ตอนที่ 328 ฟ้ามืดแล้ว
ภายในคฤหาสน์ใหญ่ที่อยู่ลึกเข้าไปด้านหลังร้านเต้าหู้ ภายใต้ร่มเงาไม้ เด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งกับโต๊ะตัวเล็กๆ ด้านหน้ามีกระดานดำอันหนึ่งตั้งไว้อยู่ ทุกคนถือปากกาขนห่านก้านหนึ่งไว้ คัดลอกอักษรตามที่เขียนบนกระดานดำ
ฮูเหยียนเวยเดินอาดๆ เข้ามา
ที่นี่มิใช่สถานที่ที่ใครหน้าไหนนึกจะเข้ามาก็เข้ามาได้ แต่ฮูเหยียนเวยเป็นกรณียกเว้น เขาเข้าออกได้ตลอดเวลา ไม่มีผู้ใดขัดขวางเขา
พอมาถึงที่นี่ มองเห็นหยวนกังเดินวนไปมาอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่อยู่ใต้ร่มไม้ เขาคิดจะตะโกนเรียกตั้งแต่ไกล ทว่าถูกหนิวหลินห้ามไว้ ทำท่าบอกให้เขาทำตัวเงียบๆ ไม่ส่งเสียงดัง
ฮูเหยียนเวยพยักหน้า ค่อยๆ เดินเข้าไปใต้ร่มเงาไม้ด้วยความรู้สึกสงสัย มองอุปกรณ์ที่ทุกคนใช้คัดอักษรอยู่ สิ่งที่เขาสนใจคือปากกาขนห่านในมือของทุกคน เพียงจุ่มลงในน้ำหมึกก็สามารถเขียนตัวอักษรเล็กจิ๋วออกมาได้แล้ว
เขามีสีหน้าสนใจใคร่รู้ เดินไปที่หน้ากระดานดำ หยิบปากกาขนห่านก้านหนึ่งขึ้นมาจุ่มลงในน้ำหมึก ลองเลียนแบบตาม เขารู้สึกสนุกขึ้นมาทันทีเมื่อพบว่าปากกาขนห่านเป็นของดีอย่างหนึ่ง สามารถดูดน้ำหมึกเข้าไปในก้านกลวงเปล่าได้ ยามขีดเขียนน้ำหมึกจะค่อยๆ ไหลลงมาจากในก้านอย่างพอเหมาะพอดี
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าปากกาขนห่านที่ผ่านการดัดแปลงแล้วกำหนึ่ง ดึงกระดาษมาห่อไว้แล้วยัดใส่เข้าไปในแขนเสื้อตน
เขาพลันรู้สึกว่าต้นคอแน่นตึง หยวนกังคว้าคอเสื้อเขาจากทางด้านหลัง ลากตัวเขาออกมาด้านข้างพลางเอ่ยถามว่า “ไยเจ้าต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ด้วย?”
ฮูเหยียนเวยชูของที่หยิบฉวยมา หัวเราะแหะๆ พลางเอ่ยไปว่า “ขนห่านกำเดียวแอง เจ้าคงไม่ได้ขี้งกขนาดนั้นใช่หรือเปล่า?”
ขนห่านกำเดียวไม่มีค่าอะไรจริงๆ หยวนกังจึงปล่อยตัวเขาไป
ฮูเหยียนเวยยัดของในมือกลับเข้าไปในแขนเสื้อ เอ่ยด้วยความสงสัย “ทำไมถึงไม่ให้พวกเขาใช้พู่กันเล่า? ใช้เงินไม่กี่เหรียญเท่านั้น หากเจ้าหักใจจ่ายไม่ลง ประเดี๋ยวข้าออกให้ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกระเบียดกระเสียนขนาดนี้เลย หากข่าวแพร่ออกไปแล้วคนรู้ว่าแม้แต่พู่กันข้าก็ยังไม่ให้คนงานใช้ แต่เอาขนห่านมาให้ใช้แทน เช่นนั้นคงถูกหัวเราะเยาะเข้าจริงๆ ข้าคงขายหน้าคนอื่นเขาเป็นแน่”
หยวนกังกล่าวว่า “พวกเขาล้วนเกิดมายากจน ไม่เคยเรียนรู้หนังสือ พื้นฐานย่ำแย่เกินไป จะใช้พู่กันต้องมีพื้นฐาน จำเป็นต้องใช้เวลานานเพื่อฝึกฝน เรียนรู้ด้วยวิธีนี้ง่ายและสะดวกกว่า ส่วนเรื่องพู่กัน หากวันหน้าพวกเขามีพื้นฐาน ถ้าพวกเขายินดีจะเรียนรู้ ก็ให้พวกเขาไปเรียนเอาเอง”
พอพูดเรื่องพื้นฐานย่ำแย่ ฮูเหยียนเวยฉุกคิดขึ้นมา เอ่ยด้วยความสงสัย “ดูเหมือนข้าจะไม่เคยได้ยินว่ามีร้านค้าใดรับผิดชอบสอนให้คนงานอ่านเขียนได้มาก่อน ไยเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วย?”
หยวนกังเอ่ยว่า “กองทัพที่ไม่รู้หนังสือเลยสักตัวคือกองทัพที่โง่เขลา กองทัพที่สติปัญญาตื้นเขินก็เป็นได้แค่คนกล้าที่ไร้ซึ่งแผนการ!”
“หยุดเลย!” ฮูเหยียนเวยรีบยกมือปรามให้เขาหยุด เอ่ยเตือนอย่างจริงจัง “อันซยง เจ้าห้ามก่อเรื่องวุ่นวายเชียวนะ ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อนว่านี่คือคนงานในร้านของพวกเราเท่านั้น มิใช่กองทัพ คำพูดนี้ของเจ้าพูดกับข้าได้ แต่ห้ามเอาไปพูดส่งเดชข้างนอกเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะชักนำความเดือดร้อนเข้ามาหาตัว ข้อหาซ่องสุมกองกำลังส่วนตัวไม่ใช่เรื่องน่าสนุกนะ!”
หยวนกังเปลี่ยนประเด็น “ไม่ได้พบหน้าเจ้าหลายวัน ได้ยินเสมียนเกาบอกว่าเจ้าถูกที่บ้านกักบริเวณหรือ?”
“เฮ้อ!” พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ก็ทำให้ฮูเหยียนเวยส่ายหน้าทันที “ระยะนี้มีคนดังคนหนึ่งมาเยือนเมืองหลวง ข้าไปทำความรู้จักกับเขามาเล็กน้อย เป็นผลให้ถูกกักตัวไว้ในบ้าน นี่มันเหตุผลอะไรกัน”
หยวนกังถามโดยไม่ได้คิดอะไร “ผู้ใดหรือ?”
ฮูเหยียนเวยหัวเราะเล็กน้อย เอ่ยตอบว่า “เป็นฝ่าซือคนหนึ่ง มาจากแคว้นเยี่ยน คนผู้นี้ใจกล้านัก เคยสังหารราชทูตของแคว้นเยี่ยนในเขตแคว้นจ้าว ได้ยินว่าระหว่างเดินทางมาครั้งนี้เขาสังหารยอดฝีมือลำดับต้นๆ บนทำเนียบโอสถทองไปด้วย เฮ้อ ข้าพูดเรื่องนี้กับเจ้าทำไมกันนะ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าสิ่งใดคือทำเนียบโอสถทอง? พูดไปเจ้าก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี”
หยวนกังมุ่นคิ้วเล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบว่า “เคยได้ยิน เป็นทำเนียบที่จัดลำดับผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทอง คนที่สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนในเขตแคว้นจ้าวชื่อหนิวโหย่วเต้า”
“หวา!” ฮูเหยียนเวยแสดงความแปลกใจ “เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?”
หยวนกังตอบว่า “เรื่องหนิวโหย่วเต้าสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยน ข้าเคยได้ยินสมัยอยู่ในกองทัพชายแดน สังหารที่มณฑลจินโจวในแคว้นจ้าวกระมัง?”
“โอ้!” ฮูเหยียนเวยคิดๆ ดูก็พบว่าใช่ เรื่องราวในตอนนั้นเป็นที่โจษจันอย่างยิ่ง การที่เขาจะรู้เรื่องก็ไม่แปลกอะไร
หยวนกังถามอีกครั้ง “แค่ผู้บำเพ็ญเพียรจากแคว้นเยี่ยนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้ท่านถูกกักบริเวณได้เล่า?”
“เฮ้อ อย่าเอ่ยถึงเลย ทันทีที่คนผู้นั้นมาถึงเมืองหลวงก็มีคนไปหาเรื่องทันที พอได้ข่าวว่าเขาสังหารยอดฝีมือบนทำเนียบโอสถทองคนก็ยกโขยงกันไปท้าเขาต่อสู้…” ฮูเหยียนเวยบอกเล่าเรื่องราวที่ประสบมาอย่างเจื้อยแจ้ว เล่าเรื่องการนัดหมายที่ลานน้ำตกเหินหาวรวมถึงเรื่องนัดสังสรรค์กับหนิวโหย่วเต้าที่เรือนเมฆาขาว แต่สุดท้ายกลับถูกที่บ้านกักบริเวณ
ต่อมาเป็นเรื่องใบอนุญาตส่งออกม้าศึกหนึ่งแสนตัว หนิวโหย่วเต้าเผชิญอันตรายจากรอบด้านจึงจัดงานประมูลขึ้นที่ทะเลสาบส่องนภา ตอนอยู่ที่งานประมูลได้ทำร้ายคุนหลินซู่ศิษย์สำนักเพลิงนภาที่มาหาเรื่องท้าทายจนบาดเจ็บสาหัส
โดยปกติแล้วเขาไม่ค่อยสนใจเรื่องเช่นนี้ และไม่มีผู้ใดจงใจมาเอ่ยถึงเรื่องนี้กับเขาเช่นกัน แต่เป็นเพราะได้รู้จักหนิวโหย่วเต้าแล้ว และเป็นเพราะหนิวโหย่วเต้า เขาถึงได้ถูกกักบริเวณ อุดอู้อยู่ในบ้านไม่มีอะไรทำ เขาจึงไปสอบถามเรื่องของหนิวโหย่วเต้าด้วยความสงสัยใคร่รู้ และอยากรู้ด้วยว่าเพราะเหตุใดตนถึงถูกกักบริเวณ เขาถึงได้ทราบเรื่องราวเหล่านี้มา
ตอนยังไม่ให้ความสนใจยังพอว่า แต่พอให้ความสนใจแล้วก็ยิ่งสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ หนิวโหย่วเต้าคนนี้มักเกิดเรื่องเกิดราวอยู่เสมอ น่าสนุกสนานเหลือเกิน!
หยวนกังรับฟังเงียบๆ อารมณ์ปั่นป่วน ตอนนี้เขาไม่ทราบข่าวคราวและสถานการณ์ของโลกบำเพ็ญเพียรเลย เพิ่งรู้วันนี้ว่าหลังจากเต้าเหยี่ยมาถึงเมืองหลวงได้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมายขนาดนี้ เผชิญอันตรายมากมายถึงเพียงนี้
ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเต้าเหยี่ยถึงต้องการให้เขาเตรียมการวางเพลิงเมืองหลวง
“วันนี้ที่ออกมาได้ เป็นเพราะมรสุมแรงกดดันที่ฝ่าบาทมีต่อหนิวโหย่วเต้าได้ผ่านพ้นไปแล้ว เจ้าคงไม่รู้กระมัง วันนี้ก่อนออกมา ข้าได้ข่าวว่าหนิวโหย่วเต้าคนนั้นก่อเรื่องน่าตกตะลึงอีกอย่างแล้ว เขาสยบหงเหนียงแห่งสวนไม้เลื้อยได้ หงเหนียงยอมรับเองกับปากว่าขายตัวเป็นทาสรับใช้เขาแล้ว!”
หยวนกังเอ่ยถาม “หงเหนียงแห่งสวนไม้เลื้อยคือผู้ใด?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า