ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 315

ตอนที่ 315 เป็นท่านคาดเดาส่งเดชเอาเอง

“ผู้อื่นถ่ายทอดให้อย่างนั้นหรือ?” ลิ่งหูชิวมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ อันที่จริงเขาอยากถามเหลือเกินว่าก่อนตายตงกัวเฮ่าหรานได้บอกอะไรกับเจ้าหรือมอบอะไรให้เจ้าหรือไม่ ทว่าเขารู้ว่าหนิวโหย่วเต้ามิใช่คนโง่ จึงไม่กล้าถามคำถามเช่นนี้ออกไปตรงๆ ด้วยกลัวว่าจะทำให้หนิวโหย่วเต้าเกิดความสงสัยได้ ทำได้เพียงลองถามไปว่า “ผู้ใดถ่ายทอดให้หรือ?”

หนิวโหย่วเต้าถือถ้วยชาไว้ ส่ายหน้าอย่างเชื่องช้า “ไม่ทราบ”

ลิ่งหูชิวกลอกตา เอ่ยไปว่า “เหลวไหล คนเขาถ่ายทอดวิชาให้เจ้า เจ้าจะไม่รู้ว่าเป็นใครได้หรือ?”

หนิวโหย่วเต้ายักไหล่พลางเอ่ยว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าพูดไปท่านก็ไม่เชื่อ เรื่องนี้หากว่ากันไปแล้ว แม้แต่ตัวข้าก็ยังสับสนอยู่เช่นกัน จู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น ไม่ยอมบอกว่าตัวเองเป็นใคร ถ่ายทอดวิชาบำเพ็ญเพียรให้ข้าเสร็จก็จากไป ข้าถามว่าเขาเป็นใคร เขาก็ไม่ยอมบอก กลับจากไปเสียอย่างนั้น ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาคือผู้ใด”

ลิ่งหูชิวถามด้วยความสงสัย “พบกันที่ไหน?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ หลังจากข้าถูกกักบริเวณไว้ที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไม่นาน”

“สำนักสวรรค์พิสุทธิ์หรือ?” ลิ่งหูชิวแปลกใจ “เจ้าไม่รู้จักคนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อย่างนั้นหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าใช้ความคิด “น่าจะมิใช่คนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ เอกลักษณ์ของเขาค่อนข้างเด่นชัด หากว่าเป็นคนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ หากข้าเคยเห็นต้องจำได้แน่นอน ตอนนั้นข้าถูกกักบริเวณไว้ในที่พักเก่าของตงกัวเฮ่าหรานเมื่อสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่ เรียกว่าเรือนดอกท้อ คนผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นช่วงค่ำ จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาในเรือนดอกท้อ ซ้ำยังบอกข้าว่าอย่าส่งเสียงดัง”

สีหน้าลิ่งหูชิวพลันจริงจังขึ้นมา เชื่อวาจานี้ไปกว่าครึ่งแล้ว รีบเอ่ยว่า “ในเมื่อมีเอกลักษณ์โดดเด่น มิสู้ลองเล่ารายละเอียดมาหน่อย ข้าเองก็นับว่าเคยพบปะผู้คนในโลกบำเพ็ญเพียรมาไม่น้อย ไม่แน่ว่าข้าอาจจะเคยพบเห็นคนผู้นั้นก็ได้ ถือโอกาสคลายข้อสงสัยให้เจ้าพอดี”

หนิวโหย่วเต้ามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่คล้ายจะสื่อว่า ‘ข้าจำเป็นต้องบอกท่านด้วยหรือ’

ลิ่งหูชิวเอ่ยตะล่อม “เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าอีกฝ่ายเป็นใคร?”

พอได้ยินเขาว่ามาเช่นนี้ หนิวโหย่วเต้ากุมถ้วยชาด้วยสองมือ คล้ายจะย้อนระลึกความทรงจำอยู่ เอ่ยเนิบช้าว่า “ตอนนั้นเป็นช่วงค่ำฟ้ามืดแล้ว อันที่จริงข้าก็มองเห็นหน้าตาของเขาไม่ชัดเจน เพียงอาศัยแสงจันทร์จากด้านนอกทำให้พอจะมองเค้าโครงออกเล็กน้อย เขาเป็นบุรุษคนหนึ่ง บุรุษที่มอมแมมมอซอ เป็นชายที่มีผมเผ้าหนวดเครารุงรังคนหนึ่ง จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าข้า ทำเอาข้าตกใจแทบแย่ สิ่งแรกที่เขาทำคือสั่งให้ข้าเงียบ หากท่านจะถามว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร สิ่งที่ข้าเห็นในตอนนั้นก็มีเพียงเท่านี้”

ลิ่งหูชิวขมวดคิ้วแน่น ปากเอ่ยพึมพำ “บุรุษที่มอมแมมมอซอ ผมเผ้าหนวดเครารุงรัง…”

หนิวโหย่วเต้าเหลือบมองปฏิกิริยาของเขาเป็นระยะ ยกถ้วยชาละเลียดจิบ สำหรับคนที่ตนเล่าถึงผู้นี้ย่อมไม่มีตัวตนอยู่จริง เขาไม่มีทางเล่าเรื่องสิ่งของที่ตงกัวเฮ่าหรานฝากฝังเอาไว้ก่อนตายให้คนนอกทราบ ของที่ตงกัวเฮ่าหรานยอมสละชีวิตฝากฝังเอาไว้ สั่งไว้ชัดเจนว่าต้องส่งให้ถึงมือเจ้าสำนักถังมู่เท่านั้น นั่นต้องเป็นเรื่องสำคัญอย่างแน่นอน แม้แต่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ตนก็ยังไม่ยอมบอกให้รู้ แล้วมีหรือที่เขาจะยอมบอกอีกฝ่าย

ส่วนลักษณะของคนที่เขากล่าวอ้างถึงผู้นี้ เขาเคยได้ยินมาว่าจ้าวสยงเกอน่าจะมีลักษณะมอมแมมรุงรังประมาณนี้ จึงคิดว่าน่าจะปัดเรื่องนี้ให้จ้าวสยงเกอแบกรับไว้ได้

ลิ่งหูชิวใคร่ครวญอยู่สักพักก็เงยหน้าเอ่ยถาม “เบาะแสที่เจ้าเล่ามาน้อยเกินไปหน่อย พอจะเห็นเค้าโครงหน้าหรือไม่?”

หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้าตอบไปว่า “ฟ้ามืดแล้ว มองเห็นไม่ชัด”

ลิ่งหูชิวเอ่ยถาม “ตอนนั้นเขาคุยอะไรกับเจ้า?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ก็ไม่ได้คุยอะไร เพียงถามว่าข้าคือศิษย์ของตงกัวเฮ่าหรานใช่หรือไม่ ทั้งยังบอกว่าเขาไม่มีเจตนาร้าย บอกข้าว่าไม่ต้องกลัว จากนั้นเขาก็จุดธูปหลายดอกปักไว้หน้าป้ายวิญญาณของตงกัวเฮ่าหราน จากนั้นก็ถ่ายทอดวิชาให้ข้า ซ้ำยังกำชับข้าว่าให้ตั้งใจฝึกให้ดี บอกว่าตงกัวเฮ่าหรานเหลือข้าเป็นศิษย์เพียงคนเดียวแล้ว บอกข้าว่าอย่าทำให้ดวงวิญญาณของตงกัวเฮ่าหรานที่อยู่บนสวรรค์ต้องผิดหวัง…อ่อ ก่อนจากไปยังรื้อหาข้าวของที่เหลืออยู่ของตงกัวเฮ่าหรานแล้วเอาติดตัวไปด้วย เบาะแสที่ข้ารู้ก็มีเพียงเท่านี้ แล้วท่านว่าข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาคือใคร?”

“นำข้าวของที่เหลือทิ้งไว้ของตงกัวเฮ่าหรานไปด้วยอย่างนั้นหรือ?” ดวงตาลิ่งหูชิวพลันฉายแววแปลกใจระคนสงสัย ลูบคางใคร่ครวญอยู่นาน จู่ๆ ก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง “วิชาที่เขาถ่ายทอดให้เจ้ามีชื่อว่าอะไร? หากบอกชื่อวิชาได้ ข้าก็อาจจะรู้ว่าเขาคือผู้ใด”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ไม่มีชื่อเรียก ตอนที่ถ่ายทอดวิชาให้ข้า เขาไม่ได้เอ่ยถึงชื่อวิชา หากว่ามีชื่อวิชา ข้าคงไปสืบหาเอาเองแต่แรกแล้ว จำเป็นต้องมาให้ท่านเดาอีกหรือ?”

ลิ่งหูชิวกล่าวว่า “นับตั้งแต่เจ้าเข้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์จนถึงตอนนี้ เป็นระยะเวลาไม่กี่ปีเท่านั้น แต่เจ้ากลับมีสภาวะถึงระดับนี้ได้ ดูเหมือนวิชาที่เจ้าฝึกจะไม่ธรรมดาเลยนะ!”

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยว่า “ท่านก็ยกย่องเกินไปแล้ว เขาไม่เพียงแต่จะถ่ายทอดวิชายุทธ์ให้ข้าเท่านั้น แต่ยังถ่ายโอนสภาวะส่วนหนึ่งมาให้ข้าตรงๆ ด้วย มิเช่นนั้นตัวข้าไหนเลยจะมีสภาวะเช่นในวันนี้ได้ เผลอๆ จะบรรลุถึงระดับสร้างฐานได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ”

“ถ่ายโอนสภาวะให้เจ้าโดยตรงหรือ?” ลิ่งหูชิวแปลกใจ พลันลุกพรวดขึ้นมา ร้องเสียงหลงว่า “มหาศาสตร์เบิกวิถีแห่งนิกายมาร!”

เดิมทีหนิวโหย่วเต้าก็แค่อ้างไปเรื่อยเท่านั้น ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงขนาดนี้ จึงอดถามไม่ได้ว่า “มหาศาสตร์เบิกวิถีอะไร?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า