ตอนที่ 307 ตัวตลกชั้นต่ำ
“ศิษย์พี่!” หั่วเฟิ่งหวงที่อยู่ด้านข้างดึงแขนเสื้อเขาเล็กน้อย เตือนไม่ให้เขาก่อเรื่อง
“เอ่อ!” หนิวโหย่วเต้าชะงักเท้า หันไปมองเขา เอ่ยถาม “เป็นผู้น้อยเอง ไม่ทราบว่าท่านคือ?”
คุนหลินซู่เอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “คุนหลินซู่แห่งสำนักเพลิงนภา!”
“โอ้!” หนิวโหย่วเต้ารีบประสานมือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว ไม่ทราบว่ามีเรื่องใดจะชี้แนะหรือ?”
ความจริงคือไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ใครจะไปรู้ล่ะว่าเป็นใคร นี่เพิ่งจะได้พบหน้าและได้พูดคุยกันเป็นครั้งแรก
ทว่าภาพรวมสำคัญกว่า ถ้าไม่อยากตายก็ต้องทำตัวสงบเสงี่ยมหน่อย ไม่ควรวางท่ายโสโอหัง เขามิใช่คนที่จะมาเสี่ยงดวงกับเรื่องแบบนี้
คุนหลินซู่เอ่ยว่า “ข้าก็ได้ยินชื่อเสียงเจ้ามานานเช่นกัน” หนิวโหย่วเต้ายังคิดจะพูดคุยตามมารยาทอยู่ ทว่าอีกฝ่ายกลับเบือนหน้าหนีแล้วเอ่ยว่า “มีอะไรเอาไว้คุยกันทีหลัง รีบจัดการธุระของเจ้าก่อนเถอะ”
“ตกลง!” หนิงโหย่วเต้าพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม หมุนตัวเดินไปหยุดอยู่ข้างกายเผยซานเหนียงพลางเอ่ยถาม “พี่เผย ไม่ทราบว่าผู้รับผิดชอบเรื่องในครั้งนี้คือผู้อาวุโสท่านใดหรือ?”
เผยซานเหนียงชี้ไปทางชายฉกรรจ์แห่งสำนักมหาบรรพตคนนั้น “ฉินยง ศิษย์พี่ใหญ่ของข้า!”
หนิวโหย่วเต้าเดินเข้าไปหาพลางเอ่ยอย่างอ่อนน้อมอีกครั้ง “ผู้อาวุโสฉิน จากนี้ควรจัดการอย่างไร ขอผู้อาวุโสโปรดชี้แนะด้วย”
คุนหลินซู่ปรายตามอง ดูแคลนท่าทีอ่อนน้อมของเขาเป็นอย่างมาก
ฉินยงเอ่ยเสียงราบเรียบ “นี่คือธุระของเจ้า เจ้าอยากประมูลอย่างไรล้วนทำได้ทั้งสิ้น พวกเราจะไม่ยุ่ง แต่ขอให้จัดการโดยเร็ว พวกเราไม่มีเวลามาเล่นเป็นเพื่อนเจ้าที่นี่”
หนิวโหย่วเต้าผงะไปเล็กน้อย จากนั้นรีบตอบรับ หันไปสบตากับลิ่งหูชิวเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยังบันไดนอกศาลา หยิบใบอนุญาตส่งออกม้าศึกปึกนั้นออกมาจากแขนเสื้อต่อหน้าของทุกคน เดินเข้าไปหากลุ่มคนที่ไม่เปิดเผยฐานะตัวตนที่มุงล้อมอยู่ แจกจ่ายใบอนุญาตออกไปใบแล้วใบเล่า
คนจากสามสำนักที่อยู่ภายในศาลามองหน้ากัน ไม่ทราบว่าเขากำลังจะเล่นเล่ห์อันใด
คนที่ได้รับของไปก็ค่อนข้างงุนงง ไม่ทราบเช่นกันว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
พอแจกจ่ายเสร็จ หนิวโหย่วเต้ากลับมายืนบนบันได ประสานมือเอ่ยกับทุกคนว่า “ผู้อาวุโสแห่งสำนักมหาบรรพตกล่าวว่าให้ข้าจัดการโดยเร็ว เช่นนั้นข้าจะไม่ทำให้ทุกท่านเสียเวลาแล้วกัน ก่อนอื่นขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานประมูล แล้วก็ข้าได้แจกจ่ายใบอนุญาตให้ทุกท่านไปแล้ว ขอให้ทุกท่านลองตรวจสอบดูว่าใช่ของจริงหรือไม่”
เกิดความชุลมุนเล็กน้อยขึ้นในที่แห่งนี้ คนที่ได้รับใบอนุญาตไปเริ่มพลิกตรวจสอบดู บ้างก็กระซิบหารือกับคนข้างกาย
อันที่จริงคนที่เคยเห็นใบอนุญาตส่งออกม้าศึกมีไม่มากนัก คนส่วนใหญ่ก็แยกไม่ออกว่าจริงหรือปลอม แต่คาดว่าคงไม่มีทางเป็นของปลอม ในเมื่อคนของสามสำนักออกหน้าให้แล้ว มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะเอาของปลอมมาหลอกคน
หนิวโหย่วเต้ายืนรออยู่บนบันได ไม่กลัวว่าจะถูกขโมยใบอนุญาตหนีไปเช่นกัน หากมีผู้ใดกล้าทำจริงๆ เขาก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะถึงทำแบบนั้นไปก็ไม่มีผลเสียอะไรต่อเขาอยู่ดี
แต่ผลลัพธ์กลับทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย ไม่มีใครใจกล้าถึงขนาดชิงของไปต่อหน้าสามสำนัก กลับพากันนำมาส่งคืนให้
หนิวโหย่วเต้าถือใบอนุญาตทั้งสิบใบไว้แล้วเดินลงมาจากบันไดอีกครั้ง แบ่งใบอนุญาตออกเป็นสามชุดต่อหน้าคนมากมาย แบ่งเป็นชุดละสามแผ่นสองชุด สี่แผ่นหนึ่งชุด จากนั้นหยิบหินสามก้อนมาวางทับไว้ด้านบน
จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับไปบนขั้นบันไดอีกครั้ง ชี้ใบอนุญาตสามชุดที่อยู่ด้านล่าง เอ่ยขึ้นว่า “สามแผ่น สามแผ่น สี่แผ่น! เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เริ่มการประมูลกันเถอะ เริ่มประมูลจากชุดแรกที่อยู่ทางซ้ายก่อน ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งล้านเหรียญทอง ผู้ประมูลที่ให้ราคาสูงสุดจ่ายเงินแล้วรับของไปได้เลย ไม่มีหลอกลวงแน่นอน! ในการประมูลครั้งแรก ราคาตั้งต้นคือหนึ่งล้านเหรียญทอง เพิ่มราคาประมูลได้ครั้งละห้าแสนเหรียญทอง มีผู้ใดอยากเสนอราคาหรือไม่?”
รออยู่พักหนึ่งก็ไม่มีผู้ใดปริปาก แล้วก็ไม่เห็นใครก้าวออกมาด้วย
หนิวโหย่วเต้าตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “หากไม่อยากพูด แค่ยกมือขึ้นก็ได้!”
ไม่มีใครยกมือเลยเช่นกัน หนิวโหย่วเต้าสังเกตดูเล็กน้อย พบว่าสายตาของคนส่วนใหญ่ล้วนมองไปทางด้านหลังเขา
เขาก็หันกลับไปด้วยเช่นกัน เห็นคนจากสามสำนักล้วนยืนอยู่ในศาลาด้านหลังเขา สีหน้าแต่ละคนเรียบเฉยไร้อารมณ์ ชวนให้คนหวาดหวั่น
เขาพอจะเข้าใจแล้ว คนของสามสำนักคุ้มกันเขามาส่ง ซ้ำยังเฝ้าอยู่ที่นี่ด้วย คาดว่าคนที่ต้องการประมูลล้วนมีความกังวลอยู่ในใจทั้งสิ้น
“ลดราคา!” หนิวโหย่วเต้าตะโกนขึ้นมา ชี้ไปที่ใบอนุญาตชุดแรกบนพื้นแล้วเอ่ยว่า “ลดเหลือหนึ่งหมื่นเหรียญทอง เพิ่มราคาประมูลครั้งละหนึ่งหมื่นเหรียญทอง มีผู้ใดต้องการหรือไม่? หากต้องการยกมือได้เลย!”
ศิษย์จากสามสำนักที่อยู่ด้านหลังต่างพูดไม่ออก เผยซานเหนียงนึกอยากจะกลอกตาขึ้นมา
ใบหน้าของลิ่งหูชิวกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย คิดในใจว่ามันจะลดเยอะเกินไปหน่อยหรือเปล่า จากหนึ่งล้านลดเหลือหนึ่งหมื่น เรียกได้ว่าทำทุกวิถีทางจริงๆ!
ใบอนุญาตส่งออกม้าศึกสามหมื่นตัวในราคาแค่หมื่นเหรียญทอง แบบนี้เท่ากับให้เปล่าชัดๆ หากบอกว่าไม่มีใครหวั่นไหวเลยก็คงจะโกหก คนส่วนใหญ่เริ่มกระซิบกระซาบหารือกัน
มีคนเริ่มหันไปส่งสายตาให้ใครอีกคน อีกฝ่ายผงกหัวนิดๆ ก่อนจะรวบรวมความกล้าแล้วชูมือขึ้น!
หนิวโหย่วเต้าดีใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ถามเลยว่ายังมีใครจะเสนอราคาเพิ่มหรือไม่ เขากลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ จึงชี้มือออกไปแล้วตะโกนทันทีว่า “ขาย! ปิดประมูล ใบอนุญาตชุดแรกเป็นของท่านแล้ว!”
สายตาของทุกคนต่างหันมองตามทิศทางที่นิ้วของเขาชี้ไป คนที่ถูกชี้ค่อยๆ มองซ้ายมองขวา เขาเองก็ไม่คิดเลยว่าตนยกมือทีเดียวก็ประมูลได้แล้ว เร็วจนตัวเขาเองก็ยังตกใจ ถูกคนมากมายเช่นนี้มองมา ช่างกดดันเสียเหลือเกิน!
หนิวโหย่วเต้ารีบเดินลงบันไดไป หยิบใบอนุญาตชุดแรกที่ประมูลไปแล้วขึ้นมา เดินฝ่ากลุ่มคน ตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วส่งมอบใบอนุญาตให้ด้วยตนเอง บังคับยัดของเข้าไปในมือของอีกฝ่าย จากนั้นแบมือพลางเอ่ยว่า “จ่ายเงินมาได้แล้ว หนึ่งหมื่นเหรียญทอง!”
“…..” คนผู้นั้นยืนนิ่งอยู่ที่เดิม คล้ายไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดี
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “สหาย ประมูลไปแล้วจะเปลี่ยนใจทีหลังไม่ได้นะ หรือเจ้ามาเพื่อก่อกวนสร้างปัญหา?” เห็นได้ชัดว่าเขากำลังทำตัวเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ ยกเอาสามสำนักมาข่มขู่ให้คนกลัว
ลิ่งหูชิวยกมือลูบหน้า รู้สึกรับไม่ได้กับน้องชายคนนี้ เหตุใดถึงรู้สึกว่าน้องชายเจ้าปัญหาคนนี้กำลังบังคับซื้อขายอยู่นะ?
คนผู้นั้นค่อนข้างจนปัญญา มองดูคนที่อยู่ในศาลาที่กำลังจ้องเขม็งมาทางตน ยื่นมือล้วงตั๋วแลกทองใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า