ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 326

ตอนที่ 326 อำลาวงการ

“มายาคือว่างเปล่า วางเปล่าคือมายา…” ก่วนฟางอี๋ที่ก้มหน้าอยู่พึมพำกับตัวเอง สีหน้าเศร้าหมอง เอ่ยทวนประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา

ประโยคนี้ก็ทำให้ลิ่งหูชิวและหงซิ่วแปลกใจเช่นกัน วลีแปลกใหม่นี้ก็ทำให้ทั้งสองต้องขบคิดทบทวนให้ดีเช่นกัน

พอหนิวโหย่วเต้าเอ่ยออกมาเช่นนี้ แม้แต่หงซิ่วก็มองเขาด้วยสายตาที่ต่างไปจากเดิม คล้ายจะชื่นชมเขาขึ้นมาเล็กน้อยทันที

หนิวโหย่วเต้าเก็บสัญญาขายตัวไว้ หันหลังไปกล่าวว่า “เรือนทางนั้นของพวกเราไม่มีใครคอยดูแล นับว่าเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง เช่นนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่นี่กันให้หมดเถอะ หงซิ่ว เจ้าไปบอกหงฝูกับเสิ่นชิวให้เก็บข้าวของย้ายมาที่นี่ ถือโอกาสปล่อยข่าวออกไปด้วยว่าหงเหนียงแห่งสวนไม้เลื้อยพบคนที่เข้าใจนางอย่างแท้จริงแล้ว เป็นฝ่ายเสนอตัวรับใช้ข้าเอง!”

ยังไม่ทันข้ามคืนก็รีบร้อนปล่อยข่าวออกไปแล้ว นี่คิดจะฉวยโอกาสตีเหล็กตอนยังร้อน คิดจะหุงข้าวสารเป็นข้าวสุกชัดๆ!

ลิ่งหูชิวทอดถอนใจอยู่ภายในใจ มุมปากกระตุกเล็กน้อย ทั้งพูดไม่ออกและรู้สึกฉงนใจอย่างยิ่ง แบบนี้ก็ได้หรือ?

หงซิ่วเหลือบดูท่าทีของเขาอย่างเงียบๆ พอเห็นเขาไม่คัดค้านอะไรก็น้อมกายเอ่ยว่า “เจ้าค่ะ!”

นางหันหลังเดินออกไปจัดการตามที่สั่ง

“ฮือๆ…” ก่วนฟางอี๋ฟุบหน้าลงกับโต๊ะร่ำไห้ออกมา ชีวิตรุ่งโรจน์ในหลายปีมานี้ราวกับเป็นภาพลวงตา สุดท้ายก็มีเพียงความว่างเปล่า สุดท้ายกลับต้องมาขายตัวเองออกไปเช่นนี้

หนิวโหย่วเต้ายืนอยู่ใต้ชายคา ยกมือไพล่หลังเงยหน้ามองดวงจันทร์บนฟากฟ้าราตรี ฟังเสียงร่ำไห้ของนาง

ลิ่งหูชิววางสองมือแนบหน้าท้อง มองซ้ายทีขวาที

คนของสวนไม้เลื้อยต่างตกใจเพราะเสียงร่ำไห้ของก่วนฟางอี๋ ทยอยปรากฏตัวขึ้นในสวนฝั่งนี้ มองกันไปมองกันมา สีหน้าเหลอหลาทำตัวไม่ถูก

ไม่ทราบว่านางร้องไห้เพราะเหตุใด แล้วก็ไม่เห็นว่านางถูกใครทำอะไรด้วย ต่อให้ถูกคนเขาทุบตีก็คงไม่ถึงกับเป็นแบบนี้หรือเปล่า ไยถึงต้องร้องไห้เสียอกเสียใจขนาดนี้?

เหล่าคนงานยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น

“นายหญิง นายหญิงขอรับ ท่านเป็นอะไรขอรับ?” มีคนเดินเข้ามาหา ร้องเรียกอยู่หลายครา ทั้งยังลองดันไหล่นางเล็กน้อยด้วย

ก่วนฟางอี๋จมอยู่กับความเสียใจ เอาแต่ร้องไห้ลูกเดียว ไม่ตอบกลับเลย

สุดท้ายก่วนฟางอี๋ถูกพยุงกลับไปพักผ่อนด้วยคำสั่งของหนิวโหย่วเต้า

ภายในสวนปราศจากเสียงร้องไห้แล้ว บรรยากาศเงียบสงัด ดวงจันทร์บนนภาส่องแสง มีเสียงหรีดริ่งเรไรแว่วมาจากมุมกำแพงเป็นครั้งคราว

ลิ่งหูชิวเหลือบมองอุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะที่ยังไม่ถูกเก็บไป เดินเข้าไปหยุดข้างกายหนิวโหย่วเต้า ชี้มือไปรอบๆ พลางเอ่ยว่า “นับจากวันนี้ไป สวนไม้เลื้อยแห่งนี้ก็เป็นของเจ้าแล้วใช่หรือไม่?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “คงใช่กระมัง!”

ลิ่งหูชิวหัวเราะฮ่าๆ กล่าวไปว่า “เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องลงทุนเลย!”

“ธุรกิจที่ไม่ต้องลงทุนหรือ?” หนิวโหย่วเต้าหันไปมองเขาเล็กน้อย

ลิ่งหูชิวเอ่ยหยอกว่า “ถ้าหากนางไม่ยอมตกลง ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะทำอย่างไร”

หนิวโหย่วเต้าถาม “ท่านคิดว่าข้ากำลังหลอกนางหรือ?”

ลิ่งหูชิวถามกลับ “หรือว่าไม่ใช่เล่า?”

หนิวโหย่วเต้าเพียงยิ้มให้แต่ไม่อธิบาย

อันที่จริงหลังจากปู้สวินมาหา เขาก็ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองหลวงที่ทางสำนักเบญจคีรีรวบรวมมาให้อีกครั้ง

ได้ร่วมมือกับผู้ดูแลหลวงแห่งแคว้นฉีผู้สูงศักดิ์ทั้งที มีผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ หากไม่ฉวยโอกาสนี้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ แบบนั้นไม่น่าเสียดายหรอกหรือ?

หลังจากตรวจสอบข้อมูลซ้ำไปซ้ำมา ไม่ว่าจะคนของสำนักบำเพ็ญเพียรหรือว่าคนในราชสำนักล้วนไม่สะดวกจะลงมือทั้งสิ้น สิ่งสำคัญคือฐานอำนาจของเขายังไม่แข็งแกร่งพอ จึงต้องเลือกเป้าหมายที่มีอิทธิพลอ่อนด้อยสักหน่อย ผู้บำเพ็ญไร้สำนักธรรมดาๆ มีประโยชน์ไม่มากพอ ดูไปดูมาก็มีเพียงหงเหนียงแห่งสวนไม้เลื้อยที่เข้าตาเขา ถูกเขาจับตามองเป็นเป้าหมาย

เดิมทีเขาเตรียมจะมาลองหยั่งเชิงหงเหนียงก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที หากว่านางเหมาะสม เขาก็จะไปขอตัวนางกับปู้สวิน เขาคิดว่าน่าจะหาทางทำให้ปู้สวินยอมตอบตกลงได้ไม่ยาก และขอเพียงปู้สวินเห็นด้วย คนอย่างหงเหนียงก็ไม่มีทางเลือกอีก อย่าว่าแต่หงเหนียงเลย ในเมืองหลวงแห่งนี้เกรงว่าคงมีคนที่กล้าต่อต้านปู้สวินอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น

ผู้ใดจะไปคิดถึงว่าสถานการณ์กลับค่อนข้างเหนือไปจากความคาดหมายของเขา ไม่จำเป็นต้องไปหาปู้สวินแล้ว อาศัยเพียงความสามารถของเขาก็สามารถสยบหงเหนียงได้แล้ว!

ดังนั้นหากว่ากันในอีกมุมหนึ่งแล้ว เขาไม่ได้หลอกลวงหงเหนียงเลย เพราะเขาสามารถทำให้สวนไม้เลื้อยหายไปจากเมืองหลวงอย่างถาวรได้จริงๆ ขอแค่บอกปู้สวินเพียงประโยคเดียวเท่านั้น!

หากมิใช่เพราะเหตุนี้ เขาก็ไม่มีทางตรงมายังสวนไม้เลื้อย

“ท่านยังจำได้หรือไม่ว่าห้องรับรองที่ท่านสนทนากับเว่ยฉูตั้งอยู่ที่ใด?” หนิวโหย่วเต้าถาม

ลิ่งหูชิวขมวดคิ้วแล้วพยักหน้ารับ “จำได้! แต่ในเมื่อนางยอมสยบต่อเจ้าแล้ว เรื่องนี้ยังสำคัญอีกหรือ? ข้าไม่เห็นว่าสตรีคนนี้จะมีอะไรดีเลย ก่อเรื่องวุ่นวายนัก เก็บคนเช่นนี้ไว้ข้างกายเจ้าจะวางใจได้หรือ?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “สตรีตัวคนเดียว อยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งเช่นนี้ ทว่าข้างกายนางก็ยังมีคนมากมายติดตามนางอย่างเหนียวแน่นมาเป็นเวลาหลายปีขนาดนี้ แปลว่าคนผู้นี้ยังคงมีข้อดีอยู่”

ลิ่งหูชิวถาม “แค่นี้หรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า