให้หนิวโหย่วเต้า
ระหว่างที่ล้างหน้าล้างตาอยู่นอกกระโจม หนิวโหย่วเต้าเหลียวมองรอบข้างเห็นทหารวิ่งไปวิ่งมา จึงหันไปถามว่า “มีอะไรกันน่ะ?”
หยวนกังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ เฉินซู่หลินนายกองอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเขาชี้ไปที่หยวนกังพลางเอ่ยด้วยสีหน้าโกรธเคืองว่า “ท่านอ๋อง เขาบอกว่าองครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญเป็นสวะพ่ะย่ะค่ะ!”
หลายคนจ้องมองไปทางหยวนกังอย่างรวดเร็ว ซางซูชิงแอบรู้สึกประหลาดใจ หยวนกังผู้นี้มิใช่คนเรื่องมากอย่างแน่นอน เหตุใดจึงกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมา?
ซางเฉาจงเอ่ยถาม “น้องหยวน มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”
หยวนกังตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “กระหม่อมพูดเอง”
คำพูดประโยคเดียวกระตุ้นความโกรธเกรี้ยวของฝูงคนขึ้นไปอีก ผู้คนรอบข้างแต่ละคนมีสีหน้าโกรธเคือง แม้แต่สีหน้าของซางเฉาจงเองก็คร่ำเคร่งลงเช่นกัน หลานรั่วถิงและซางซูชิงสบตากันแวบหนึ่ง
หนิวโหย่วเต้าที่บนมือถือกระบี่ต่างไม้เท้ากระทุ้งกระบี่ออกไปด้วยมือข้างเดียว กล่าวอย่างไม่อีนังขังขอบขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “เจ้าลิง พูดจาเหลวไหลอะไรกัน?”
หยวนกังตอบอย่างเฉยชา “ไม่ได้พูดเหลวไหล พูดไปตามจริงเท่านั้น หากผู้ใดไม่พอใจ ก็มาลองวัดกันดูได้!”
นายทหารจากทั้งสองกองต่างกำหมัดดัดมือในทันใด เห็นได้ชัดว่าพร้อมจะเล่นงานหยวนกังให้หนักสักยก
แต่ซางเฉาจงกลับดูตื่นเต้นขึ้นมา ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหยวนกังเขาก็ถูกชะตาอีกฝ่าย เชื่อว่าตนไม่มีทางมองบุคลิกในตัวหยวนกังพลาดไป อยากลองหยั่งเชิงว่าฝีมือของหยวนกังเป็นอย่างไรมานานแล้ว ยามนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้า จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงดังว่า “ดี! พี่น้องคนไหนอยากออกมาเล่นเป็นเพื่อนน้องหยวนบ้าง!”
“กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”
“กระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านอ๋อง ให้กระหม่อมเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”
คนทั้งกลุ่มยื้อแย่งกันเสนอตัว สุดท้ายยังคงเป็นนายกองเฉินซู่หลินที่ส่งเสียงตะคอก ปรามทหารคนอื่นๆ เอาไว้ ก่อนจะลงสนามด้วยตัวเอง
……………………………………………
[1] พลัมสิ้นแทนท้อ เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก เป็นการเสียสละสิ่งหนึ่งเพื่อรักษาอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่าเอาไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า